1777 vs 1778 vs 1779 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1777

“อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อนงั้นรึ?” ฉินมั่วย้ำ เหยียดมืออย่างคร้านๆ ดับมือถือเธอ “ฟังแล้วดูเหมือนเธอคิดของเธออยู่คนเดียวเลยนะ”

ป๋อจิ่วหันไปมอง “โอเค ไม่ว่าพี่จะรู้สึกหรือเปล่า ยังไงฉันก็รู้สึกอย่างนั้น อยู่ใกล้ประภาคารจะได้ชมจันทร์ก่อน”

“เธอก็เลยเข้าทีมเพราะเหตุนี้?” ฉินมั่วถามอย่างไม่ใส่ใจ

ป๋อจิ่วตอบขึงขัง “อื้ม หลงเสน่ห์พี่ไง เลยเผลอเซ็นสัญญาขายตัวให้เลย แถมเป็นสัญญาตั้งสามปีแหน่ะ พี่คือผู้กุมกฎของทีมเราเลยนะเนี่ย”

“ท่าทางฉันน่าจะเป็นป๋าสายเปย์เสียมากกว่า” ฉินมั่วยิ้ม ก้มมองคนในอ้อมกอด มุมปากเขาบิดเล็กน้อย

ป๋อจิ่วจึงได้เรียนรู้สึกทีว่าอะไรที่เรียกว่า พูดมากจะยากนาน เธอเริ่มดึงความสนใจกลับมาที่หัวข้อเดิม “ก็ไม่เชิง ฉันรวยกว่าพี่ ที่เข้าทีมก็เพราะอยากจะสร้างกฎกับพี่แบบรู้ๆ กัน”

“อ้อ? พนักงานจะสร้างกฎกับเจ้าของบริษัท? หรือว่าลูกทีมคิดจะสร้างกฎกับหัวหน้าทีม?” ฉินมั่วพูดพลางยิ้ม

ป๋อจิ่วรู้สึกว่าหากพูดต่อไป เธอคงไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงหยิบมือถือมาเตรียมเล่นเกมอีกครั้งอย่างเงียบๆ

ชายหนุ่มมองดูด้านหลังเธอด้วยท่าทีไม่เปลี่ยนแปลงด้วยการโอบเธอไว้ในอ้อมกอด “ทำไมไม่ฆ่ามอนสเตอร์แล้วล่ะ”

“ตัวใหม่ยังไม่ออกมา ต้องรอหลายวินาที ลืมแล้วเหรอ”

“พอฆ่าเสร็จ ต้องรอ 120 วินาที ถึงจะมีตัวใหม่ ตอนนี้ออกมาแล้ว”

เมื่อได้ยิน มือที่เล่นเกมของป๋อจิ่วถึงกับชะงัก เงยหน้าขึ้น “พี่รู้ได้ไง?” จำได้แล้วใช่ไหม หรือว่าพอจะจำได้บ้าง?

“มันยากเหรอ?” ฉินมั่วจิ้มนิ้วบนหน้าจอ “ดูเธอเล่นก็พอจะคำนวณได้ เลยสรุปได้ง่ายๆ”

ป๋อจิ่วลืมไปแล้ว ต่อให้ท่านเทพจะสูญเสียความทรงจำไป แต่พรสวรรค์ของเขาไม่มีวันเปลี่ยน โดยเฉพาะความจำดีเยี่ยมสมกับเป็นนักจิตวิทยายอดฝีมือซึ่งไม่มีใครเทียบได้

“บลูจะอยู่กับฉันได้นานแค่ไหน?”

“90 วิฯ”

“เวลาที่บอสราชาจะเข้าที่มืดล่ะ?”

“หลังจากที่เริ่มเกมไปแล้วสิบนาที”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้วนัยน์ตายิ่งสว่างขึ้น “แล้วนานเท่าไรฉันถึงจะฟื้นพลัง?”

“กำลังทดสอบฉันใช่ไหม? หรือว่าอยากให้ฉันคุ้นกับเกมมากขึ้น” ฉินมั่วมองดูคนในอ้อมแขน มุมปากหยัดยิ้ม แต่ความอบอุ่นในแววตาหายไปเยอะ “ฉันไม่ได้ชอบเล่นเกมสักหน่อย เมื่อก่อนฉันชอบก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะชอบด้วย”

ป๋อจิ่วเงยหน้า พอจะเห็นว่าเขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว จึงปิดมือถือ “ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น ฉันเห็นที่พี่ก่อกวนฉันขนาดนั้น ก็เลยคิดว่าพี่ชอบ”

“ก็เพราะเธอเล่นอยู่” จู่ๆ ฉินมั่วก็โพล่งออกมา ทำให้ทั้งสองต่างอึ้ง โดยฉินมั่วที่ย่นหัวคิ้วนิดๆ ส่วนป๋อจิ่วกลับหัวเราะขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่

ฉินมั่วเอนตัว “สะใจมากเหรอ”

“ใช่” แววตาเธอเป็นประกาย “พี่มั่ว นี่แสดงว่าชอบฉันบ้างแล้วใช่ป่ะ?”

ฉินมั่วตอบกลั้วหัวเราะด้วยเสียงเรียบ “เธอเป็นสายเปย์ของฉัน จะไม่ชอบได้ไง” เขาแสร้งอ่อนโยนอีกแล้ว ป๋อจิ่วจึงได้แต่ “ชอบก็ดี”

ทว่านัยน์ตาชายหนุ่มขรึมลง ราวกับกำลังคิดว่าตัวเองหลุดปากออกไปเช่นนั้นได้อย่างไร แต่การได้เล่นกับเหยื่อ เขาคิดว่าจะเล่นยังไงก็ได้ เพราะเธอน่าเอ็นดูดี

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไม่ได้เล่นเกมแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรทำ พอเขาเดินไปไหนเธอเป็นต้องติดตามไปด้วย แม้จะเข้าห้องน้ำก็ตาม ทำเหมือนเป็นหางติดตัว ฉินมั่วหันไปหา “ว่ามา อยากจะทำอะไร?”

…………………………………………..

 ตอนที่ 1778

“เปล่า แค่อยากจะถามว่า รางวัลที่จะให้ฉันอยู่ที่ไหน?” ป๋อจิ่วไม่ลืมที่ท่านเทพเอ่ยว่า ขอแค่เธอจับนักเวทตัวร้ายได้ เขาจะมีรางวัลให้

คิ้วได้รูปของฉินมั่วเลิกขึ้น อุตส่าห์ตามเขามาตลอดทางเพื่อจะเอารางวัลนี่นะ เด็กไหมล่ะ?

ป๋อจิ่วเห็นเขานิ่ง ก็เบะปาก “หลอกฉันป่ะเนี่ย”

“หลับตาสิ” ฉินมั่วลูบคิ้วที่ขมวดขึ้นของเธอ ยัยเด็กนี่กำลังจะงอแงแล้ว? ป๋อจิ่วหัวเราะขึ้นมา แล้วหลับตาลงอย่างรู้งาน บ่นในใจว่ากว่าจะยอมจูบ มันไม่ง่ายเลยนะ และเพื่อจะให้สูงพอกับจูบของเขา เธอจึงเขย่งขาฉินมั่วเห็นการกระทำอีกฝ่ายแล้วอดยิ้มมุมปากไม่ได้ จากนั้นจึงยัดของในมือลงในกระเป๋ากางเกงเธอ เอ่ยอย่างเป็นปกติ “เรียบร้อย”

เรียบร้อย? ป๋อจิ่วลืมตา  ไม่ได้แตะเธอสักนิด ทำไมถึงเรียบร้อยแล้วล่ะ?

“ไม่จุ๊บเหรอ?” ป๋อจิ่วโอดครวญด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง

ฉินมั่ว “เด็กผู้หญิงอย่างเธอนี่ ในสมองคิดอะไรบ้าง?”

“ก็ไหนบอกว่า…” ป๋อจิ่วทำหน้าใสซื่อ ส่งผลให้ชายหนุ่มนึกถึงคำตอบที่เธอเคยเอ่ยขึ้นในทันทีที่ได้ยิน สองพยางค์ ปล้ำเขา เขาปล้ำง่ายงั้นเชียว?

ฉินมั่วไม่มองหน้าเธอ แค่ทำท่าจะเอาของกลับคืนมา “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่อยากได้ของรางวัลที่ฉันให้”

“ใครว่าฉันไม่อยากได้ พี่มั่ว ของรางวัลที่ให้แล้ว เอากลับคืนไปไม่ได้นะ” ป๋อจิ่วรั้งเขาไว้ มือหนึ่งปิดกระเป๋ากางเกงตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามันคืออะไร ของกลมๆ ห่ออย่างดี น่าจะเป็นลูกอมรสช็อกโกแลต

ป๋อจิ่วชะงักครู่หนึ่ง เธอพลันคิดขึ้นมาได้ว่า เขาเคยทำแบบนี้เมื่อตอนอยู่ในค่ายทหาร จะมีขนมหวานติดกระเป๋ากางเกงทุกเวลาเพียงเพราะเพราะเธอชอบกิน

ฉินมั่วเห็นคนตรงหน้านิ่งจึงขมวดคิ้ว หมายความว่าไง? เธอไม่ชอบงั้นเหรอ? ไม่น่าจะใช่ เพราะจากสิ่งที่เขาสำรวจเจอ เด็กคนนี้ชอบกินขนมหวานมาก และในบรรดาอมยิ้มลูกกวาดทั้งหลาย เธอชอบกินรสนี้มากที่สุด แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนี้?

แม้จะไม่ได้เห็นอ้อมกอดและหน้ายิ้มๆ อย่างที่ตัวเองปรารถนา แต่ก็ไม่ทำให้ฉินมั่วผู้ซึ่งซุกมือลงในกระเป๋า สีหน้าเปลี่ยนแต่อย่างใด เพียงแต่เขาไม่ควรถามต่อว่า “ทำไม? ไม่ชอบเหรอ?”

หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ป๋อจิ่วก็ดึงตัวเองออกจากภวังค์ กำลูกอมในมือแน่น ยิ้มกว้างราวกระจันทร์เสี้ยว “ฉันชอบมาก”

ฉินมั่วกวาดตามองเธอแวบหนึ่ง ชอบมากรึ? ทว่าเธอดูไม่เหมือนเซอร์ไพร์สเลย ราวกับกำลังระลึกความหลังบางอย่าง ชายหนุ่มหันหน้าไป เส้นผมสั้นแสดงคุณประโยชน์ของมันด้วยการปกคลุมนัยน์ตา “ชอบก็ดี”

สิ่งที่เขาพูดไม่เหมือนกับที่เธอคิด แต่ก็ปกติธรรมดาแล้ว เป็นใครก็ต้องคิดถึงตอนที่คนรักตัวเองในช่วงที่ยังไม่สูญเสียความทรงจำว่าจะเป็นอย่างไร

คิดมาได้เช่นนี้ ฉินมั่วก็แย้มมุมปากเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ยิ้ม แต่กลับไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่อย่างใด แน่ล่ะ เขาในสภาพนี้ย่อมไม่ให้ป๋อจิ่วจับได้ เขาจะทำก็แต่เกาะกุมเอวเธอ ทรมานเธอบนเตียงอย่างเร่าร้อน ให้เธอวอนขอ ถึงจะยอมจูบเธอโดยไม่ให้เกิดขั้นต่อไป

ก่อนนอน ป๋อจิ่วรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังข้างหูตนเอง เสียงนั่นเบามาก ทั้งยังเซ็กซี่ลุ่มลึกเหมือนสัมผัสความชื้นด้านนอก “ตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอ คือฉัน”

……………………………………….

ตอนที่ 1779

คงเพราะประโยคนี้ฝังลึกอยู่ในใจ เมื่อตื่นขึ้นในวันถัดมา ป๋อจิ่วจึงเอาแต่เฝ้าถามอยู่ข้างตัวเขา “พี่มั่ว เมื่อคืนพี่พูดอะไรกับฉันอ่ะ?”

“พูดเหรอ?” ฉินมั่วยืนสง่าอยู่ข้างเตียง กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเป็นปกติ แต่นิ้วที่มีข้อกระดูกเด่นชัดกับกระตุกในทันทีที่ได้ยินเธอ ผิวของชายหนุ่มขาวจนแทบจะโปร่งแสง “พูดอะไร?”

ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าเรียบเรื่อยของเขา พินิจถึงคำย้อนถามก็บิดหัวคิ้ว หรือว่าเธอหลับจนเลอะเลือน “ที่พูดว่าตอนนี้คนที่อยู่ข้างเธอคือฉัน ประมาณนี้อ่ะ”

ฉินมั่วเหมือนจะยิ้ม “ฉันพูดแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?”

“ก็ไม่เหมือนว่าจะพูดอย่างนั้นได้จริงๆ แหละ” นอกจากปากเป็นพิษแล้ว ท่านเทพไม่มีสกิลหยอดคำหวานอะไรเลย ป๋อจิ่วเหยียบเท้าเปลือยบนพื้น สงสัยว่าเธอหลับจนเลอะเลือน แต่ใครจะรู้ว่าเท้าของเธอเพิ่งจะสัมผัสพื้น ก็ถูกเขาดึงคอเสื้อด้านหลัง โยนกลับไปอยู่บนเตียง

“ใส่รองเท้า”  เขาจ้องเธอใส่รองเท้าเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กเลย

ป๋อจิ่วมองหน้าเขา ก่อนจะก้มตัวสวมรองเท้าแตะ โอเคแล้วละมั้ง ส่วนฉินมั่วคร้านจะจัดการเธอ จึงสาวเท้าเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ แต่ใครจะว่ายัยจอมเจ้าชู้จะเดินตามหลังติดๆ พอบีบยาสีฟันก็ไม่รู้จักม้วนแขนเสื้อขึ้น อุตส่าห์หน้าตาดี

ป๋อจิ่วเองก็สังเกตเห็นแววตาของชายหนุ่มที่มองมายังเธอ จึงเอ่ยตรงๆ “พี่มั่ว วันนี้คนในทีมที่จะมา เป็นเพื่อนซี้ของพี่หมดเลยนะ”

ฉินมั่วบีบยาสีฟันเนิบนาบ ส่งเสียงรับรู้

“ทุกคนจะมารวมตัวกัน” ป๋อจิ่วว่าพลางก็จะแตะอ่างล้างหน้า

ฉินมั่วกลับรั้งมือเธอไว้ก่อนก้าวหนึ่ง งับแปรงสีฟันไว้ในปากด้วยสีหน้าเฉยชา ก้มหน้านิดๆ พับแขนเสื้อให้เธอ

ป๋อจิ่วมองดูใบหน้าใต้เงาแสงที่ทั้งหล่อและคุ้นตา บางทีก็ไม่ต่างกันหรอก

“ถ้าเธอยังมองหน้าฉันแล้วคิดเรื่องเมื่อก่อนอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ” ป๋อจิ่วแยกแยะไม่ออกว่าเขาพูดทีเล่นหรือทีจริง รู้แค่ว่าเขากดต้นคอเธอให้โน้มไปหา เอ่ยเสียงเนิบๆ “ล้างหน้าก็ไม่รู้สักม้วนแขนเสื้อ? โตขนาดไหนแล้วนะเธอ?”

ความสามารถในการดูแลตัวเองของเธอถือว่าปกติ เวลานี้อุตส่าห์มีคนล้างหน้าให้ เมื่อหันไปมองก็เห็นมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างยั้งไม่อยู่

น้ำเสียงของท่านเทพพอจะฟังออกว่าไม่ได้ดั่งใจ ขาดแค่คำว่าป๋อเสี่ยวจิ่วเท่านั้น

ป๋อจิ่วดื่มนมแก้วหนึ่งทั้งยิ้มๆ นมนั่นท่านเทพเป็นคนรินให้เธอ แถมยังใช้มือเช็คอุณหภูมินมด้วยมือตัวเอง ก่อนจะเอาให้เธอด้วย ยิ่งเหมือนตอนเป็นเด็กเลย

ป๋อจิ่วมองดูด้วยความดีใจ อารมณ์ดีๆ เช่นนี้ยังอยู่ถึงตอนที่เธอส่งข่าวให้หลินเฟิง ชายหนุ่มผู้บื้อแบ๊วยังคงตื่นเต้น “นายว่าพวกเราต้องเอาอะไรไปไหม?”

ป๋อจิ่วไม่ชอบพิมพ์ จึงกดปุ่มอัดข้อความเสียง “ที่บ้านไม่ขาดอะไร คุณตาพ่อบ้านจะย่างแพะให้ทั้งตัว พวกเราแค่ล้อมวงกินกันก็พอ กินเสร็จพวกนายก็ฝึกซ้อม คอมพ์รุ่นเอเลี่ยนสิบสามเครื่องมันมากพอจะให้พวกเรารวมกลุ่มเล่นทีม”

พอฟังจบ หลินเฟิงเอียงศีรษะด้วยสีหน้าผิดปกติ

อวิ๋นหู่มองเขาแวบหนึ่ง “ทำไม? แบล็กไม่สะดวกเหรอ”

“สะดวกมาก” หลินเฟิงลุกขึ้นยืน “บอกว่าไปซ้อมที่นั่นได้เลย แต่ใครกันบ้างที่ย่างแพะทั้งตัวไว้ในบ้าน”

อวิ๋นหู่ “…”

…………………………………………..