กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 943

กู้ชูหน่วนเยาะเย้ยว่า “ไม่ว่าข้าจะอยู่หรือไม่ ความแค้นระหว่างเรานั้นก็ได้เกิดกันมาตั้งนานแล้วมิใช่หรือ”

ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาอึมครึม

“แน่นอน ไม่ว่าจะอยู่หรือไม่ความแค้นระหว่างเรานั้นไม่มีทางคลี่คลายได้ ผู้นำตระกูลเหวินนี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับนาง ตระกูลเหวินของเจ้าคงจะไม่ยื่นมือมายุ่งกระมัง?”

ไม่รอให้เหวินเส่าอี๋กล่าวกู้ชูหน่วนแย่งกล่าวก่อนว่า “แน่นอนว่าตระกูลเหวินต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง หากพวกเขาไม่เข้ามายุ่งก็คงจะไม่ส่งคนไปสกัดกั้นนิกายใหญ่ที่จะมาหนุนตระกูลไป๋หลี่กลางทางเสียแล้ว”

ประโยคเดียวได้ดึงเหวินเส่าอี๋ลงไปในน้ำด้วยเลยโดยตรง

กู้ชูหน่วนกล่าวต่อว่า “และ……หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้นำตระกูลเหวิน แล้วพวกเราจะเข้าไปในส่วนที่ลึกของตระกูลไป๋หลี่และฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดที่มีความแข็งแกร่งที่สุดของตระกูลไป๋หลี่ได้อย่างไร”

เดิมทีผู้นำตระกูลไป๋หลี่ต้องการที่จะเพิกเฉยต่อเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เหวินเส่าอี๋กระทำกับตระกูลไป๋หลี่ของพวกเขา

ตอนนี้กลับถูกกู้ชูหน่วนเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้

เขาในฐานะผู้นำของตระกูลไป๋หลี่และยังเป็นขั้นต้นระดับหกอีกด้วย ปกติอยู่เหนือมาโดยตลอดแล้วจะทนถูกดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนี้ได้ที่ใดกัน

ไกลออกไปไฟลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า เสียงการต่อสู้ฆ่าฟันกันยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง และปลายจมูกก็ฉุนไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

เมื่อคิดถึงประวัติศาสตร์เกือบพันปีของตระกูลไป๋หลี่ได้ถูกทำลายลงเช่นนี้ ไป๋หลี่ป้าก็รู้สึกไม่เป็นธรรมจริงๆ

เขากัดฟันทน

ช่างเถอะ

ตระกูลไป๋หลี่หมดสิ้นแล้ว ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ก็ไร้ซึ่งความหมาย

ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเหวินยืนกรานที่จะยืนอยู่ข้างนางเช่นนี้ ภายภาคหน้าก็ไม่มีวันยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน

เป็นการดีกว่าที่จะอาศัยขณะที่เหวินเส่าอี๋บาดเจ็บสาหัสอยู่สู้กันอีกครั้ง

เพียงแค่เหวินเส่าอี๋ตายไปเขายังสามารถหาวิธีซ่อมแซมความสัมพันธ์กับตระกูลเหวินได้

แม้กระทั่งยังสามารถได้ดวงวิญญาณนั้นและดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมาเพื่อขึ้นถึงขั้นสูงสุดระดับหกหรือแม้แต่ระดับเจ็ดก็อาจเป็นไปได้

เมื่อคิดเช่นนี้ผู้นำตระกูลไป๋หลี่ก็ไม่มีความคิดที่จะจากไปเลยแม้แต่น้อยแล้ว แต่กลับก้าวไปเบื้องหน้าทีละก้าวแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ผู้นำตระกูลเหวิน ตระกูลไป๋หลี่ของเรามิได้มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับเจ้า แต่หญิงผู้นี้สังหารคนในตระกูลของข้าและทำลายบ้านเรือนของข้า หากว่าไม่จัดการนางข้าก็เสียแรงที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่”

“หากว่าผู้นำตระกูลเหวินไม่ยื่นมือมายุ่ง ตระกูลไป๋หลี่ของเราก็จะขอบคุณเป็นธรรมดา หากว่าผู้ผู้นำตระกูลเหวินยืนกรานที่จะช่วยนางเช่นนั้นแม้ว่าข้าจะทุ่มจนสุดชีวิตนี้ก็จะสู้กับพวกเจ้าให้ถึงที่สุด”

เหวินเส่าอี๋บังคับจิตใจให้มั่นคงและกำลังจะเอ่ยปากกล่าว ทว่ากู้ชูหน่วนไม่ให้โอกาสนี้กับเขาเลยและชิงกล่าวก่อนอีกครั้ง

“ผู้นำตระกูลเหวินก็มิได้โง่ วันนี้เขาสังหารผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่าน หากตระกูลไป๋หลี่ของพวกท่านไม่ถูกทำลายในวันนี้ภายหน้าก็ไม่ต้องหาเขาเพื่อแก้แค้น บอกความจริงแก่ท่านเถอะ ข้ากล้าบุกรุกตระกูลไป๋หลี่นั่นก็เพราะว่ามีผู้นำตระกูลเหวินหนุนหลังอยู่”

ความหมายของกู้ชูหน่วนคือที่นางฆ่าล้างตระกูลไป๋หลี่เป็นการทำตามคำสั่งของเหวินเส่าอี๋

เหวินเส่าอี๋ลูบหน้าผาก

สิ่งที่ควรพูด สิ่งที่ไม่ควรพูด ล้วนถูกนางกล่าวออกมาหมดแล้ว

แม้ว่าเขาจะอ้าปากอธิบายก็มิได้ช่วยอันใด

ยิ่งกว่านั้น……

ที่เขาฆ่าไป๋หลี่หมิงเยียนก็เป็นเรื่องจริง

หากมิใช่เพราะเขาบาดเจ็บสาหัสไป๋หลี่ป้าเขาก็คงไม่ปล่อยไป

ไป๋หลี่ป้ามองเหวินเส่าอี๋ด้วยสีหน้าหมองหม่น พร้อมด้วยเจตนาสังหารแว๊บผ่านและถามว่า “ผู้นำตระกูลเหวิน สิ่งที่แม่หนูผู้นี้กล่าวนั้นจริงหรือไม่?”

“ข้าต้องการเพียงดวงวิญญาณนั้น ความแค้นส่วนตัวระหว่างพวกเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับข้า”

“เกรงว่าจะไม่เป็นไปตามที่เจ้าปรารถนาแล้ว” ไป๋หลี่ป้าดึงรูปแบบการต่อสู้ขึ้นโดยที่เหนือศีรษะได้ปรากฏลูกไฟขนาดเล็กขึ้น

ลูกไฟกลิ้งไปมาพร้อมกับควันที่พวยพุ่ง และก็ไม่รู้ว่าเป็นไฟอะไรกันแน่

เหวินเส่าอี๋ใช้สายตาแก่กู้ชูหน่วนเป็นการให้สัญญาณนางว่า ปัญหาที่ก่อขึ้นเองก็แก้ไขด้วยตนเอง

กู้ชูหน่วนกางมือทั้งสองออกและทิ้งปัญหาเอาไว้เลยโดยตรง “ระดับหกเชียวนะ ข้าเป็นเพียงแค่ระดับสี่แล้วจะเอาชนะได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ เสี่ยวหูเตี๋ยเจ้าเป็นขั้นสูงสุดระดับหกมีความสามารถสูงส่ง เพียงแค่ต่อกรกับขั้นต้นระดับหกแน่นอนว่าไม่เป็นปัญหาข้าก็จะไม่แย่งชิงกับเจ้า เขานั้นมอบให้เจ้าก็แล้วกันนะ”

หากมิใช่ส่าถูกนางทำให้โมโหจนมีภูมิคุ้มกัน เหวินเส่าอี๋ก็คงจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากแล้วเป็นแน่

เป้าหมายแรกของไป๋หลี่ป้าคือนาง เหวินเส่าอี๋เพียงแค่นั่งขัดสมาธิและซื้อเวลาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนก่อน โดยที่ไม่ยินยอมเสียเวลาสักนาทีสักวินาทีเดียว

ระหว่างเหวินเส่าอี๋และกู้ชูหน่วน ผู้ที่เขาต้องการฆ่ามากที่สุดคือกู้ชูหน่วน

ด้วยเหตุนี้รัศมีการสังหารของเขาจึงมุ่งไปยังกู้ชูหน่วนก่อน

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างช้าๆว่า “ท่านผู้นำตระกูลไป๋หลี่ท่านคิดให้ถี่ถ้วนนะ ไม่ว่าข้าจะกระโดกกระเดกอีกสักเพียงใดก็เป็นเพียงแค่ขั้นกลางระดับสี่ แต่ว่าเสี่ยวหูเตี๋ยนั้นไม่เหมือนกัน เขาเป็นถึงขั้นสูงสุดระดับหก หากว่าเขาฟื้นพละกำลังขึ้นมาได้จะปล่อยท่านไปได้อย่างไร”

“ที่ข้าต้องการคือเจ้า ข้าจะฆ่าเหวินเส่าอี๋ก่อน แล้วค่อยๆจัดการกับเจ้าเพื่อมิให้เป็นการไม่ระวัง……แล้วทิ้งชีวิตของตนไป”

ไป๋หลี่ป้ากล่าวแล้วก็ชะงักความเคลื่อนไหวลงจริงๆแล้วชี้นิ้วไปยังเหวินเส่าอี๋

ไป๋หลี่ป้ายิ้มอย่างชั่วร้าย “แม้ว่าเจ้าจะยืมมีดฆ่าคน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลจริงๆ”

เหวินเส่าอี๋กำลังจะย้ายวรยุทธ์รักษาอาการบาดเจ็บ เมื่อได้ยินการสนทนาของพวกเขาจึงไม่ง่ายเลยที่จะดึงวรยุทธ์ที่ทรุดฮวบไปหมด

หญิงโง่เง่าผู้นี้……

ให้เวลาเขาฟื้นวรยุทธ์กลับบางส่วน บางทียังมีความเป็นไปได้ที่จะต่อสู้

แต่นาง……

กลับหวังที่จะให้ไป๋หลี่ป้าฆ่าเขาเลยโดยตรง

หากเขาตายไปไป๋หลี่ป้าจะปล่อยนางไปได้หรือ?

เมื่อเห็นว่าลูกไฟของไป๋หลี่ป้ากำลังจะตกลงที่ร่างของเขา เหวินเส่าอี๋ไม่มีทางเลือกอื่นจึงทำได้เพียงรวบรวมวรยุทธ์เฮือกสุดท้ายในร่างกายเพื่อขัดขวางลูกไฟเหล่านั้นเอาไว้

ลูกไฟนั้นกำลังดุดัน เพียงแค่อาศัยวรยุทธ์อันน้อยนิดขอเขาเหวินเส่าอี๋ก็พ่ายแพ้อยู่แล้ว

ไป๋หลี่ป้าไม่ได้ให้เวลาหายใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ กระบวนท่าหนึ่งต่อด้วยกระบวนท่าหนึ่ง ซึ่งแต่ละกระบวนท่าทุ่มสุดกำลังยุทธ์ของเขาจนแทบจะทุบเขาให้แหลกเป็นเถ้าถ่าน

“หึ……ดูเหมือนว่าข้าจะเดิมพันถูกแล้ว เหวินฉู่ อาการบาดเจ็บของเจ้ารุนแรงกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มากมายนัก วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปงดินแดนสุขาวดีเสียก่อน”

“พรึ่บ……”

เหวินเส่าอี๋ทนไม่ไหว กระดูกหลายชิ้นบนร่างกายถูกบดขยี้จนหักหลายซี่

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องตายเป็นแน่

เมื่อมองไปยังกู้ชูหน่วนอีกครั้งกลับอาศัยช่วงเวลาที่พวกเขาต่อสู้กันดึงซือม่อเฟยแอบหนีไปเป็นการดีกว่า

ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋เย็นชาเสียจนน่าหวาดกลัวนัก

เขานั่งร่ายสิ่งใดอยู่จู่ๆซือม่อเฟยก็กุมหน้าอกย่อเข่าลงอย่างเจ็บปวดทรมาน

“อาม่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ็บ……เจ็บยิ่งนัก……”

เหวินเส่าอี๋ด้านหนึ่งต่อต้านด้านหนึ่งกล่าวว่า “วางใจเถอะ เพียงแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่เขาตายไม่ได้หรอก”

ความหมายของเขาคือหากเขาตายไปซือม่อเฟยก็จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเขา

กู้ชูหน่วนด่าทอว่า “เจ้าลงมือกระทำบนตัวเขาช่างน่ารังเกียจนัก”

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าถ่ายทอดให้”

เหวินเส่าอี๋ยกที่ม่านอากาศครึ่งวงกลมขึ้น ประกายแสงบนม่านอากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งอ่อนแรงลง เมื่อประกายแสงแตกกระจายชีวิตของเขาก็จะสิ้นสุดลงตรงนี้เสียแล้ว

กู้ชูหน่วนมองไปยังเหวินเส่าอี๋ จากนั้นก็มองซือม่อเฟยที่เจ็บปวดทรมานหนักหนาและทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่า “ข้ากับอาม่อเพียงแค่เพิ่งได้พบเจอกันโดยบังเอิญ เพื่อเขาแล้วทิ้งชีวิตๆหนึ่ง เช่นนั้นข้าก็โง่เง่าเกินไปแล้ว พวกเจ้าสองคนล้วนมิใช่ของมีประโยชน์อันใด ดีที่สุดก็บาดเจ็บพ่ายแพ้ไปเสียทั้งคู่แล้วกลับขึ้นไปสู่บนท้องฟ้าทั้งคู่ ข้าไปก่อนนะ”

“ไปที่ใดได้”

ไป๋หลี่ป้าเกลียดกู้ชูหน่วนจนถึงกระดูกแล้วจะปล่อยนางจากไปได้อย่างไร

เหวินเส่าอี๋อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแล้ว จะถูกเขาฆ่าตายเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว

กู้ชูหน่วนมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมากมายนัก แล้วยังสามารถส่งสัญญาณสั่งการหมู่อสูร ปล่อยนางให้หนีไปแล้วคิดที่จะฆ่านางอีกเกรงว่ายังจะต้องใช้วรยุทธ์อีกมากมาย

เมื่อคิดเช่นนี้ไป๋หลี่ป้าก็ปล่อยมือข้างหนึ่งออก เสียงใยแมงมุมชิ่วเสียงหนึ่งกวาดเป็นแนวนอนออกไป