ตอนที่ 388

The Novel’s Extra

บทที่ 388 การเคลื่อนไหวของแต่ละฝ่าย (2)

 

แชนายอน เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกมและป้องกันตัวเองจากอาการซึมเศร้า เกมดังกล่าวเป็นเกม MMORPG ที่ชื่อว่า ‘Leaf Story’

 

เปรี้ยง-!

 

เปรี้ยง-!

 

อย่างไรก็ตามเธอปิดการใช้งานหลังจากเล่นเป็นเวลา 15 นาทีเท่านั้น

 

มันน่าเบื่อ.

 

จริงๆแล้วเกมส่วนใหญ่กลายเป็นเกมธรรมดาหลังจาก ‘Tower of Wish’ ปรากฏ มันคือการล่ามอนสเตอร์ เก็บสะสม TP และเพิ่มระดับไอเท็มในหอคอย ทุกคนเองก็สนุกกับมันราวกับมันคือเกมส์ที่ดีที่สุด

 

“อืมมมมมมมมมมมมมมมม… .”

 

เธอเหยียดร่างกายของเธอบนเก้าอี้ ทันใดนั้นเธอสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ

 

‘จดหมายเชิญไปที่ห้องรัก’

 

“อืม.”

 

นี่เป็นตั๋วที่สามารถเรียกผู้เล่นคนใดก็ได้ไม่ว่าเขาจะอยู่บนโลกหรือในหอคอยซึ่งตอนนี้เธออยู่ที่นี่ เธอเอามันออกมาเป็นอย่างแรก…

 

“ฉันว่ามันไร้ประโยชน์ไปแล้วสินะ”

 

Extra7

 

มีบางอย่างเกี่ยวกับเขา แต่เขาเป็นอาจารย์ของเธอ แถมเขายังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอบอกกับตัวเองว่าเธอต้องขอบคุณเขาอย่างจริงใจ และสักวันเธอจะได้เจอกับเขาเอง

 

“ฉันแน่ใจว่า ฉันจะมีโอกาสได้ใช้มันในอนาคต”

 

แชนายอน พึมพำและวางบัตรเชิญลงในลิ้นชักโต๊ะทำงาน

 

[1:36 AM]

 

มันดึกมากแล้ว

 

เธอเข้าไปในห้องนอนและล้มตัวลงบนเตียงขนาดใหญ่ แต่ความคิดของเธอกลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่เธอต้องตัดสิน

‘แชจินยุน เป็น ปีศาจ….’ มันเป็นเรื่องไร้สาระที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“… .”

 

แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง….บางที 1 ในโอกาสนับล้านที่พี่ชายของเธอได้กลายเป็นปีศาจ…แน่นอนว่าอย่างไม่เต็มใจ แต่ถ้าเขาถูกบีบบังคับให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง…บางทีสิ่งที่คิมฮาจินทำก็คือ….

 

“ไม่มีทาง.”

 

มันน่าเชื่อมากขึ้นทันทีเมื่อคิดว่าคิมฮาจินเป็นคนฆ่าพี่ชายของเธอเรื่องพายุพลังงานปีศาจไม่ใช่สิ่งที่คิมฮาจินสร้างได้อย่างแน่นอน

 

“บ้าไปแล้ว”

 

แชนายอน พึมพำและส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเธอก็หยิบภาชนะที่เต็มไปด้วยยานอนหลับจากลิ้นชักข้างเตียง

 

แกร๊กๆๆๆ

 

เธอเทยาลงไปในปากของเธอ จำนวนยานั้นเพียงพอที่จะฆ่าคนธรรมดาได้จากการใช้ยาเกินขนาด แต่มันเป็นขั้นต่ำที่สุดที่จะทำให้ยอดมนุษย์อย่างเธอนอนหลับ

 

“เฮ้ออออออออออออออ… .”

 

เธอถอนหายใจและนอนลงบนเตียง ไม่นานความรู้สึกที่คุ้นเคยของอาการง่วงนอนจะพุ่งเข้าใส่เธอ

 

*************************************************************************

 

[ชั้น 26 อาณาจักรปีศาจที่แท้จริง]

 

ชั้น 21 อาณาจักรแห่งการ์ด

ชั้น 22 ก้นบึ้งทะเลลึก

ชั้น 23 ทะเลพระจันทร์เสี้ยว

ชั้น 24 ทะเลทรายแห่งความฝัน

ชั้น 25 จุดสิ้นสุด

รถไฟแล่นผ่าน 5 ชั้นและถึงปลายทางนั้นคือ ชั้น 26

 

– นี่คือปลายทาง [อาณาจักรปีศาจที่แท้จริง] รถไฟของเราจะไม่ไปไกลเกินกว่าจุดนี้

 

จาก 403 ผู้จัดอันดับที่ขึ้นรถไฟเหลือเพียง 73 ที่ยังคงอยู่จากจุดนี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นของบทสุดท้ายของ บทแห่งหอคอย ในนิยาย

 

– โปรดมองไปทางขวาของคุณ นั่นคือ หอคอมอาณาจักรปีศาจซึ่งเป็นที่ตั้งของราชาปีศาจ

 

ผมหันไปมองทางด้านขวา กัปตันพูดจาดูจริงจังกว่าปกติมาก โลกสีม่วงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกมืด เหนือหมอกก็มีเงาเป็นหอคอยสูง

 

หอคอยภายในหอคอย

 

ชั้นที่ 26, 27, 28 และ 29 เป็นชั้นที่เชื่อมต่อกันและชั้นที่ 30 เป็นชั้นสุดท้ายของ หอคอย เป็นจุดสูงสุดของหอคอย คิมซูโฮ จะต้องตัดสินกับ ‘ผู้ดูแลคนสุดท้าย’

 

– การโจมตีปกติไม่สามารถใช้งานกับ ‘ปีศาจที่แท้จริงได้’ ใช้ได้ผลแค่ธาตุแสงหรืออย่างน้อยแสงสว่างจากการโจมตีแบบพลังธาตุเท่านั้นที่สามารถทำร้ายพวกมันได้

 

ผมตรวจสอบคุณสมบัติของ Desert Eagle

 

[ธาตุน้ำแข็ง 6%]

[ธาตุแสง 4%]

[ธาตุความมืด 2%]

[ธาตุไฟ 1%]

 

คุณสมบัติแสง 4% นี่หมายถึงความเสียหายที่เกิดจากกระสุน 25 นัดเท่ากับกระสุน 1 นัดส่วน ‘ธาตุน้ำแข็ง’ ปรากฏขึ้นหลังจากที่ผมฆ่า ด็อปเปิลแกงเกอร์ ด้วย Desert Eagle ไม่ว่ายังไงต่อจากนี้คิมซูโฮจะต้องเป็นผู้นำ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่ช่วยเขา แน่นอนว่าผมมีอาวุธลับเช่นกัน

===

[ลูกศรแสงจันทร์แห่งอเธน่า Lv.11]

○ พลังทำลายที่แต็มไปด้วยแสงสว่าง Lv.11

○ การหักเหของแสงจันทร์ Lv.11

–  เมื่อลูกศรถูกยิงภายใต้แสงจันทร์มันจะทวีคูณ

○ การเจาะเกราะ Lv.11

○ พลังแห่งจันทรา

– ปริมาณพลังเวทมนต์ที่ควบแน่นในลูกศรจะถูกเพิ่มขึ้น

===

 

[ลูกศรแสงจันทร์แห่งอเธน่า Lv.11]

 

ถึงแม้ว่าผมจะเอาชนะปีศาจที่แท้จริงได้ แต่ผมไม่มีโอกาสเพิ่ม

[การควบคุมระยะไกล] แบบที่ผมเคยทำกับลูกศรแห่งความมืดของผม

เพราะผมต้องใช้ 1500 SP ในการใส่คุฯสมบัตินั้นลงไปในลูกศร

ไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาจา LV ลูกศรและพลังที่เหลือเชื่อแล้ว ผมไม่ควรเลื่อนออกไปอีกแล้ว หากผมรอต่อไปผมอาจพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสม ผมถอนหายใจและเปิด Smart Watch

 

[การควบคุมระยะไกล Lv.1 ]

[จำเป็นต้องใช้ 1500SP คุณต้องการที่จะบันทึกหรือไม่]

 

ทันทีที่ผมคลิกปุ่มบันทึก โชคของผมก็ต้องทำงาน

 

[Lv.ของ ‘การควบคุมระยะไกล Lv.1’ กำลังสุ่ม…. ]

[คุณได้รับ ‘การควบคุมระยะไกล Lv.4’ ขอแสดงความยินดีด้วย!]

 

“อืมมมมมมม.”

 

นี่มันมากกว่าที่คิดเอาไว้มาก

ในขณะนั้นเองประตูห้องพิเศษก็เปิดออกและเจนกับบอสก็ปรากฏตัวพร้อมกัน

 

“…โอ้ยยยย. แปบนะสักครู่~ พวกเราใช้เวลามาที่นี่กี่เดือนกัน?”

 

เจนพึมพำและนั่งข้างๆผม บอสโน้มตัวมามองที่เจนอย่างไม่พอใจ

 

“โอ้ ว่าแต่ ฮาจิน จริงไหมที่ชั้น 30 เป็นชั้นสุดท้าย~? เราเหลืออีกแค่

5 ชั้นเท่านั้น ~?”

 

“ใช่ แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับพวกเราอยู่ต่อจากนี้ไป”

 

“นั้นสิ~ มันน่าผิดหวังจริงๆ ทุกคนที่ไม่มีคุณสมบัติธาตุแสงเลย? หอคอยนี้มันเป็นที่นิยมของคนดีงั้นเหรอ?”

 

แม้เธอจะบ่น แต่ก็มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเจน

 

“เธอดูไม่ผิดหวังเท่าไรนะ”

 

“ก็ไม่~”

 

“ไม่? ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอถึงตัดสินใจปีนหอคอย”

 

“หืม? อ้อเพราะมันดูสนุก ถ้ามันไม่สนุกฉันก็คงจะเลิกไปแล้ว ~”

 

เจนยิ้มเยาะ บอสเดินมาและนั่งข้างๆผม ทันใดนั้นเธอก็สะบัดผม

 

“ผมของฉันยุ่งแล้วนะ”

 

ผมปล่อยให้บอสพึมพำกับตัวเองแล้วเริ่มคิดเกี่ยวกับ Tower of Wish

อย่างที่ เจน พูดหอคอยแห่งความปรารถนานั้นสนุก ผู้เล่นจะได้สำรวจโลกแห่งแฟนตาซีที่แตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงและไม่เหมือนหอคอยอื่นๆ ทุกคนสามารถคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลขึ้นอยู่กับความพยายามที่พวกเขาลงมือไป

 

“ผมของฉัน ยุ่งเหมือนสิงโตแล้ววววนะะะะ”

 

“… ?”

 

“ฉันออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้ไม่ได้”

 

บอสเด้งผมของเธอเข้าหาผมอีกครั้ง กลิ่นของเธอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

“คุณอยากให้ผมหวีผมให้สินะ”

 

“…อืมมมมม ถ้านายต้องการ.”

 

“โอเค โอเค ~”

 

ผมเริ่มหวีผมของเธอ ผมของบอสขยับไปตามหวีเอเธอร์และเธอถอนหายใจเบาๆขณะที่เธอนอนบนโซฟา เธอดูเหมือนจะสนุกกับเรื่องนี้มากๆ

 

“บอสน่ารักมาก…โอ้ ใช่ ฮาจิน”

 

ทันใดนั้นเจนก็ส่งเอกสารให้ผม

 

“พวกนี้คืออะไร?”

 

ผมถามขณะยังคงหวีผม

 

“นายบอกฉันครั้งล่าสุดว่านายวางแผนที่จะไล่ล่าปีศาจต่อไป ดังนั้นฉันเลยทำรายชื่อเป้าหมายที่เป็นไปได้ให้นาย อย่างน้อยพวกเขาก็ล้วนเป็นหัวหน้าทีมและราคาค่าหัวของพวกเขาไม่ธรรมดาเลยนะ”

 

ผมได้รับเอกสารมา…อย่างที่คาดไว้รายชื่อนี้เต็มไปด้วยผู้บริหารที่มีชื่อเสียงของกลุ่มปีศาจ

 

“แต่เธอจะเอาพวกเขามารวมกันได้ยังไง”

 

“ฉันจะทำมันในหอคอย มีคนมากมายมาที่นี่และจะทำทุกอย่างถ้า

นายเสนอ TP ให้พวกเขาอาจเป็นเพราะมันสามารถชุบชีวิตได้แม้จะตายไป 2-3 ครั้งก็ไม่มีอะไร”

 

“อ้อ…โอเค ขอบคุณมาก.”

 

ผมใส่เอกสารลงในคลังของผม

 

“ฉันจะกำจัดทุกคนในรายชื่อภายใน 1 เดือน”

 

“แต่มีปีศาจถึง 200 คนเลยนะในรายชื่อนั้น”

 

“ งั้น…ฉันจะทำให้เสร็จภายใน 2 เดือนก็แล้วกัน”

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่ผมหวีผมให้บอสต่อไปความคิดของผมก็วิ่งแล่น

จริงๆแล้วการล่าปีศาจนั่นหมายความว่าผมจะดึงดูดความสนใจของพวกเขา และการดึงดูดความสนใจของพวกเขานั่นหมายความว่าผมจะไม่เพียงแต่ต้องเปิดเผยตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวด้วย

ผมมีสมาชิกครอบครัว 2 คนเท่านั้น อีเวนเดล และ ฮายัง

 

“อืม … .”

 

ก่อนที่ผมจะเริ่มต้นการล่าอย่างเต็มรูปแบบผมต้องย้ายพวกเธอไปยังที่ๆปลอดภัยก่อน ผมไม่สามารถพึ่งพากิลด์หรือหอคอยเวทมนต์ได้

มันจะต้องเป็นสถานที่ที่ อีเวนเดล ปลอดภัยและสะดวกสบาย …

ทันใดนั้นก็มีชื่อหนึ่งโผล่เข้ามาในหัวของผมราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านสมองของผมไป

 

เรเชล เป็นคนที่ผมต้องการมากที่สุด

 

ถ้าเป็นไปได้ผมอยากบอกเรเชลเกี่ยวกับ อีเวนเดล ด้วย อันที่จริงแม้ว่าเรเชลไม่อยากที่จะรู้ผมก็ต้องบอกเธอสักวัน แต่เธอจะรู้สึกอย่างไรกับแม่มดที่ดูเหมือนตัวเธอเอง?

 

“…เสร็จเรียบร้อย.”

 

ผมของบอสนั้นสมบูรณ์แบบ บอสลังเลราวกับอยากเล่นมากกว่านี้ แต่ในไม่ช้าก็ลุกขึ้นมา ผมเปิดช่องข้อความและดึงหน้าต่างข้อความของ [CaptainBritain] ขึ้นมา

 

ผมยังคงกังวลและสงสัย แต่นี่เป็นคำสัญญาที่ผมได้ทำกับ อีเวนเดล

ในฐานะผู้พิทักษ์ของเธอ แม้แต่ตอนนี้ อีเวนเดล ก็คงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อรอวันที่ความปรารถนาของเธอจะเป็นจริงในวันที่เธอจะได้พบกับเรเชลในที่สุด

 

ผม:「เรเชล」

 

ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องตัดสินใจ ผมส่งข้อความถึง เรเชล ไม่ช้าคำตอบที่ค่อนข้างแข็งกระด่างก็ตอบกลับมา

 

CaptainBritain: 「ว่าไง」

 

“อะ… .”

 

ผมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็นึกถึงสิ่งที่ผมควรพูด ในที่สุดผมตัดสินใจที่จะพูอย่างตรงไปตรงมา แบบปอนด์ต่อปอนด์

 

ผม:「สัปดาห์หน้าเจอกันที่โลก」

 

CaptainBritain: 「เอ๊ะ อ้อๆ ขอโทษที. ฉันไปไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์ใน Crevon ตอนนี้แย่มาก มันเลวร้ายยิ่งกว่าสงครามอิมจินซะอีก」

 

“…เธอรู้เรื่องสงครามอิมจินด้วยงั้นเหรอ”

(สงครามอิมจิน คือสงครามจากการบุกตีเกาหลีของญี่ปุ่น)

 

ทุกวันนี้ประวัติศาสตร์เกาหลีเป็นวิชาบังคับในหลายประเทศ หลังจากเกาหลีกลายเป็นมหาอำนาจของโลกประวัติศาสตร์เกาหลีก็กลายเป็นหัวข้อสามัญสำนึกไปแล้ว สงครามเกาหลีถือเป็นหนึ่งในสงครามที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี

 

ผม:「ไม่นานหรอก」

 

ผมพิมพ์คำตอบลงไป แต่เนื่องจากดูเหมือนไม่เพียงพอผมจึงส่งข้อความที่ 2 ไปหลังจากนั้นไม่นาน

 

ผม:「เอ้อ ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นแฟนคลับหมายเลข 1 ของเฟนริล」