ตอนที่ 530 การพบกับเถี่ยต้าอีกครั้ง (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 530 การพบกับเถี่ยต้าอีกครั้ง (1)

เมื่อเจี้ยนเฉินและหมิงตงได้มาถึงสนามต่อสู้ซึ่งตรงนั้นเต็มไปด้วยศิษย์มากมายจนอัดแน่น หลายร้อยคนกำลังกระซิบกระซาบกัน แต่ทั้งกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นกลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมา

การต่อสู้ระหว่างกาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ชมรอบ ๆ อย่างมาก เจี้ยนเฉินรออีกสักพักและไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มีศิษย์อีกหลายพันคนเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่นั่นจนดูเหมือนว่าสถานที่นั้นเป็นสถานที่หลักในการรวมตัวของสำนักนี้

“เจ้าคิดว่าใครจะชนะ ? “

“นี่เจ้าล้อเล่นหรือไง ? แน่นอนแล้วว่าต้องเป็นหลิงเจิ้งเทียน กาดิหยุนนั้นอาจจะเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญและเทียบเท่าได้กับหลิงเจิ้งเทียน แต่หลิงเจิ้งเทียนนั้นอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญมานานแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเขา ข้าพนันได้เลยว่าตอนนี้เขาต้องอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นกลางแน่ ๆ ความสามารถของกาดิหยุนนั้นยังเทียบเขาไม่ได้”

ศิษย์ทุกคนรอบ ๆ กระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นเต้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ท่ามกลางฝูงคนพวกนั้นและรอคอยชมสิ่งที่จะเกิดขึ้น เจี้ยนเฉินและหมิงตงทั้งคู่นั้นดูแปลกประหลาดสำหรับบุคคลที่ตรงนั้นเพราะชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่ ศิษย์บางคนมองพวกเขาด้วยท่าทีสงสัยแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปสักถามเลยสักคน

ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมาที่เขา เมื่อเขาหันกลับไปมองเขาก็ได้พบกับกับสาวสวยคนหนึ่งจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่หลงใหล สายตาของนางนั้นดูเหมือนสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่ไหลผ่านแสงสว่าง แต่มันกลับแสดงท่าทีสงสัยออกมา — สายตาคู่นั้นเป็นของกาดิซิ่วหลี

เมื่อเปรียบเทียบกับไม่กี่ปีก่อน กาดิซิ่วหลีนั้นได้เติบโตขึ้นมาก ท่าทีที่ไม่สุขุมและไม่สุภาพของนางถูกแทนที่ด้วยความสงบเสงี่ยม แม้แต่ใบหน้าของนางก็งดงามขึ้นอีกเล็กน้อย

แม้ว่าพวกเขาจะมีเรื่องราวร้าย ๆ ระหว่างเจี้ยนเฉินและพี่น้องทั้งสามจากตระกูลกาดิ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเป็นเพียงการทะเลาะเบาะแว้งกันในวัยเด็กเท่านั้น — ไม่ได้สลักสำคัญอะไร นั่นหมายความว่าเจี้ยนเฉินนั้นไม่ได้มีความแค้นเคืองใด ๆ กับทั้งสาม เมื่อกาดิซิ่วหลีจ้องมาที่เขา เจี้ยนเฉินก็ได้พยักหน้าด้วยความเป็นมิตรให้กับนางเพื่อทักทายแล้วก็หันหน้าหนี

กาดิซิ่วหลีจ้องมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเจี้ยนเฉินพร้อมกับคิดใคร่ครวญ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันสักพักก่อนที่นางจะถูกสะกิดกาดิเหลียงที่อยู่ข้าง ๆ “พี่รอง ท่านเคยเห็นเห็นชายสวมชุดขาวนั่นมาก่อนหรือไม่ ? ข้ารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับว่าเคยเห็นเขาที่ไหน ข้าจำมันไม่ได้”

เจี้ยนเฉินได้เติบโตขึ้นมากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทำให้แม้แต่ลุงเจียงหวูจี่ยังจำเขาไม่ได้ และกาดิซิ่วหลีเองก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน

กาดิเหลียงมองไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่จะหันไปหาน้องสาวของนาง จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าและยิ้มออกมา ” ข้าไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาดูค่อนข้างหล่อเหลา แม้แต่ข้าเองยังอิจฉาเขาเลย”

“พี่รอง ข้ารู้สึกคุ้นหน้า แต่ข้าไม่รู้ว่าเคยเจอเขาที่ไหน ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร ? ” กาดิซิ่วหลีถามอีกครั้ง

กาดิเหลียงมองกลับไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้งแล้วส่ายหัวอีกรอบ “ข้าไม่รู้จักเขา หรือไม่ก็ข้าก็ไม่เคยเจอเขามาก่อน” กาดิเหลียงได้มองไปที่กาดิซิ่วหลีพร้อมกับยิ้มและแสดงสายตาซุกซน “น้องสาม ผู้ชายตรงนั้นนั่นก็ดูไม่เลว ไม่ใช่ว่าเจ้าตกหลุมรักเขาหรอกหรือ ? เมื่อพวกเรากลับไปเมื่อไหร่ ข้าจะให้คนไปหาว่าเขาผู้นั้นเป็นใครเพื่อให้คำตอบแก่เจ้า”

เมื่อเห็นสายตาแบบนั้น กาดิซิ่วหลีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกต่อไปและกลับไปครุ่นคิดต่อ

ในเวลาเดียวกันก็ได้มีสองคนเดินออกมาจากด้านหลังกลุ่มคนและเดินขึ้นไปยังแท่นต่อสู้ สองนั้นดูอายุประมาณ 25 และ 26 ปี พวกเขาทั้งสองสวมชุดเครื่องแบบของสำนักคากัต และในตอนที่ทั้งสองได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นต่อสู้นั้น ฝูงคนรอบ ๆ ก็ได้ส่งเสียงฮือฮาออกมา

“กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนมาถึงแล้ว..”

“กาดิหยุน เจ้าทำได้แน่ ! เอาชนะหลิงเจิ้งเทียน..”

“หลิงเจิ้งเทียนจะต้องชนะ..”

ศิษย์พวกนั้นเริ่มตะโกนตาม ๆ กันไปเพื่อส่งเสียงให้กำลังใจนักสู้ทั้งสอง เสียงนั้นดังอื้ออึงไปสักพักก่อนที่จะหยุดลงไป

เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสนามต่อสู้ กาดิซิ่วหลีก็ได้ละสายตาจากเจี้ยนเฉิน ไปมองที่พี่ชายกาดิหยุนบนแท่นต่อสู้

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะเอาอาวุธเซียนของพวกตนออกมา อาวุธเซียนของกาดิหยุนนั้นเป็นดาบสองมือ ในขณะที่อาวุธของหลิงเจิ้งเทียนนั้นเป็นดาบยาวมือเดียว ด้วยการปรากฏของอาวุธเซียนของทั้งคู่ การต่อสู้อย่างเป็นทางการก็ได้เริ่มต้นขึ้น

“ติ๊งๆๆ แกร๊งๆๆๆ..”

เสียงปะทะกันของอาวุธเซียนแต่ละคู่ดังขึ้นเมื่อกาดิหยุนเข้าต่อสู้กับหลิงเจิ้งเทียน แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้กะเอาถึงชีวิต แต่ความสามารถที่พวกเขาแสดงออกมานั้นก็ทำให้ศิษย์ทั้งหลายนั้นหลงระเริงในการต่อสู้นั้น การต่อสู้ระหว่างเซียนผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งที่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงระดับเซียนนั้นรู้สึกทึ่ง

กาดิหยุนและหลิงเจิ้งเทียนนั้นต่อสู้กันสักพักโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ แต่หมิงตงก็ไม่ได้สนใจการต่อสู้ทั้งสองอีกต่อไป เพราะการที่เขาอยู่ในระดับเซียนปฐพี การที่ต้องให้มาดูเซียนผู้เชี่ยวชาญ 2 คนต่อสู้กันนั้นเหมือนกับการทะเลาะกันของเด็กเล็ก ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นสำหรับการดูการต่อสู้นี้

“ชิ ข้าจะแสดงความแข็งแกร่งของทักษะของข้า ! ” ในตอนนั้เองกาดิหยุนก็ได้ตะโกนออกมาและเริ่มโคจรพลังเซียนเขาไปยังอาวุธเซียนของเขาก่อนที่จะฟันไปที่หลิงเจิ้งเทียน

เมื่อได้ยินคำว่า ‘ทักษะ’ นั้น หลิงเจิ้งเทียนก็หน้าซีดลง เขาหลบไม่ทัน เขาได้แต่ต้องใช้พลังทั้งหมดของตัวเองป้องกันมันเท่านั้น

“ปัง ! ” เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับดาบยักษ์ของกาดิหยุนฟาดเข้าไปที่ดาบของหลิงเจิ้งเทียน ทักษะต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าการโจมตีธรรมดาหลายเท่า ปริมาณพลังจากดาบของกาดิหยุนส่งผ่านไปยังดาบของหลิงเจิ้งเทียนนั้นทำให้หลิงเจิ้งเทียนกระเด็นกลับหลังไป ในที่สุดเขาก็ตกลงไปที่พื้น หลิงเจิ้งเทียนถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปาก

ผู้ชมรอบ ๆ เงียบอยู่สักพักก่อนจะส่งเสียงชื่นชมชัยชนะของกาดิหยุนออกมา

“กาดิหยุนชนะ กาดิหยุนเอาชนะหลิงเจิ้งเทียนได้และกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักคากัต ! “

“กาดิหยุนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักของเรา ! “

……

บนลานต่อสู้ กาดิซิ่วหลีและกาดิเหลียงแสดงใบหน้าปิติยินดีออกมา พวกเขาตื่นเต้นกับชัยชนะของพี่ชายของพวกเขา

กาดิหยุนตบไปที่ดาบยักษ์ของตัวเองก่อนที่จะตะโกนอย่างหยิ่งทะนงออกมา “มีใครยังคิดว่าไม่สมควรอีกหรือไม่ ? ขึ้นมาและต่อสู้กับข้า ! วันนี้ข้า กาดิหยุนจะยอมรับคำท้าทายจากทุกคน ! “

“แม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งอย่างหลิงเจิ้งเทียนยังพ่ายแพ้ ตอนนี้สำนักคากัตคงไม่มีผู้ใดที่จะมีความสามารถเทียบเท่ากาดิหยุนได้ ! “

“กาดิหยุนมีทักษะการต่อสู้ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าผู้ใด แม้แต่อาจารย์บางคนยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ข้าพนันได้เลยว่าแม้แต่อาจารย์บางคนที่อยู่ในระดับเซียนปฐพียังไม่สามารถเอาชนะเขาได้”

ศิษย์หลายคนเริ่มถกเถียงกัน

เมื่อเห็นความหยิ่งทะนงที่กาดิหยุนมี หมิงตงก็ฉุกคิดบางอย่างได้ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ช่างบังเอิญจริง ๆ ข้ารู้ว่าข้าได้ยินมาเขาและเจ้านั้นมีเรื่องกันในอดีต เจี้ยนเฉิน ให้ข้าไปสู้กับเขาเถอะ” หมิงตงกระโดดขึ้นไปยังสนามต่อสู้โดยไม่รอให้เจี้ยนเฉินตอบกลับมา

เมื่อเห็นหมิงตงโดดขึ้นมาบนลาน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ทำสิ่งใดแต่เขาก็ส่ายหน้าด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้ เนื่องจากเขารู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ห้ามหมิงตงไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีขั้นที่หกนั้นเหมือนกันเป็นการรังแกเซียนผู้เชี่ยวชาญ เรื่องนี้คงจะทำให้ผู้คนขบขันหากเล่าออกไป

หมิงตงยืนกอดอกและยิ้มอย่างภูมิใจไปให้กาดิหยุน “เด็กน้อย เจ้าคือกาดิหยุนใช่หรือไม่? มาสู้กันเถอะ เจ้ากับข้า”

เมื่อทุกคนเห็นหมิงตงโดดขึ้นไปบนลานต่อสู้ ศิษย์ทุกคนที่คอยรับชมอยู่เริ่มพูดคุยกัน เนื่องจากเขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนัก ทุกคนจึงสงสัยว่าเขาเป็นใคร ในตอนนั้นทั้งกาดิเหลียงและกาดิซิ่วหลีเองก็จับจ้องไปที่เขา

“เขาเป็นใครกัน ? ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน เขานั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนักเรา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นศิษย์ของสำนักคากัต” กาดิเหลียงพูดพึมพำกับตนเองพร้อมกับคิ้วที่ขมวดหากัน เขาหันไปหาศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาและกระซิบ “ไปเรียกอาจารย์ใหญ่ไป่เอิน บอกเขาว่ามีคนนอกเข้ายุ่งเรื่องของสำนักคากัต”

“ขอรับ ! ” ศิษย์คนนั้นคือบุตรชายของคนที่คอยทำหน้าที่คุ้มครองตระกูลกาดิ เขาได้ลังเลและรับคำสั่งของกาดิเหลียงทันที ในเสี้ยววินาทีเขาก็วิ่งออกไปหาอาจารย์ใหญ่

กาดิหยุนมองไปที่ชุดขาวของหมิงตงด้วยสายตาที่สงสัยก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ใช่หรือไม่ ? “

“เจ้าเดาได้ถูกต้อง ข้าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักคากัต ดังนั้นการต่อสู้นี้จะไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของเจ้าในสำนัก ไม่ว่าเจ้าจะแพ้หรือชนะ งั้นเอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าอยากจะสู้หรือไม่ ? ” หมิงตงหัวเราะพร้อมกับเอามือขึ้นกอดอกอีกครั้ง

“แน่นอน พวกเราจะสู้กัน ! ข้า กาดิหยุน ไม่เคยกลัวผู้ใด แต่เจ้าชื่ออะไร ? ” กาดิหยุนป้องมือทั้งสองเข้าหากัน

“ข้าจะบอกชื่อของข้าหลังจากสู้กันแล้ว” หมิงตงหัวเราะ เขานั้นไม่ได้กังวลเลยสักนิด นี่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นสนุกแม้แต่นิดเดียว

กาดิหยุนนั้นดูอายุไม่ต่างจากหมิงตงเลย เขานั้นไม่ได้เกรงกลัวความแข็งแกร่งของหมิงตง มีน้อยคนนักที่อายุเท่า ๆ เขาจะสามารถเอาชนะเขาได้

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ศิษย์ของสำนักคากัต ข้าก็จะยอมรับคำท้าทายของเจ้า มาสู้กัน ! ” มือขวาของกาดิหยุนคว้าไปที่อาวุธเซียนของตนเองซึ่งมันปักอยู่ที่พื้น เขาดึงมันขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าหาหมิงตง