ตอนที่ 682 ทำสงครามครั้งสุดท้ายอีกครั้ง / ตอนที่ 683 ไม่ใช่หรูเยียนคนก่อนแล้ว

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 682 ทำสงครามครั้งสุดท้ายอีกครั้ง

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์หลับตานวดขมับ ราวกับกำลังต่อสู้อยู่ สุดท้ายก็ตัดสินใจ ลืมตาอีกครั้ง แววตาแน่วแน่อย่างยิ่ง

 

 

“จื่ออี รอให้เซียงหนานหายจากไข้ลมแล้ว เจ้าพาเซียงหนานมาอยู่ในวังฉางเล่อกงสักระยะหนึ่ง”

 

 

จื่ออีอยู่กับมู่หรงกวานเย่ว์มาหลายปี ย่อมเข้าใจเจตนาของมู่หรงกวานเย่ว์ นางมองมู่หรงกวานเย่ว์ด้วยความตกใจ

 

 

“ไทเฮา…ท่านต้องการทำเช่นนี้จริงหรือเพคะ”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ก็เข้าใจว่าจื่ออีจะต้องรู้เจตนาของนางแน่นอน แววตาประกายความลังเลอีกครั้ง สุดท้ายก็ยังพยักหน้า

 

 

“เราต้องทำสงครามครั้งสุดท้ายอีกครั้ง ตอนนั้นนี่อวิ๋นตายเพราะช่วยชีวิตหลิงอวี้จื้อ

 

 

หลิงอวี้จื้อจะต้องรู้สึกผิดต่อนี่อวิ๋น เซียงหนานเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของนี่อวิ๋น จูจิ่นก็เคยเป็นเพื่อนสนิทของเซียวเหยี่ยน ถึงแม้เซียวเหยี่ยนจะโหดเ**้ยม แต่ก็ไม่โหดร้ายกับคนรอบข้าง”

 

 

“ไทเฮา ท่านต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะเพคะ ทำเช่นนี้ ฝ่าบาทกับครอบครัวมู่หรงย่อมไม่เข้าใจและอภัยให้ท่าน คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือไทเฮานะเพคะ”

 

 

จื่ออีหยุดทุบ พูดเตือน หลายปีมานี้มู่หรงกวานเย่ว์รักใคร่เอ็นดูเซียงหนาน จื่ออีเห็นกับตามาโดยตลอด

 

 

มู่หรงเซียงหนานเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง หลานคนนี้เป็นหัวแก้วหัวแหวนของมู่หรงหง

 

 

เขาเป็นอนาคตของวงศ์ตระกูลมู่หรง หากมู่หรงกวานเย่ว์ใช้เขาเป็นเป้า สุดท้ายอาจจะทำให้เซียงหนานถึงตายได้ แท้จริงแล้วคนที่เจ็บปวดใจที่สุดก็ยังเป็นมู่หรงกวานเย่ว์ ถึงแม้นางจะเป็นไทเฮา แต่ก็ดูแลวงศ์ตระกูลฝั่งมารดาเสมอ

 

 

“เราไม่ต้องการให้ใครเข้าใจและให้อภัย จื่ออี บนโลกนี้คนที่เข้าใจเรามากที่สุดก็คือเจ้า หากไม่ปกป้องตนเอง เราปกป้องตระกูลมู่หรงไปจะมีประโยชน์อันใด เมื่อใดที่เมืองหลวงหลุดมือไป ตระกูลมู่หรงก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน”

 

 

ถึงมู่หรงกวานเย่ว์จะพูดเช่นนี้ แต่ในใจนางก็รู้ดี ว่าหลิงอวี้จื้อกับเซียวเหยี่ยนไม่มีทางทำร้ายมู่หรงเซียงหนาน

 

 

ถึงแม้เมืองหลวงจะหลุดมือไป มู่หรงเซียงหนานกับจูจิ่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิต คนที่มีอันตรายคือคนอื่น หากใช้มู่หรงเซียงหนานเป็นหมากก็สามารถแลกความสงบสุขของคนอื่นกลับมาได้ นางเป็นคนใจโหดทีเดียว

 

 

จื่ออีคุกเข่าลงกับพื้นทันที

 

 

“ไทเฮา เรื่องนี้ให้บ่าวทำเถิดเพคะ ให้บ่าวเป็นคนผิดเอง บ่าวทนเห็นไทเฮากับฝ่าบาทเหินห่างกันมากขึ้นอีกเพราะเหตุนี้ไม่ได้เพคะ”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ก้มลงประคองจื่ออีขึ้น

 

 

“ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า จื่ออี เจ้าก็เลอะเลือนไปแล้ว เจ้าอยู่กับเรามาตั้งหลายปี สิ่งที่เจ้าทำก็คือสิ่งที่เราทำ เราจะตัดความสัมพันธ์โดยสิ้นเชิงได้อย่างไร

 

 

มั่วฉือเองก็มิใช่เด็กสามขวบ เรื่องนี้เราตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทำเรื่องนี้เสร็จ เราก็ควรจะไปได้แล้ว หลายปีที่ผ่านมานี้ เราเหนื่อยแล้ว”

 

 

“ไทเฮา…”

 

 

จื่ออีเรียกคำหนึ่ง ในดวงตามีประกายน้ำตา นางเข้าใจประโยคที่บอกว่าจะไปหมายความว่าอย่างไร มู่หรงกวานเย่ว์ไม่ใช่คนเบื่อโลก

 

 

นางเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกของเฉินมั่วฉือที่มีต่อนางทำให้นางปวดใจเพียงใด นางเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว แทบจะไม่มีทางเผชิญหน้ากับความเกลียดชังที่เฉินมั่วฉือมีต่อนางได้เลย

 

 

ยี่สิบปีมานี้ เธอถือว่าเฉินมั่วฉือเป็นคนที่สำคัญที่สุด เฉินมั่วฉือกลับอยากจะอยู่ห่าง ๆ นาง ข้าพิพาทระหว่างแม่ลูก ความเหนื่อยล้าของนาง จื่ออีล้วนเห็นกับตา แต่ก็ปลอบใจไม่ได้

 

 

ขณะที่คิดอยู่ จู่ ๆ ก็มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า

 

 

“กราบทูลไทเฮา ฮองเฮาเสด็จมาแล้วเพคะ”

 

 

“ให้นางเข้ามา”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์เก็บอารมณ์ กลายเป็นไทเฮาผู้สูงศักดิ์อีกครั้ง นางพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก รู้สึกว่าตนเองไม่ได้ดูคนผิด เสียดายจิตใจของเฉินมั่วฉือคิดถึงแต่หลิงอวี้จื้อ เย็นชากับฮองเฮาเหลือเกิน

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 683 ไม่ใช่หรูเยียนคนก่อนแล้ว​​​​​​​

 

 

ตอนที่หลิงอวี้จื้อตื่นขึ้นมา เซียวเหยี่ยนยังคงหลับสนิท หลิงอวี้จื้อลุกออกจากเตียงอย่างเบามือเบาเท้า ห่มผ้าให้เซียวเหยี่ยน จากนั้นก็ออกไปจากห้อง

 

 

เธอเพิ่งจะกลับมา ยังอยากดูจวนเซียวอ๋องนี้ให้เต็มตา ยังมีหรูเยียนอีก กลับมาแล้วมั่วแต่วุ่นอยู่กับการดูแลเซียวเหยี่ยน ยังไม่ทันได้รำลึกความหลังกับหรูเยียนจริง ๆ จัง ๆ

 

 

เทียบกับห้าปีที่แล้ว หรูเยียนในตอนนี้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ดูแล้วนิ่งสุขุมกว่าเดิม เรื่องงานบ้านงานเรือนในจวนเซียวอ๋องนางล้วนจัดการทั้งสิ้น ในจวนตอนนี้นางเป็นคนมีตำแหน่งระดับหนึ่ง คนใช้ในจวนอ๋องเห็นหรูเยียนต่างก็เรียกนางด้วยความเคารพว่าแม่นาง ดูเหมือนว่านางจะเป็นนายหญิงของจวนเซียวอ๋องไปครึ่งตัวแล้ว

 

 

สำหรับหลิงอวี้จื้อแล้วเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นหรูเยียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ได้เจอกันนาน เพียงแต่รู้สึกทอดถอนใจกับความเปลี่ยนแปลงของหรูเยียน แต่งตัวประณีตขึ้นทุกวัน ดูไม่ออกแม้แต่น้อยว่านางเป็นสาวใช้คนหนึ่ง

 

 

“หรูเยียน”

 

 

หลิงอวี้จื้อเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน กับหลิงอวี้จื้อที่เป็นคนแปลกหน้า ปฏิกิริยาของหรูเยียนไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย นางเดินเข้ามา และยังคงคลางแคลงใจ

 

 

“เจ้าเป็นพระชายาจริง ๆ หรือ”

 

 

“เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อยิ้มตาหยี

 

 

“หรูเยียน ตอนนี้เจ้ามีความสามารถมากขึ้นทุกวัน จวนเซียวอ๋องนี้เจ้าจัดการดูแลเป็นอย่างดี ห้าปีมานี้ต้องขอบคุณเจ้าที่ดูแลจวนเซียวอ๋อง ข้ายังต้องพูดขอบคุณเจ้าสักคำด้วยซ้ำ”

 

 

ที่จริงหลิงอวี้จื้อพูดชมหรูเยียน แต่คำพูดเหล่านี้กลับทำให้หรูเยียนไม่ค่อยสบายใจ ห้าปีมานี้ นางมองจวนเซียวอ๋องเป็นบ้านของตนเอง และชินกับชีวิตเช่นนี้แล้ว

 

 

นางอยู่ที่จวนเซียวอ๋องไม่จำเป็นต้องบริการใคร จัดการดูแลเรื่องต่าง ๆ ในจวนเซียวอ๋อง เซียวเหยี่ยนก็ปฏิบัติกับนางเป็นพิเศษ มีหลายครั้ง นางถึงกับรู้สึกว่าตนเองนี่แหละเป็นนายหญิงของจวนเซียวอ๋อง

 

 

ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ยินว่าเซียวเหยี่ยนพาหลิงอวี้จื้อที่ฟื้นคืนชีพกลับมา ที่จริงนางจึงไม่ค่อยดีใจ ผู้หญิงตรงหน้านี้เห็นได้ชัดว่าแปลกหน้ามาก เมื่อใดที่เธอกลับมา นางก็จะไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง

 

 

ห้าปีผ่านไปแล้ว หรูเยียนไม่ใช่หรูเยียนคนก่อนอีกแล้ว หลิงอวี้จื้อยังคงดื่มด่ำกับความสุข มิได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เลย

 

 

“พระชายาพูดเกินไปแล้วเพคะ นี่เป็นสิ่งที่บ่าวควรทำอยู่แล้ว”

 

 

เทียบกับความดีใจของหลิงอวี้จื้อ ท่าทีของหรูเยียนค่อนข้างเย็นชา หลิงอวี้จื้อเพียงแต่คิดว่าตนเองอยู่ในร่างใหม่ แถมไม่ได้เจอกันนาน ดังนั้นหรูเยียนจึงปฏิบัติเหมือนคนแปลกหน้าเช่นนี้ มิได้ใส่ใจเรื่องความผิดปกติของหรูเยียน ในเมื่อเธอมิได้มีประสบการณ์ห้าปีด้วย

 

 

“หรูเยียน เจ้าพูดจาเกรงใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด ไม่รู้จักข้าแล้วจริง ๆ หรือ”

 

 

“บ่าว…บ่าวมิได้มีเจตนาเช่นนั้นเพคะ”

 

 

หรูเยียนดูเหมือนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จึงหลบตาลง ปิดบังอารมณ์ที่แสดงผ่านทางแววตา นางเพียงแต่รู้สึกว่าจวนเซียวอ๋องไม่ต้องการหลิงอวี้จื้อแล้ว รู้สึกว่าเธอไม่ควรกลับมาอีก ความคิดเช่นนี้แม้แต่ตัวนางเองยังตกใจ

 

 

นางไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงได้เกิดความคิดเช่นนี้ได้ รู้ดีว่าหลิงอวี้จื้อเป็นคนที่นางอยากภักดีไปตลอดชีวิต แต่นางควบคุมความคิดในสมองไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ในเวลาเพียงสั้น ๆ จึงไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับหลิงอวี้จื้อที่จู่ ๆ โผล่ออกมาได้อย่างไร

 

 

“ตอนแรกที่ข้ากลายเป็นเจียงอวี้ ตัวข้าเองก็ไม่ชิน เห็นนาน ๆ เข้าก็เริ่มยอมรับได้ เจ้าก็เช่นกัน เห็นกันอีกไม่กี่ครั้งก็คงจะชินแล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้ออารมณ์ดี ยื่นมือออกไปตบไหล่หรูเยียนเบา ๆ

 

 

“เจ้าไปทำธุระเถิด ข้าจะไปดูรอบ ๆ สักหน่อย”

 

 

“เพคะ พระชายา”

 

 

หรูเยียนขานรับ ออกไปด้วยความโล่งใจ นางยังต้องการคิดให้ดีอีกสักหน่อย เมื่อก่อนหลิงอวี้จื้อปฏิบัติกับนางอย่างดี นางไม่สามารถมีความคิดที่ไม่ควรคิดได้ ทุกอย่างนี้ควรกลับไปเป็นปกติแล้ว

 

 

หรูเยียนคอยย้ำเตือนกับตนเอง แต่กลับไม่สามารถผลักความคิดนั้นออกไปได้