ตอนที่ 613 ยอมตายแทนนางได้หรือไม่ / ตอนที่ 614 หญิงงามไม่ควรเป็นเยี่ยงนี้

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 613 ยอมตายแทนนางได้หรือไม่

 

 

หากจะเปิดโปงอวี่เหวินลู่ เฝิงเยี่ยไป๋จะต้องถูกลากไปเอี่ยวด้วยเป็นแน่ ฮ่องเต้อยากจะยึดอำนาจของเฝิงเยี่ยไป๋ทั้งยังคิดร้อยแปดพันวิธีที่จะฆ่าเขาเสีย ขอแค่นางยอมเอ่ยปากบอกว่ามี ไม่ว่าทั้งสองคนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เมื่อความจริงตีแผ่อยู่ตรงหน้าก็จะไม่มีที่ให้เขาปฏิเสธว่าไม่มีเป็นแน่ อีกอย่างสองคนนี้ก็เกี่ยวข้องกันจริงๆ ตอนนี้เป็นสถานการณ์แบบใด ดาบนั้นอยู่ในมือนาง แค่ต้องดูว่านางจะยอมเอาความทรยศทดแทนบุญคุณหรือไม่เท่านั้นเอง

 

 

ฮ่องเต้นั่นมีความอดทนกับนางนัก แค่นั่งอยู่เคียงไหล่นาง ไม่ได้ตรัสอันใด เพียงนั่งดมกลิ่นหอมอ่อนจางจากตัวนาง พระองค์เองยังไม่โต แต่กลับเชี่ยวชาญเรื่องรักใคร่เสียทะลุปรุโปร่ง

 

 

ชื่อเสียงตระกูลอวี่เหวินนั้นย่ำแย่มาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเกาจู่ อย่างไรเสียก็ไม่สนใจหากจะเพิ่มเขาอีกคน อีกอย่างคนที่ชอบก็ไม่ใช่ภรรยาชาวบ้าน ไม่เหมือนกับจักรพรรดิเกาจู่และบิดาของพระองค์หรอก เจตนาของเขานั้นเถรตรง คนรอบข้างแม้อยากติฉินนินทา ก็หายกคันด้ามใดออกมาติฉินได้

 

 

น่าอวี้ถูนิ้วมือตนไปมา หากบอกว่าไม่มีก็มิอาจทำให้คนเชื่อได้ เสียงนาสิกชวนฟังเปลี่ยนวิธีการพูด “เฝิงเยี่ยไป๋ฉลาดถึงเพียงนั้น เดิมทีจุดอ่อนที่จะให้ผู้อื่นนำมาบีบก็น้อยมาก พอหม่อมฉันมาโดนเปิดโปงอีก แม้เขาจะไม่ฆ่าหม่อมฉัน แต่เหตุใดถึงเอาหม่อมฉันไว้ใกล้ตัวแล้วยังให้รับรู้เรื่องอะไรมากมาย หม่อมฉันถูกจับตัวไว้ ออกไปไหนไม่ได้ คนภายนอกก็เข้ามาไม่ได้ เขาได้ติดต่อซู่อ๋องหรือไม่ หม่อมฉันล้วนไม่ทราบจริงๆ”

 

 

เรื่องใดก็ตามหากอ้อมเรื่องแล้วเล่าแบบผ่อนตึงเสียก็มิผิด เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่เมืองหลวง ถึงแม้ว่าจะทิ้งคนไว้ปกป้องเว่ยเฉินยางแล้ว แต่จะสู้กององครักษ์ได้อย่างไรกัน ฮ่องเต้หากต้องการอยากได้คนจริงๆ ข้ารับใช้เฝิงเยี่ยไป๋เพียงหยิบมือหนึ่งจะใช้ได้ได้อย่างไร

 

 

ก่อนนางกลับมา ใช้ความสามารถของตน ช่วยเขาปกปิดได้เท่าไรก็เท่านั้นแล้วกัน ถือเสียว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยตามหาน้องชายตนกลับมาได้ นางเองไม่ใช่คนที่จะลำเลิกบุญคุณคน ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจทั้งสิ้น

 

 

ฮ่องเต้น้อยพยักหน้า หว่างคิ้วปรากฏร่องรอยอารมณ์โกรธตามวัย หากไม่วางตัวสุขุมหนักแน่น ตบตาขึ้นมาก็ไม่ง่าย ฝ่ามือของน่าอวี้เหงื่อซึมจนเปียกชื้น

 

 

“ได้ยินว่าเฝิงเยี่ยไป๋รักใคร่ในภรรยาเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ารักใคร่จนถึงขั้นไหน ถึงขั้นยอมตายแทนนางได้เลยหรือไม่”

 

 

น่าอวี้ใจเต้นดังโครมคราม ใบหน้าไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์ใด ฮ่องเต้พระพักตร์เ**้ยมโหดยิ่งนัก สีหน้าเคร่งขรึมขัดกับวัยเหลือเกิน มองแล้วทำให้นางขนลุกในใจไปเสียหมด น่าอวี้อดทนแน่วแน่ตัดสินใจ เอ่ยอย่างไร้สีหน้าว่า “เจ็บปวดก็เจ็บปวดอยู่ แต่สตรีแล้วอย่างไร ความเยาว์วัยก็มีเพียงสิบกว่าปีนั้น อีกอย่างเว่ยเฉินยางผู้นั้นไม่ได้มีรูปลักษณ์อันใดที่ล่มชาติล่มบ้านเมืองได้ เฝิงเยี่ยไป๋จะเอ็นดูนางก็แค่ความสดใหม่ในเวลานี้เท่านั้น รอให้ความหลงรูปสดใหม่ของบุรุษล่วงผ่านเวลาไป หยางกุ้ยเฟยจ้าวเฟยเยี่ยนยังมิใช่แย่งกันเลือกหรือ ไหนเลยจะเคยได้ยินว่ามีบุรุษใดจะเป็นของสตรีใดทั้งชาติไม่เปลี่ยนแปลง หากฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะใช้เว่ยเฉินยางต่อรองเฝิงเยี่ยไป๋ หม่อมฉันว่าเป็นไปไม่ค่อยได้”

 

 

คำพูดนั้นดูเหมือนจะติเว่ยเฉินยางจนพอ แต่ฟังดูดีๆ แล้ว ผู้ที่นางเข้าข้างกลับกลายเป็นเว่ยเฉินยางนั่นเอง ฮ่องเต้ยืนขึ้น เดินไปยังประตู “เฝิงเยี่ยไป๋ช่วงนี้มิใช่ว่าเพิ่งได้ลูกชายหรอกหรือ ผู้หญิงเขาอาจจะไม่ต้องการ แต่ลูกชายจะไม่ต้องการคงไม่ได้ เจ้าคิดให้ดีแล้วกัน คิดให้ดีว่ามีอะไรที่ยังไม่ได้บอกข้าอีก ค่อยๆ คิด ข้ารอได้ อย่างไรเสียเฝิงเยี่ยไป๋ไปครานี้ กลับเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ข้าให้เวลาเจ้า”

 

 

น่าอวี้รีบยืนตามเพื่อส่งเสด็จฮ่องเต้ “ฝ่าบาทตามหม่อมฉันกลับมาเพราะอยากรู้อะไรจากปากหม่อมฉัน หรือว่าอยากให้หม่อมฉันช่วยเป็นพยานเพคะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 614 หญิงงามไม่ควรเป็นเยี่ยงนี้

 

 

ใครๆ ต่างก็ทราบว่านางนั้นออกมาจากจวนของเฝิงเยี่ยไป๋ อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ทั้งยังพบปะกันทั้งกลางวันกลางคืน คำพูดของนาง อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องจริง ฮ่องเต้ตามนางกลับมา นางก็คือพยานที่มีชีวิตนั้นเอง เรื่องพวกนั้นของเฝิงเยี่ยไป๋ล้วนไม่สำคัญแล้ว หาเหตุผลล้มเขาให้ได้ถึงจะนับว่าเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้สมคบคิดกับซู่อ๋องก็ประจวบเหมาะเลยกับการที่สวมหมวกนี้ให้เขา ใช้เพื่อกำจัดเขาเสีย หากเขาไม่ได้สมคบกันซู่อ๋อง ก็คือหินก้อนเดียวยิงนกได้สองตัว ให้ซู่อ๋องเข้าใจไปว่าเฝิงเยี่ยไป๋เปลี่ยนข้างมาฝั่งวังหลวงแล้ว

 

 

ฮ่องเต้ตั้งแต่ทรงพระเยาว์นั้นก็แตกฉานศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงแล้ว ทั้งด้านการซ้อนกลผู้อื่นก็นับกว่าเก่งกาจ เมื่อทรงอยากจะฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว อาศัยช่วงที่เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่ทำเรื่องที่ควรทำเสีย อันนี้จริงว่ากันตามตรงเขาเองก็กลัว เรื่องวิธีการต่างๆ ของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นไม่ต้องพูดถึง อย่างไรก็ต้องแข็งแรงกว่าพระองค์เป็นแน่ ยามอยู่เมืองหลวง งานหมื่นเรื่องเขาล้วนกางแขนออกทำแทบไม่ทัน ยามนี้เขาไม่อยู่ เรื่องในเมืองหลวงนี้ยิ่งยากจะเอื้อมมาจัดการ นี่ยังไม่ใช่ทางสะดวกที่พระองค์จะวาดกลมวาดเหลี่ยมอีกหรือ!

 

 

พั่งไห่เคยเตือนแล้วว่าน่าอวี้ไม่ธรรมดา ให้พระองค์ระวังตนให้ดี เดิมทีไม่ใคร่ให้ความสำคัญกับสตรีนางนี้ แต่ตอนนี้พอมาดู นางสามารถเอ่ยเรื่องนี้ในอีกมุมหนึ่งได้ นับว่าไม่ธรรมดาเลย

 

 

เรื่องในใจพระองค์ถูกมองเสียทะลุปรุโปร่ง ช่างเสียหน้าเสียจริง อีกอย่างคนที่มองเสียทะลุปรุโปร่งกลับเป็นหญิงเสียนี่ ทรงไม่ได้ตอบโต้อะไร แสร้งทำท่าทางสุขุมล้ำลึกอ่านยากไปอย่างนั้น ยกชายเสื้อได้ก็ก้าวข้ามธรณีประตูออกไป

 

 

พั่งไห่ดวงตาเฉียบคม ทั้งยังเชี่ยวชาญในการเก็บปัญหา เมื่อรอที่หน้าประตูอยู่ครู่ใหญ่ เห็นฮ่องเต้ออกมาแล้วจึงสะบัดชายเสื้อลุกไปต้อนรับ “ลำบากพระองค์แล้ว มิทราบว่าถามแล้วได้คำตอบอะไรออกมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ฮ่องเต้ทรงหน้าแดงบางส่วน มองเขาด้วยหางตา เหยียบคนขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว

 

 

ดูจากท่าทางเหมือนถุงลมรับแรงกระแทกนี้แล้วคงถามไม่ได้คำตอบอะไรเป็นแน่ พั่งไห่แอบชำเลืองมองสีหน้าฮ่องเต้แล้วกระซิบว่า “ทรงอย่ารีบร้อนไป ไม่เยี่ยงนั้นให้ผู้น้อยลองถามดีหรือไม่ เอานางโยนไปไว้ในคุก เจอการทรมานด้วยตั่งพยัคฆ์ เข็มเงิน เรียงหน้ากันมาลงทัณฑ์นางสักรอบ อย่าว่าแต่สตรีเลย ถึงเป็นชายอกสามศอกก็รับไม่ไหว ถึงตอนนั้นไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่รับ”

 

 

ฮ่องเต้ทรงหลับตานึกภาพตาม หญิงงามที่อยู่ดีๆ แท้ๆ เจอตั่งพยัคฆ์ขาขาด เข็มเหล็กแทงจนพรุนดั่งกระชอน ทั้งตัวมีแต่โลหิต หน้าตาบิดเบี้ยว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตะโกนว่าอยุติธรรมอยู่ที่หน้าประตู…หญิงงามไม่ควรเป็นเยี่ยงนี้ คิดดูแล้วก็น่าตกใจยิ่งนัก

 

 

“ข้ามีวิธีทำให้นางเปิดปาก ไม่ต้องให้เขามากังวลหรอก หากแต่ครานี้เรื่องนี้เจ้าทำได้ไม่เลว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง ดูว่าเจ้ามีความสามารถอย่างไรบ้าง จงจำไว้ให้ดี ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า ใครเป็นนายเหนือหัวของเจ้า ทางที่ดีเจ้าจงแบ่งแยกให้ข้าให้ชัดเสียจะดีกว่า”

 

 

นี่ไม่ได้จะแสดงอำนาจเพื่อจะขู่เขาหรือ พั่งไห่รับคำอย่างนอบน้อม แอบถูมือกับด้ามแส้ในมือ ในใจนั้นเกลียดเขาจนหลั่งเลือดได้เลย ตามเสด็จกลับไปยังพระตำหนักหยั่งซิน เดิมทีเขาเป็นขันทีขั้นสองของฮ่องเต้ ตอนนี้กลายเป็นขันทีที่อะไรก็ไม่ได้เป็น อยู่ดีๆ ก็ตกจากกลุ่มเมฆลงมาบนโคลนตม ใครก็ตามต่างมาเหยียบศีรษะเขาทั้งสิ้น ขันทีขั้นสองนามพั่งไห่คนเดิมนั้นเอ่ยความอันใดล้วนมีหน้าตา อย่าว่าแต่บรรดาข้ารับใช้เลย ต่อให้นางสนมนางกำนัลเจ้านาย กงกง ขุนนาง ใครเล่าไม่ให้เกียรติเขาบ้าง ศักดิ์ศรีที่แย่งชิงมานานหลายปีมาตอนนี้หมดสิ้นลงเสียแล้ว ยังต้องทำหน้าเหนียมอายยกยิ้มให้กับผู้คนที่เคยยิ้มให้เหล่านั้น ล้วนเป็นเพราะฮ่องเต้น้อยพระองค์นี้ผู้เดียว เขาคิดว่าเรื่องที่ฆ่าบิดาสังหารจักรพรรดิจะไม่มีคนรู้เชียวหรือ หากไม่ใช่เขา เขาตอนนี้จะให้หลี่เต๋อจิ่งมาขี่อยู่บนหัวทำเรื่องมิควรหรือ คนสติปัญญาฟั่นเฟือนที่ไร้สมองนั่น นอกจากลูบเคราอวยคำคนยังทำอะไรเป็นอีกเล่า