แก่นเพลิงวิญญาณ

ลาวาเดือดพล่านรุนแรงอยู่ในภูเขาไฟ

ขณะที่อุณหภูมิน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เกิดรอยร้าวในมิติเนื่องจากอุณหภูมิสูง

มู่เฉินมองทะเลลาวาไร้ที่สิ้นสุด ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง ลาวาทั่วไปไม่มีทางน่ากลัวขนาดนี้แน่นอน

“บ่อเพลิงข่ายฟ้านี้เชื่อมโยงกับแหล่งคลื่นหลิงเพลิงที่อยู่ลึกลงไป ดังนั้นจึงมีคลื่นหลิงปริมาณมหาศาลรวมตัวอยู่ในลาวา อุณหภูมิสูงเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยการเผาผลาญคลื่นหลิงน่ะ”

มู่เฉินตระหนักได้ถึงคำพูดมั่นถัวหลัว จากนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ที่แท้ลาวาก็กำลังแผดเผาคลื่นหลิงมหาศาลนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีอุณหภูมิสูงจนน่ากลัวเช่นนี้

“เจ้าคงไม่ได้ไห้ข้าฝึกในลาวานี่ใช่ไหม?” มู่เฉินเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างฉับพลัน มุมปากก็กระตุกพลางเอ่ย

มั่นถัวหลัวยกยิ้มหวานพยักหน้าให้ ทำเอามู่เฉินหนาวนะเยือกไปทั้งหัวใจ ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสองที่มีตอนนี้ หากเขาเข้าไปในลาวาคงต้องทรมานไม่น้อยแน่

“ลาวาที่นี่หลอมรวมกับคลื่นหลิง ซึ่งส่งผลในการชำระเส้นสาย ตราบใดที่เจ้าสามารถชำระลาวาได้ การดูดซับคลื่นหลิงของเจ้าก็จะเร็วขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับการฝึกด้านนอก” มั่นถัวหลัวชี้ไปที่นักรบกงเวทสวรรค์บนแท่นหินรอบๆ “เห็นพวกเขาไหม? แต่ละคนอดทนฝึกฝนภายใต้ความเจ็บปวดของการถูกเผาทุกวัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกองทัพอาณาเขตสวรรค์”

มู่เฉินกวาดสายตาไปรอบๆ แม้หลายคนจะมีใบหน้าแดงซ่านจากอุณหภูมิสูงและเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด แต่ก็ไม่มีใครสักคนยอมแพ้ พวกเขานั่งนิ่งเงียบราวกับก้อนหิน

ในดวงตาพวกเขา มู่เฉินไม่เห็นแววยอมแพ้สักริ้วเลย

หากปราศจากความสามารถและความอุตสาหะคง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับเลือกกลายเป็นหนึ่งในหน่วยรบลึกลับของอาณาเขตกงเวทสวรรค์

มู่เฉินถอนหายใจพลางพยักหน้า หากหน่วยรบทรงพลังเช่นนั้นเข้าร่วมสงครามสำนักระหว่างแดนร้อยสงคราม พวกเขาจะต้องอยู่ยงคงกระพันแน่นอน แต่เห็นชัดว่าแดนร้อยสงครามยังไม่มีคุณสมบัติพอที่หน่วยรบกงเวทสวรรค์จะเคลื่อนทัพได้ เนื่องจากนี่เป็นหนึ่งในไพ่ตายของอาณาเขตกงเวทสวรรค์

“เวลาปกติหน่วยรบกงเวทสวรรค์จะเพาะบ่มพลังบนแท่นหินที่นี่ มีเพียงคนที่มีฝืมือเยี่ยมยอดเท่านั้นถึงสามารถเข้าไปในบ่อเพลิงข่ายฟ้าเพื่อล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณได้” หนึ่งในสี่แม่ทัพกงเวทสวรรค์เอ่ยขึ้น จากนั้นมู่เฉินก็ต้องมองไปอย่างประหลาดใจ เพราะคนที่พูดขึ้นเป็นสตรี

หญิงสาวคนนี้สวมชุดดำรูปร่างระหงเย้ายวนตา รูปลักษณ์งดงามนัก แต่ใบหน้าปกคุลมด้วยชั้นน้ำแข็ง นางไม่เหมือนกับถังปิงตรงที่ถังปิงเย็นนอกแต่ร้อนใน แต่หญิงสาวผู้นี้เย็นเยือกทั้งนอกในเลยทีเดียว…

“นางเป็นแม่ทัพอันดับสามของหน่วยรบกงเวทสวรรค์—ปิงซิน” มั่นถัวหลัวยิ้มบาง

มู่เฉินประสานมือให้แม่ทัพหญิงผู้เย็นชา ด้วยพลังของนางสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการในเขตต้าหลัวเทียนได้เลย แต่นางกลับเต็มใจอยู่ในหน่วยรบกงเวทสวรรค์ ยอมรับตำแหน่งแม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้น…

“อสรพิษเพลิงวิญญาณ? คืออะไรหรือ?” มู่เฉินได้ยินคำไม่คุ้นหูจากในคำพูดของปิงซิน จึงรีบถามทันที

พอได้ยินคำถามของเขา ปิงซินก็มองมู่เฉินด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนจะมองมั่นถัวหลัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้านางก็เอ่ยตอบ “อสรพิษเพลิงวิญญาณเป็นสัตว์พิเศษในบ่อเพลิงข่ายฟ้า แต่พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆ หรอก… พวกมันเป็นสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวของคลื่นหลิงและลาวา จึงไม่มีสติปัญญาใดๆ”

ปิงซินยื่นมือขาวออกจากแขนเสื้อแล้วดีดนิ้ว ลำแสงคลื่นหลิงยิงออกไปในลาวา

ปัง!

คลื่นใหญ่ยกตัวขึ้นจากลาวาขณะที่อสรพิษลาวาขนาดราวร้อยจั้งปรากฏขึ้น ช่างมองดูดุร้ายอย่างยิ่ง ลาวาหยดแหมะจากร่างอสรพิษ ม่านตาเต็มไปด้วยการทำลายล้างและเกรี้ยวกราด

อสรพิษกวาดหางเสาลาวาพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า ก่อนจะกวาดใส่มาที่กลุ่มมู่เฉิน

ปิงซินสะบัดมือ คลื่นหลิงกวาดตัวออกตรงเข้าทำลายเสาลาวา พลังซัดลงมาอย่างต่อเนื่องก่อนจะพันรอบตัวอสรพิษดึงตัวมันแยกออกจากผิวลาวา

อสรพิษถูกลากมายังเบื้องหน้าไม่ไกลจากมู่เฉิน เมื่อปิงซินกำมือ มันก็ระเบิดตัว ลาวากระจายไปในทุกทิศทาง จากนั้นแสงสีแดงก็ลอยออกมาตรงหน้าปิงซิน

ราวกับมีลาวาไหลวนอยู่ภายในแสงสีแดง แต่มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากมัน

“นี่คือแก่นเพลิงวิญญาณ” ปิงซินจับก้อนแสงสีแดงพลางเอ่ยเบาๆ “มันมีประโยชน์ใหญ่หลวงต่อการเพาะบ่ม แต่ระหว่างการดูดซับเข้าไปก็สร้างความเจ็บปวดไม่น้อย”

“ให้เจ้ายืมไปลอง” ปิงซินพลิกนิ้วส่งแก่นเพลิงวิญญาณไปให้ มู่เฉินรับไว้แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโยนเข้าไปในปาก

ทันทีที่แก่นเพลิงวิญญาณเข้าไปในปากก็ไหลลงมาราวกับลาวา ทำให้ใบหน้ามู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขารู้สึกราวกับว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้ฟุ้งออกมาเมื่อลาวาไหลไปตามเส้นสายของเขา…

มู่เฉินรีบหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มคลื่นหลิงเพลิงบริสุทธิ์ไว้ จากนั้นก็เร้าวิชามหาเจดีย์ชำระคลื่นลาวาลงไป

การชำระกินเวลาสิบนาทีก่อนที่มู่เฉินจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นพ่นควันขาวออกจากปาก ทันทีที่ควันขาวสัมผัสกับอากาศก็เผาไหม้เลยทีเดียว

“แก่นเพลิงวิญญาณนี่มหัศจรรย์จริงๆ” ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายวิบวับด้วยความประหลาดใจแกมยินดี หลังจากชำระแก่นเพลิงวิญญาณ เขารู้สึกว่าคลื่นหลิงในร่างเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อดูดซับแก่นเพลิงวิญญาณเข้าไปเส้นสายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นตาม

ถ้าสามารถใช้สิ่งนี้ในการฝึกพร้อมของเหลวจื้อจุน ผลจะต้องเท่ากับการเดินทางพันลี้ในหนึ่งวัน

“แน่นอนว่ามันมหัศจรรย์ อสรพิษเพลิงวิญญาณรับมือได้ยาก ตัวเมื่อกี้อายุประมาณแค่ร้อยปี แต่พลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม มีไม่กี่คนในหน่วยรบกงเวทสวรรค์ที่มีคุณสมบัติพอจะล่าพวกมัน” ปิงซินเอ่ยเสียงเรียบ

มู่เฉินแอบเดาะลิ้นเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว ไม่คิดเลยว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณที่ปิงซินจัดการลงอย่างง่ายดายจะมีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม

“เจ้าเป็นหนี้แก่นเพลิงวิญญาณข้าหนึ่งชิ้น” ปิงซินถลึงตามองมู่เฉินเอ่ยเสียงจริงจัง “ข้าบอกแล้วแค่ให้ยืมลอง”

มู่เฉินอึ้งไป จากนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจึงได้แต่พยักหน้า เขาไม่คิดว่าแม่ทัพเย็นชาคนนี้จะพูดขวานผ่าซากได้ขนาดนี้

“ในเมื่อท่านประมุขพาเจ้ามาฝึกที่นี่ ก็น่าจะให้เจ้าเข้าล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณในบ่อเพลิงข่ายฟ้า แต่ในหน่วยรบกงเวทสวรรค์มีเพียงนักรบที่มีขุมพลังเหนือกว่าระดับจื้อจุนขั้นสามเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ลงไปได้ ส่วนคนที่เหลือต้องฝึกรออยู่ที่นี่เท่านั้น ขุมพลังของเจ้าอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นสอง… นับว่ายังขาดอยู่เล็กน้อย”

ปิงซินมองมู่เฉินชี้ไปรอบด้าน คำพูดของนางไม่มีความสุภาพใดๆ “ถ้าเจ้าตั้งใจจะฝึกที่นี่ ข้าแนะนำว่าลองฝึกบนแท่นหินก่อน การล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะทำได้ในตอนนี้”

สายตาจำนวนมากจากนักรบกงเวทสวรรค์พุ่งตรงมาจากแท่นหินรอบด้านพร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยวิบวับในดวงตา พวกเขารู้ดีเกี่ยวกับนิสัยของปิงซิน ชายหนุ่มที่ประมุขพามาคงจะถูกนางสั่งสอนอย่างไม่เกรงใจแน่…

“ต่อให้ข้าเป็นประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่ข้าได้ส่งมอบหน้าที่สั่งการบ่อเพลิงข่ายฟ้าให้กับพวกเขาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ข้าก็ทำอะไรไม่ได้” มั่นถัวหลัวยืนอยู่ข้างๆ ส่งยิ้มบาง

จากท่าทางที่ปรากฏ ชัดว่านางอยากให้มู่เฉินคว้าสิทธิ์ในการฝึกที่นี่ด้วยความสามารถของตัวเอง

มู่เฉินเดินหน้าชนจนจมูกเปื้อนฝุ่น เมื่อตกเป็นเป้าสายตาของปิงซิน เขายิ้มอย่างจนใจ จากนั้นเมื่อมองลงไปในทะเลลาวาก็หรี่ตาลง

วาบ!

ร่างเขาพุ่งลงไปทันทีพลางตบฝ่ามือไปข้างหน้า ลำแสงแหวกผ่านลาวาเกิดเป็นลอนคลื่น ท่ามกลางเสียงคำรามก้อง อสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีพลังไม่ด้อยกว่าตัวแรกก็พุ่งออกมาปะทะกับมู่เฉินบนท้องฟ้า

บนแท่นหินรอบด้านสายตาตกตะลึงจำนวนมากจ้องมองภาพนี้ แต่ละคนรู้สึกตกใจกับการที่มู่เฉินเป็นฝ่ายยั่วยุอสรพิษเพลิงวิญญาณดุร้ายก่อน

“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ปิงซินมุ่นคิ้ว นางมองว่ามู่เฉินกระทำเกินความสามารถของตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง

มั่นถัวหลัวกอดอกยกยิ้มบางเมื่อมองภาพนี้

ตู้ม!

ภายใต้สายตาจำนวนมาก แสงสีทองเปล่งปลั่งก็ระเบิดออกจากร่างของมู่เฉิน ร่างทองคำก่อตัวขึ้นเบื้องหลังเขา ก่อนจะซัดฝ่ามือออกไปเต็มแรง

ทันใดนั้นพายุลมน่าตกใจก็กวาดออก

ปัง!

ฝ่ามือทองคำคว้าร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณไว้ในทันที จากนั้นก็บีบอย่างแรงจนเกิดเสียงสนั่นหวั่นไหว อสรพิษเพลิงวิญญาณระเบิดออกกลายเป็นลาวา

สายตาของนักรบกงเวทสวรรค์ที่จับตาดูอยู่ก็เปลี่ยนไปขณะมองมู่เฉินด้วยความตกตะลึง ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสองจะมีความสามารถในการต่อสู้น่าตกใจขนาดนี้?

ฝ่ามือทองคำยกขึ้น ก้อนแสงสีแดงก็ลอยขึ้นมา

มู่เฉินยืนอยู่ตรงหัวของร่างเทพสุริยะพลางกวักมือเรียก แก่นเพลิงวิญญาณลอยเข้ามาในมือ เขาเงยหน้ามองปิงซินที่เย็นชาที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็พลิกนิ้วส่งแก่นเพลิงวิญญาณไปให้นาง

“แม่ทัพปิงซินนี่คืนให้เจ้า”

มู่เฉินยืนอยู่บนหัวร่างเทพสุริยะ เผยเสน่ห์ชวนใจสั่นบนใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แสงลาวาสีแดงสด

“ทีนี้ข้ามีคุณสมบัติพอที่จะฝึกในบ่อเพลิงข่ายฟ้าหรือยัง?”

 

**เดินหน้าชนจนจมูกเปื้อนฝุ่น หมายความประมาณว่าโดนขวางทาง