หอกที่เป็นร่างจำแลงของพรีมัสถูกป้องกันไว้ด้วยดาบยุติธรรมจืดจาง เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่เทียบเท่ากับพลังชั้นตำนานของเจ้าแห่งปีศาจ เขาก็ก้าวถอยออกไป ด้วยร่างกายที่มีแผลพุพองเต็มตัว เขาหรี่ตามองนาตาชาที่ยืนจวนเจียนจะล้ม ก่อนที่เขาประกาศออกมาทีละคำๆ “พลังโลหิตของฝ่าบาทกลายพันธุ์? ยิ่งบาดเจ็บมากเท่าไร ยิ่งแข็งแกร่งใช่ไหมพะยะค่ะ?”
นาตาชาไม่ได้ตอบโต้อะไร แต่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าลูเซียนและถือดาบยาวไว้ในมือ ดูเหมือนพลังโลหิตของนางก็ถูกพลังพิษของพรีมัสกดไว้ ซึ่งก็ขับพลังที่ได้รับมาใหม่ของนางออกไปเรื่อยๆ เช่นกัน นางไม่อาจเป็นฝ่ายโจมตี แต่ทำได้เพียงตั้งท่าป้องกันไปก่อนเท่านั้น
เนื่องจากแผลบนท้องของนางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยพิษไม่อาจเยียวยาได้ การเสียเลือดมากก็ยิ่งทำให้ร่ายกายของนางอ่อนแอลงไปอีก
พรีมัสตะโกนเสียงดังที่ฟังดูเดือดดาลและบ้าคลั่ง “เวทปลุกอาคม เวทป้องกันจากอุปกรณ์เวทมนตร์เมื่อถูกกระตุ้น พลังโลหิตกลายพันธุ์ ทำไมเจ้าสองคนถึงไม่ยอมให้ข้าฆ่าง่ายๆ? ขยะแขยงชะมัด จะขัดขืนหาพระแสงอะไร? เจ้าต้องตายด้วยมือของข้าอยู่ดี ไม่ใช่หรือ? ให้มันจบเร็วๆ ไม่ดีกว่าหรือไง?”
ลูเซียนเหมือนกับคนที่ดื่มเหล้ารีสไปสามขวด สมองของเขาเฉื่อยชาเกินกว่าจะคิดหาทางออก เวทมนตร์ก็มีประสิทธิภาพลดลง เขาสัมผัสได้เพียงแรงพลังที่โคจรรอบๆ คอผ่านเลือดและแผ่กระจายไปยังสมอง แล้วพลังของคำสาปก็เริ่มส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย ยกเว้นเพียงมือซ้ายของเขา ร่างกายส่วนที่เหลือสูญเสียพลังไปทั้งหมด
‘ไม่ ข้าต้องหาวิธีกำจัด ‘พิษเมา’ นี้ ไม่อย่างนั้น เราต้องตายแน่นอน!’
‘ข้ารอให้พลังฟื้นฟูโดยไม่หาทางรอดไม่ได้ มีโอกาส 99.99% ที่จะตายก่อนที่พลังจะฟื้นคืนมา’
‘นาตาชากำลังตกอยู่ในอันตราย!’
ความคิดยุ่งเหยิงมากมายผุดขึ้นในหัวของลูเซียน เขาโบกมืออย่างสิ้นหวัง พยายามรีดเค้นแรงกระตุ้นให้หลุดออกจากปัญหา
พรีมัสหยิบกริชออกมาสองเล่ม ซึ่งถูกเคลือบด้วยของเหลวสีเขียวเข้มที่โสโครกซึ่งหยดลงบนพื้น และขณะเดียวกันก็ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสกปรกและเปรอะเปื้อน
“เจ้าจะต้องถูกลงโทษที่ไม่ยอมให้ความร่วมมือ!” พรีมัสตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด แล้วเขาก็เริ่มจู่โจมรัวเป็นพายุบุแคมจนลูเซียนมองตามไม่ทัน พื้นที่โดยรอบค่อยๆ ปนเปื้อนไปด้วยของเหลวสีดำ เขียว และเหลืองที่บิดเบี้ยวไปมา ทุกคนที่เข้ามาในพื้นที่นี้จะถูกกดด้วยคำสาป พิษ และโรคร้าย
นี่เป็น ‘พรมแดนอำนาจจิตกึ่งภาพมายา’ ของอัศวินทองคำระดับเก้า
พรีมัสเกรงอำนาจของ ‘ดาบยุติธรรมจืดจาง’ ในมือนาตาชา เขาจึงยังไม่เริ่มการปะทะซึ่งๆ หน้า แต่ด้วยแรงกดความเร็วและพรมแดนอำนาจจิต เขามองหาจุดอ่อนในเพลงดาบของนาตาชา และทิ้งบาดแผลไว้บนเรือนร่างของนางด้วยกริชคู่เป็นระยะๆ
ขณะที่นาตาชามีพลังโลหิตที่ทำให้นางแข็งแรงขึ้นเมื่อแผลบาดเจ็บมากขึ้น นางก็อ่อนแอกว่าพรีมัสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และนางก็ได้รับผลจากพลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ การฟื้นฟูพลังหนึ่งในสามของนางกลับมาได้ก็ไม่เลวนัก แต่นางก็ยังไม่สามารถเทียบกับพลังของพรีมัสได้อยู่ดี และทำได้เพียงป้องกันตัวเองด้วยดาบยาวเท่านั้น
การป้องกันของนางทำท่าจะดีอยู่ในช่วงสิบวินาทีแรก ด้วยการป้องกันอันไร้ที่ติและพลังเหนือความชั่วร้ายและปีศาจของดาบยุติธรรมจืดจาง นาตาชายังสามารถต้านทานการโจมตีของปีศาจพิษได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น พลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ ก็ยิ่งแสดงผลชัดเจนมากขึ้นๆ ความแข็งแกร่งของนางหมดลงเรื่อยๆ และเพลงดาบของนางก็เริ่มมีรูโหว่ปรากฏให้เห็นมากขึ้น พรีมัสคว้าโอกาสนั้นจ้วงแทงทะลุชุดล่าสัตว์ของนาง เฉือนผิวหนังและสร้างบาดแผลที่น่ากลัวไว้บนร่างของนาง
ด้วยแรงกระตุ้นจากบาดแผล พลังของนาตาชาก็ฟื้นคืนขึ้นมาบางส่วน แต่นางก็หายใจด้วยความยากลำบากมากขึ้นๆ นางเหมือนกับคันธนูที่ถูกรั้งจนตึงและพร้อมจะหักได้ตลอดเวลา
ทันใดนั้น พรีมัสก็หลบดาบยุติธรรมจืดจางและพลิกตัวเอาแผ่นหลังพุ่งเข้าใส่ แล้วใส่ข้อศอกกระแทกเข้ากลางอกของนาง
กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ เสียงกระดูกซี่โครงหักดังลั่น นาตาชาอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีเงินปนแดง นางมีเวลาเพียงป้องกันการโจมตามมาของพรีมัส ก่อนที่จะกระเด็นออกไปชนกำแพงใกล้กับลูเซียน
หลังจากเสียงตู้ม ผนังของห้องลับที่มีวงพลังอาคมเทพป้องกันก็เกือบพังลง
พรีมัสเกรงว่าเขาจะหลบดาบยาวชั้นตำนานที่สามารถกดพลังโลหิตสายปีศาจไม่พ้น เขาจึงไม่รีบจัดการศัตรูในทันทีหลังจู่โจมทั้งสองคนเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เขาคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก เขาพยายามหลีกเลี่ยงวิถีดาบยุติธรรมจืดจาง มิฉะนั้น นาตาชาคงถูกเขาสังหารไปนานแล้ว
“เจ้ายืนไม่ขึ้นแล้ว ใช่ไหมล่ะ” พรีมัสตะโกนด้วยความตื่นเต้นและกระหายเลือด แต่แล้วเขาก็คำรามออกมาอีกครั้ง “ทำไม ทำไมเจ้ายังจะยืนอยู่อีก? นอนเฉยๆ ให้ข้าจบชีวิตเจ้าเสียดีกว่า”
ลูเซียนมองดูนาตาชากระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เลือดและเหงื่อของนางหยดลงพื้น และร่างของนางเต็มไปด้วยแผลที่น่าสยดสยอง แต่นางก็ยังยกดาบขึ้นตั้งท่าป้องกันอย่างมุ่งมั่น
“เจ้าไม่มีวันผ่านไปได้ จนกว่าข้าจะตาย”
เพราะบาดแผลสาหัส เสียงของนาตาชาไม่ได้ฟังดูอ่อนแรงเหมือนก่อน แต่ความอ่อนแอของนางจึงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ลูเซียนเกลียดตัวเองที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ในตอนนี้ ตอนนี้ เขายังไม่อาจใช้พลังวิญญาณ เขามีพลังอัศวินหลวงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวอย่างมากที่สุด และเขาไม่อาจร่วมสู้ในการรบชั้นสูงได้แน่นอน
‘ข้าต้องกำจัดวิกฤตนี้!’
‘ข้าต้องฟื้นฟูพลังวิญญาณ!’
‘เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ ข้าจะต้องแก้คำสาปให้ได้’
‘จะแก้คำสาปอย่างไร?’
หัวของเขาเต็มไปด้วยเลือด ลูเซียนค่อยๆ คิด สัมผัสได้ถึงพลังคำสาปที่พุ่งขึ้นมาจากลำคอถึงส่วนหัว
“ข้าขอประกาศว่าข้าเกลียดเจ้าที่สุดยิ่งกว่าพวกนักเวท! พลังโลหิตกลายพันธุ์ของเจ้าน่ารังเกียจยิ่งกว่า!’ พรีมัสเดือดดาลหนักยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้กระทบต่อพลังของเขาแต่อย่างใด แต่ยิ่งทำให้เขากระหายเลือดและคลุ้มคลั่งมากยิ่งขึ้น
ความหน้าเลือดและพลังโลหิตอันยุ่งเหยิงไม่ได้ทำให้พรีมัสสูญเสียการตัดสินใจพื้นฐาน เขายังระดมโจมตีอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วและความปราดเปรียว ถือไพ่เหนือนาตาชาที่ต้องปกป้องลูเซียนไปด้วย และพละกำลังและความคล่องแคล่วของนางก็กำลังจะหมดลง
เมื่อเลือดสีแดงหยดลงพื้น ลูเซียนรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงชีวิตของนาตาชากำลังนับถอยหลัง เขาถูกครอบงำด้วยความสิ้นหวังและความเกลียดตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับลูเซียน สิ่งที่มาพร้อมกับความสิ้นหวังกลับไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นความดื้อด้านที่เป็นเหมือนเงื่อนไขการสะท้อนกลับ พลังวิญญาณแห่งการไม่ยอมจำนนหลอมลวงเข้ากับวิญญาณของเขาตั้งแต่เขาบรรเลงเพลง ‘ซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิต’
ความกังวล ความสิ้นหวัง ความรังเกียจตัวเอง และความรู้สึกอื่นๆ ทั้งหมดมลายหายไป แม้สมองของลูเซียนยังคงมึนงงและเฉื่อยชา เนื่องจาก ‘พิษเมา’ แต่สมองก็เรียกความสามารถในการคิดกลับมาได้บางส่วน หลังจากอารมณ์อคติหมดไป
‘พลังคำสาปส่งผลต่อร่างกายและวิญญาณ เนื่องจากผลกระทบต่อสมอง…’
‘หลังจากหลอมเข้าร่างกาย ก็มีพลังส่งไม่หยุด คำสาปจะเข้าสู่หัวของข้าโดยมีคอเป็นสะพาน… พลังวิญญาณของข้าจะถูกกดในไม่ช้า ก่อนที่จะเข้าสู่ ‘ฝันเมามาย’… บางทีนั่นคือสาเหตุที่พรีมัสบอกว่ายิ่งนาน คำสาปยิ่งออกฤทธิ์แรงยิ่งขึ้น…’
ขณะพยายามวิเคราะห์กระบวนการทำงานของคำสาป ลูเซียนก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ เพราะการถอนคำสาปต้องอาศัยเวทมนตร์ และเขาไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้ในตอนนี้ที่ถูกคำสาปกดอยู่ จนตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
‘มีวิธีอื่นไหม?’ ลูเซียนตรวจสภาพร่างกายและรู้ตัวว่ามีเพียงมือซ้ายเท่านั้นที่มีพลังกำลังเหลืออยู่
‘มือซ้าย?’
‘ไม่โดนอยู่คำสาป!’
จู่ๆ ตาดำของลูเซียนถลึงออกมา
จังหวะนั้นเอง นาตาชาก็ถูกพรีมัสซัดกระเด็นไปชนผนังด้วยเสียงดังสนั่น แต่ห้องเก็บเสียงห้องนี้ได้รับการป้องกันจากวงพลังอาคมเทพ ทำให้ขุนนางคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกไม่ได้ยินเสียงอะไร
นาตาชาไถลตัวลงตามกำแพง นางยันตัวกับพื้นด้วยมือซ้ายและพยายามยืนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ข้อมือของนางก็หมดเรี่ยวแรง แล้วนางก็ล้มพับลงอย่างหมดหวัง
แต่นาตาชายังไม่ยอมแพ้ นางยังคงพยายาม แม้พรีมัสจะเดินเข้ามาใกล้ นางก็ไม่ยอมหยุดความดื้อด้านของนาง หากนางต้องจบชีวิตลงจริงๆ นางก็จะพยายามอีกครั้งก่อนจนกว่าตาของนางจะปิดลงจริงๆ!
“ว้าว ยืนขึ้นมาสิ! ทำไมเจ้าไม่ยืนขึ้นมาล่ะ! ดูสิ เจ้าจะยืนขึ้นมาอีกครั้งได้ไหม!” พรีมัสตะโกนอย่างบ้าคลั่งอย่างกับคนบ้า เยาะเย้ยความพยายามที่ไร้ค่าของนาตาชา
แล้วเขาก็หันกลับไปมองลูเซียน และค้อมศีรษะลงพร้อมวางมือซ้ายทาบอก “เจ้าสองคนไปลงนรกได้แล้ว!”
หลังจากนั้น เขาก็คว้ากริชทั้งสองเล่มขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่หัวของลูเซียนและนาตาชาพร้อมกัน
ลูเซียนยกมือซ้ายที่สั่นเทิ้มของเขาขึ้นมา แต่กริชก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะถึงจุดจบ
จังหวะนั้นเอง เงาของนาตาชาก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าลูเซียนอีกครั้ง บาดแผลบนตัวของนางน่าสยดสยองมาก เท้าของนางยืนได้ไม่มั่นคง แต่ดูเหมือนด้วยพลังจิตบางอย่างทำให้นางยืนขึ้นได้อีกครั้ง และช่วยให้นางปัดป้องกริชของพรีมัสด้วยดาบยุติธรรมจืดจาง
ผมยาวสลวยสีม่วงที่มัดไว้ของนาตาชาปลิดปลิว ผมสลายออกไปด้านหลังของนางเหมือนกับเกลียวคลื่นและปิดใบหน้าที่เปื้อนเลือดของนาง จนทำให้นางมองไม่เห็นอะไร
ภาพที่เห็นทำให้ลูเซียนประทับใจอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นมากนัก เขากำหมัดซ้ายแน่น
พรีมัสคำรามเสียงดังด้วยความฉุนเฉียว “เจ้ายังยืนได้อีก!”
“ข้าจะไม่ล้มจนกว่าร่างจะแตกเป็นเสี่ยง!” นาตาชาดูเหมือนกำลังตะโกนออกมาด้วยวิญญาณของนาง แต่พละกำลังของนางก็ลดลงอย่างหนัก จนพลังโลหิตกลายพันธุ์ของนางก็ไม่อาจสร้างพลังทดแทนได้ และนางก็เริ่มยกดาบยุติธรรมจืดจางไม่ขึ้น
ในตอนนั้น สายตาของพรีมัสเบิกโพลง ขณะที่เขาเห็นลูเซียนแบมือซ้ายและจ้วงแทงเข้าไปที่คอของตัวเองอยู่ด้านหลังของนาตาชา เลือดของเขาทะลักออกมาและกระจายไปทั่วหลังของนาตาชา
‘เขาฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ?’
ความเจ็บปวดเหนือจินตนาการไปตามเส้นประสาททำเอาลูเซียนดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น แต่โชคดีที่เขาไม่มีพละกำลังพอที่จะฆ่าตัวตาย
เมื่อสกัดกั้นความเจ็บและไม่ได้ควานหาอะไรเป็นพิเศษ ลูเซียนกำมือขยับไปมาราวกับพยายามบิดอะไรบางอย่าง พลังของคำสาปที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่สมองของเขาก็สลายไปในจังหวะที่คำสาปปะทะเข้ากับพลังของดวงจันทร์สีเงินและสิ่งมีชีวิตปริศนาจากโลกแห่งวิญญาณ
พลัง ‘จุมพิตหม่นหมอง’ เป็นพลังระดับเก้าในตัวเอง แต่พลังพิษเป็นพลังที่แตกย่อยออกมา พลังที่เหลือของคำสาปไม่อาจต้านทาน ‘หัตถ์ซ้ายพระเจ้า’ ได้แน่นอน
มวลอากาศสีดำผุดขึ้นรอบคอของลูเซียนเหมือนกับงู และสลายไปในอากาศ
ระบบประสาทส่วนกลางของเขาเสียหาย ลูเซียนไม่รู้สึกถึงอวัยวะส่วนต่างๆ ตั้งแต่คอลงไป แต่สำหรับนักเวท ตราบใดที่สมองและวิญญาณยังคงอยู่ ทุกอย่างก็ยังคงอยู่!
พลังวิญญาณของเขาพลุ่งพล่านราวกับพายุทอร์นาโดในมหาสมุทร พลังคำสาปเมื่อสูญเสียพลังเสริมก็ถูกต้อนจนมุมและกำลังจะสลายไป
‘มือซ้ายของมันมีบางอย่างผิดปกติ!’
พรีมัสเริ่มกังวลเมื่อเขาเห็นมวลอากาศสีดำสลายไป ไม่มีเวลาเหลือให้จัดการนาตาชา เขาพยายามจัดการปัญหากับนักเวทเป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่อยากยุ่งยากมากไปกว่านี้ นักเวทระดับหกหรือเจ็ดไม่มีปัญหาหลุดออกจากพรมแดนอำนาจจิตกึ่งภาพมายาด้วยตัวเองอยู่แล้ว!
แต่ตอนนั้นเอง เขาก็เห็นลูเซียนยื่นมือซ้ายออกมาและพูดด้วยสำเนียงที่ฟังแปร่งๆ ที่ฟังดูไม่เหมือนภาษามนุษย์แม้แต่น้อย ‘เวทจองจำวิญญาณ!’