บทที่ 547 ไม่ใช่สามรอบชนะสองหรือ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 547 ไม่ใช่สามรอบชนะสองหรือ?
เย่จิ่งหานอุ้มร่างกายที่ถูกสะเทือนจนกระเด็นของกู้ชูหน่วนไว้ในเวลาแรก กำลังภายในไหลเข้าสู่ร่างกายของนางไม่ขาดสาย กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร “จำเป็นจะต้องดึงดันเช่นนี้ด้วยหรือ?”

กู้ชูหน่วนกลับยิ้มแล้ว ราวกับดอกดารารัตน์ที่แกว่งไกวในสายลม

มีเสน่ห์ แพรวพราว

ทั้งเหตุการณ์เงียบสงัด

ไม่มีใครคาดคิดว่า หลังจากผ่านกระบวนท่าสุดยอดไป ดาบของซ่งอวี่จะออกจากฝัก ทั้งยังถูกคนที่เป็นแค่ระดับสองสะเทือนจนบาดเจ็บ

ในบรรดาผู้คนมากมายสุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่และรองหัวหน้าเผ่าซือคงสีหน้าดูไม่ได้เป็นที่สุด

เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนไม่พูดจา จอมมารจึงกวาดตามองไปยังผู้ตัดสินอย่างเย็นชา “การต่อสู้จบไปแล้ว ยังไม่ตัดสินแพ้ชนะอีก”

“การ……การประลองครั้งที่สอง กู้……กู้ชูหน่วนชนะ” ผู้ตัดสินกลืนน้ำลาย กลืนออกมาได้ประโยคหนึ่ง

คำพูดของเขาเพิ่งจะสิ้นสุด เห็นเพียงจอมมารสะบัดแขนเสื้อ พลังที่มาพร้อมกลิ่นอายมรณะพรั่งพรูไปทางซ่งอวี่ในพริบตา

ซ่งอวี่เห็นดังนั้น รีบต้านทานโดยมิรอช้า แต่ก็ยังถูกพลังนั่นทำร้ายอวัยวะภายในบาดเจ็บแล้ว หากไม่ใช่สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่ลงมือทันเวลา ช่วยเขาสลายพลานุภาพอันน่าสะพรึงที่กดดันอยู่นั้น เกรงว่าเขาก็คงจะตายไปตรงนั้นแล้ว

สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่กล่าวด้วยความเพิกเฉย “จอมมาร พวกเขาทั้งสองประลองกันอย่างยุติธรรม ท่านมีฐานะเป็นหัวหน้าเผ่า กลับลอบทำร้ายคน เผยแพร่ออกไปก็ไม่…….”

“เหอะ……หากข้าจำไม่ผิด การประลองน่าจะสิ้นสุดไปแล้ว ในเมื่อการประลองสิ้นสุดแล้ว แม้ว่าข้าจะลงมือ ก็ไม่ได้กีดขวางอะไรสินะ?”

เขาไม่ได้ตีจนเผ่าเทียนเฟิ่นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไว้หน้าพวกเขาพอแล้ว

แค่ซ่งอวี่เพียงคนเดียว ก็กล้าแตะต้องพี่สาวของเขา แม้ว่าจะมีชีวิตสุนัขอยู่ร้อยตัว เขาก็จะฆ่าโดยไม่ให้พลาด

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “การประลองสามรอบ ข้าชนะสองรอบแล้ว เงื่อนไขที่พวกเจ้าสัญญาไว้ ก็ควรจะปฏิบัติตามได้แล้วใช่หรือไม่”

รองหัวหน้าเผ่าซือคงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง “พวกเราเคยพูดไว้ว่าชนะสองในสามรอบหรือ? สิ่งที่เราต้องการคือประลองสามครั้งชนะสามครั้ง ตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งรอบนะ”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สายตาอันเย็นยะเยือกไม่กี่สายก็พุ่งไปทางรองหัวหน้าเผ่าซือคงทันที

ถุย

เคยเห็นพวกที่ไร้ยางอาย แต่ก็ไม่เคยเห็นพวกที่ไร้ยางอายเช่นนี้

สอบรอบ เดิมทีก็คือชนะสอง

อย่างน้อยเผ่าเทียนเฟิ่นก็เป็นเผ่าโบราณนับพันปี แต่กลับไม่รู้จักอายใช้คนมากรังแกคนน้อย ใช้คนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอ ตอนนี้กลับใช้วิธีการสกปรกเช่นนี้อีก

แม้แต่น่าหลันหลิงลั่วก็ดูต่อไปไม่ได้แล้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงปวดใจ “ข้ากลับไม่รู้ว่า เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นเผ่าโบราณที่แพ้ไม่ได้จริงๆ เสียงแรงที่ก่อนหน้านี้ข้ายังเลื่อมใสเพียงนี้ ตอนนี้ดูแล้ว ก็แค่นั้นเอง”

สีชิ่นกล่าวพร้อมหัวเราะ “เดิมทีเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่เท่าไหร่ ต่อจากนี้จะคบค้าสมาคมกับพวกเขา ยังไงก็ป้องกันไว้หน่อยจะดีกว่า จะได้เลี่ยงไม่ให้ถูกพวกเขาหลอกให้ตายแล้วก็ยังไม่รู้ตัว”

สุดยอดผู้อาวุโสเสวี่ยเย่มองจากหัวจรดเท้า ราวกับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องน่าละอายอะไรมากมาย เพียงแค่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“รองหัวหน้าเผ่าพูดถูก พวกเราเผ่าเทียนเฟิ่นก็ไม่ได้สัญญาว่าชนะสองในสาม ทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งที่กู้ชูหน่วนคิดไปเองฝ่ายเดียว หากว่านางไม่กล้ารับการประลองรอบสุดท้าย เช่นนั้นก็ถือว่านางแพ้แล้ว”

เย่จิ่งหานเก็บกำลังภายในของตัวเองกลับช้าๆ

กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้ได้อีก

หากฝืนเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเฉิน จะต้องตายอย่างแน่นอน

เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน และตอนนี้ยังฝืนถ่ายทอดลมปราณให้นางมากขนาดนี้อีก พลังทั้งหมดที่ตัวเองเหลืออยู่ก็มีเพียงแค่สองส่วน

เย่จิ่งหานระงับอาการบาดเจ็บลงไป ยืดหลังตรง แววตาเฉียบคม กวาดมองไปทางบรรดาผู้คนของเผ่าเทียนเฟิ่นอย่างเย็นชา พลังอำนาจบนร่างอันสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมา กดดันจนเหล่าประชาชนไม่น้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นอดไม่ได้คิดอยากจะหมอบลงไปที่พื้น

“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าก็ไม่ได้พูดว่าแข่งสามครั้งจำเป็นจะต้องชนะทั้งสามครั้งสินะ?”

“แต่พวกเราก็ไม่ได้บอกว่าชนะสองในสามรอบเช่นกัน”

“ในเมื่อเผ่าเทียนเฟิ่นของพวกเจ้าหน้าไม่อายขนาดนี้ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะเล่นเป็นเพื่อนจนถึงที่สุด”

พูดจบ แรงสังหารที่ท่วมท้นทั้งฟ้าดินก็พลุ่งพล่านมา เย่จิ่งหานเหมือนดั่งได้กลายเป็นเทพสังหารผู้สูงส่งท่านหนึ่งในพริบตานี้ ทุกทางที่ไปกองทัพต้นไม้ล้มระเนระนาดตามกระแสลม