ตอนที่ 1781

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1781  ต่างฝ่ายต่างได้ (2)
  “ข้าอยากให้เจ้าช่วยเข้าไปในหอเก็บหนังสือของผู้อาวุโสเยว่เพื่อหาของอย่างหนึ่ง”ดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งหม่นแสงลงเล็กน้อย
  เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโสอิ่งเขาก็หยิบหยกที่แตกหักชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ามิติที่พกติดตัวไว้ จากนั้นก็วางจี้หยกนั้นลงบนโต๊ะอย่างเบามือ และใช้นิ้วดันไปตรงหน้าจวินอู๋เสีย
  นั่นเป็นหยกขาวที่แกะสลักออกมาได้เกือบสมบูรณ์แบบแต่น่าเสียดายที่หยกขาวชิ้นนั้นไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงหยกครึ่งชิ้นเท่านั้น ส่วนที่หายไปดูเหมือนถูกตัดออกด้วยของมีคม มันตัดได้เรียบเกลี้ยงเกลามาก
  “ข้าอยากให้เจ้าไปที่หอเก็บหนังสือของผู้อาวุโสเยว่ตามหาหยกอีกครึ่งชิ้นนี้” ผู้อาวุโสอิ่งกดเสียงต่ำลงเล็กน้อย
  “ตอนแรกข้าตั้งใจจะให้ฉางฮวนทำเรื่องนี้แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ขยะไร้ประโยชน์ แต่เขามือเท้าคล่องแคล่วว่องไวมาก สามารถหาของที่คนธรรมดาไม่สามารถหาเจอได้ หยิบฉวยสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถหยิบได้ ตอนนี้เจ้ามาแทนที่ฉางฮวน เพราะฉะนั้นเจ้าก็ต้องเป็นคนทำหน้าที่นี้”
  จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว
  [ฉางฮวนนั่นเป็นหัวขโมยงั้นหรือ?]
  ไม่รู้ทำไมตอนนี้จวินอู๋เสียรู้สึกขำขึ้นมา คนที่โดนตัดหัวง่ายๆนั่น ที่แท้คือหัวขโมยที่มือเท้าคล่องแคล่วว่องไว เสียชื่อ “ขโมย” จริงๆ
  “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าหยกอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในมือของผู้อาวุโสเยว่?”จวินอู๋เสียเล่นจี้หยกในมือ พร้อมกับหรี่ตามองหน้าผู้อาวุโสอิ่ง
  ผู้อาวุโสอิ่งตอบว่า“ข้าไม่รู้ ข้าแค่คาดเดา แต่ถ้าเจ้าหามันเจอ ข้าจะรับรองความปลอดภัยของเจ้าในวิหารเงาจันทรา แต่ถ้าเจ้าหาไม่เจอ……” แววตาของผู้อาวุโสอิ่งคมกริบขึ้นเล็กน้อย
  “ความผิดฐานปลอมตัวเป็นศิษย์ของวิหารเงาจันทรามากพอจะให้เจ้าตายถึงแปดร้อยครั้งต่อให้เจ้าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณสีม่วงก็ตาม”
  จวินอู๋เสียไม่กลัวคำขู่ของผู้อาวุโสอิ่งเลยสักนิดนางวางจี้หยกลงบนโต๊ะ
  “ได้”
  “งั้นตอนนี้เพื่อไม่ให้ผู้อาวุโสเยว่จัดการกับเจ้าได้ ข้าจะขังเจ้าไว้ในคุกใต้ดิน วางใจเถอะ ข้าจะจัดการทุกอย่างไม่ให้เจ้าต้องกังวลว่าจะเสี่ยงชีวิต ด้วยความสามารถของเจ้า ข้าเชื่อว่าคุกใต้ดินไม่สามารถหยุดยั้งเจ้าได้” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าวอย่างมีความหมาย
  จวินอู๋เสียยักไหล่เป็นสัญญาณบอกว่านางยอมรับข้อเสนอของผู้อาวุโสอิ่ง
  ไม่นานผู้อาวุโสอิ่งก็มาส่งจวินอู๋เสียเข้าไปในคุกใต้ดินของวิหารเงาจันทราด้วยตัวเอง คุกใต้ดินของวิหารเงาจันทรามืดและอับชื้น ในห้องขังหนึ่งที่แยกจากห้องขังอื่น สามารถมองเห็นรางๆว่ามีร่างที่สั่นสะท้านอยู่หลายร่างขดตัวอยู่ที่มุมห้อง
  “พวกนี้เป็นศิษย์ที่ทำความผิดและไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ตลอดชีวิตถ้าเจ้าไม่อยากเป็นหนึ่งในนั้น ก็จำให้ดีว่าเจ้าต้องทำอะไร” ผู้อาวุโสอิ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัวและมองมาที่จวินอู๋เสีย
  จวินอู๋เสียกลับถามว่า“เจ้าไม่กังวลเลยหรือที่ปล่อยให้ข้าอยู่ในวิหารเงาจันทราเช่นนี้? ไม่กลัวว่าข้าจะสร้างความวุ่นวายในวิหารเงาจันทราหรือไง?”
  ผู้อาวุโสอิ่งหัวเราะเบาๆและตอบว่า“สร้างความวุ่นวายแล้วยังไง? เกี่ยวอะไรกับข้า? ยิ่งกว่านั้น……ในเมื่อเจ้าสามารถตกลงกับเยว่อี้ได้ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนโง่ เจ้าจะทำอะไรก็ตาม จงทำหลังจากที่ทำงานให้ข้าเสร็จแล้ว แล้วข้าจะไม่หยุดเจ้าเลย”
  พูดจบผู้อาวุโสอิ่งก็ชี้ไปที่ห้องขังที่ประตูเปิดอยู่เป็นสัญญาณบอกให้จวินอู๋เสียเข้าไป
  จวินอู๋เสียเดินเข้าไปในห้องขังคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งของผู้อาวุโสอิ่งดังก้องอยู่ในใจ
  ผู้อาวุโสอิ่งคนนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นเขาฉลาดกว่าผู้อาวุโสเยว่ที่มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งมาก เขาสามารถมองออกว่านางกับเยว่อี้มีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง และคำพูดทิ้งท้ายของเขาก็น่าคิดทีเดียว
ตอนที่ 1782  ต่างฝ่ายต่างได้ (3)
  “จะไม่หยุดข้าเลยหรือ?”จวินอู๋เสียมองด้านหลังที่ค่อยๆห่างออกไปของผู้อาวุโสอิ่ง นางโบกมือเบาๆเพื่อเรียกแมวดำตัวน้อยออกมา จากนั้นก็อุ้มเจ้าแมวดำไว้ในอ้อมแขนและเดินตรงไปที่มุมห้องขัง ห้องขังดูสะอาดและเป็นระเบียบมาก ผู้อาวุโสอิ่งต้องส่งคนมาทำสะอาดก่อนแล้วแน่
  จวินอู๋เสียหาจุดที่สะอาดๆและนั่งลงเจ้าแมวดำขยับตัวเล็กน้อย พยายามหาตำแหน่งที่สบายๆเพื่อซุกตัว
  “เหมียว?”
  [ผู้อาวุโสอิ่งคนนี้แปลกๆนะทำไมข้ารู้สึกว่าเขามีเจตนาร้ายต่อวิหารเงาจันทราล่ะ?]
  สัมผัสที่หกของสัตว์นั้นเฉียบแหลมเป็นพิเศษและเจ้าแมวดำได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสอิ่งทุกคำขณะที่อยู่ในร่างของจวินอู๋เสีย
  จวินอู๋เสียมาปรากฏตัวในวิหารเงาจันทราแทนที่ศิษย์ของเขาชัดๆแต่ผู้อาวุโสอิ่งกลับไม่ถามเลยสักคำว่าฉางฮวนอยู่ที่ไหน และยังช่วยเหลือจวินอู๋เสียอีกด้วย แม้ว่าจะมีเงื่อนไขสำหรับการอยู่ต่อให้จวินอู๋เสีย แต่……เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าจวินอู๋เสียจะเป็นภัยคุกคามต่อวิหารเงาจันทราหรือไม่
  เจ้าแมวดำคิดจนหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสอิ่งคนนี้ตั้งใจจะทำอะไร
  จวินอู๋เสียก้มหน้าลงเล็กน้อยและลูบขนของแมวดำช้าๆ พร้อมกับทบทวนความคิดในใจไปด้วย
  “ผู้อาวุโสอิ่งไม่ใช่ศิษย์สายตรงของวิหารเงาจันทราจำที่เยว่อี้บอกได้ไหม? ผู้อาวุโสอิ่งเข้าร่วมวิหารเงาจันทราตอนอายุ 35 ปี ก่อนหน้านั้นเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่ง และเป็นทายาทเพียงคนเดียวด้วย” จวินอู๋เสียลดสายตาลงต่ำ ท่าทางแปลกๆของผู้อาวุโสอิ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของเขา
  ในอาณาจักรกลางแม้ว่าอำนาจของเก้าอารามและสิบสองวิหารจะดึงดูดผู้คน แต่ตระกูลเก่าแก่และกลุ่มอำนาจอื่นๆทั้งหลายที่มีอยู่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไป
  แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่ได้อยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่แต่ถ้าต้นไม้นั้นเป็นต้นไม้กินคน เกรงว่าคงมีคนไม่มากที่เต็มใจจะกลายเป็นอาหารของมัน
  ตระกูลเก่าแก่ทุกตระกูลมักจะมีความภาคภูมิใจและความเชื่อของตัวเองมรดกที่สะสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทรัพย์สมบัติที่เอาไว้หนุนหลังลูกหลานของพวกเขา การขอให้พวกเขาเข้าร่วมสิบสองวิหารหรือเก้าอารามก็หมายความว่าพวกเขาจะต้องละทิ้งตัวตนในตระกูลของตนเพื่อกลายมาเป็นสมาชิกของเก้าอารามหรือสิบสองวิหาร
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นตระกูลใหญ่ก็ไม่แปลกที่จะมีใครบางคนเกิดความคิดเช่นนั้นขึ้นมา
  แต่ผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในตระกูลวันที่เขากลายเป็นผู้อาวุโสอิ่งก็หมายความว่าเขาได้ละทิ้งตระกูลของตนและลบล้างการมีอยู่ของตระกูลตัวเองไปจนหมดสิ้น
  ก่อนที่นางจะได้พบกับผู้อาวุโสอิ่งจวินอู๋เสียเดาว่าผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนที่กระหายในความสำเร็จและผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่งั้นเขาคงไม่ชิงดีชิงเด่นกับผู้อาวุโสเยว่ แต่เมื่อได้เจอผู้อาวุโสอิ่งแล้ว จวินอู๋เสียก็คว่ำข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของตนทันที
  ในแววตาของผู้อาวุโสอิ่งนางไม่เห็นประกายแห่งความปรารถนาอันร้อนแรงเลยสักนิด มีเพียงอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้
  เขาเก็บกดอะไร?
  จวินอู๋เสียไม่มีทางรู้แต่มีจุดหนึ่งที่นางแน่ใจ นั่นคือผู้อาวุโสอิ่งไม่ได้จงรักภักดีต่อวิหารเงาจันทรา
  ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยอมให้ตัวปลอมที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างนางแอบอ้างปลอมตัวอยู่อย่างนี้
  “ไม่ว่าเขาจะมีแรงจูงใจอะไรเราก็แค่รับสิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องการ ไม่มีอะไรเสียหาย” จวินอู๋เสียค่อนข้างพอใจกับสถานการณ์ตอนนี้ การถูกขังอยู่ที่นี่อาจทำให้นางเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น
  “เหมียว……”
  [ท่านน่ะไม่เสียหายอะไรหรอกแต่รู้ไหมว่าถ้าผู้อาวุโสอิ่งมาไม่ทัน ราชาปีศาจนั่นคงทนไม่ไหวออกมาฆ่าล้างบางวิหารเงาจันทราแล้ว!]