บทที่ 1055 แกร่งเกินไปแล้ว / บทที่ 1056 นี่มันอาหารหมามาแบบไม่มีเค้าลาง!

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1055 แกร่งเกินไปแล้ว

“งั้น สหพันธ์วิทยายุทธ์ก็เป็นเวอร์ชันที่สูงกว่าสมาคมผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั่วไป รวบรวมยอดฝีมือระดับท็อปในโลกลับพวกนั้น?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม

มู่สุยเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณเข้าใจแบบนั้นก็ไม่ผิด”

“คุณมู่ คุณเป็นคนของสหพันธ์วิทยายุทธ์เหรอคะ” เยี่ยหวันหวั่นถามโดยไม่รู้ตัว

ไม่งั้นคุณมู่จะรู้เรื่องที่คนธรรมดาไม่รู้เลยพวกนี้ดีได้ยังไง

มู่สุยเฟิงถอนหายใจเอ่ย “สหพันธ์วิทยายุทธ์มีหลายสาขาทั่วโลก หลายปีก่อนฉันเคยรับผิดชอบสหพันธ์วิทยายุทธ์สาขาที่ฮ่องกง ต่อมาสาขาแยกตัว ฉันเลยออกมา”

“อย่างนี้นี่เอง…” สายตาที่เยี่ยหวันหวั่นมองมู่สุยเฟิงเหมือนแฝงความโศกเศร้า เธออดถามไม่ได้ “ทำไมถึงแยกตัวล่ะคะ เป็นเพราะว่า…เกิดเรื่องเหรอ”

มู่สุยเฟิงรำพึงตอบ “เรื่องนี้ ตอนนั้นเรื่องเกิดขึ้นกะทันหันมาก สำนักงานใหญ่ไม่แพร่งพรายข่าวใดๆ ออกมา ฉันเป็นแค่ผู้จัดการสาขา เลยไม่รู้เหตุการณ์ละเอียดนัก ก็รู้มาไม่มากเหมือนกัน หลังจากไป ฉันก็เริ่มทำธุรกิจแล้ว”

เยี่ยหวันหวั่นส่ายหน้า “อย่างนี้…”

มู่สุยเฟิงได้สติจากการรำลึกความหลัง เอ่ยขอโทษว่า “ขอโทษทีคุณหนูเยี่ย ไม่ทันระวังเลยเราเรื่องส่วนตัวให้คุณฟังเยอะขนาดนี้”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่หรอกค่ะ ฉันสนใจเรื่องพวกนี้มาก! ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสถานที่อย่างนี้ด้วย!”

ยอดฝีมือเดินเกลื่อนอะไรนั่น แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วจริงๆ …

มู่สุยเฟิงจับจ้องเยี่ยหวันหวั่นอยู่เนิ่นนาน เห็นหญิงสาวมีท่าทีไร้เดียงสา สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดในหัว…

มู่สุยเฟิงเอ่ย “ถ้าคนหนูเยี่ยสนใจละก็ ไว้ครั้งหน้ามีเวลามาทานข้าวด้วยกัน ค่อยๆ พูดคุย มีเรื่องไหนอยากรู้ ผมตอบให้คุณได้”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ตกลงค่ะ! ขอบคุณคุณมู่มากๆ นะคะ!”

มู่สุยเฟิงเอ่ย “คุณหนูเยี่ยเกรงใจไปแล้ว!”

หลังอำลากับมู่สุยเฟิงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็พาบอดี้การ์ดห้าคนกลับคฤหาสน์กุหลาบ

เพราะเวลานี้ซือเยี่ยหานยังไม่กลับมา เยี่ยหวันหวั่นจึงขึ้นชั้นบนไปหาถังถังก่อน

ที่ชั้นล่าง บอดี้การ์ดห้าคนกำลังรอซือเยี่ยหานกับสวี่อี้กลับมาเพื่อรายงานภารกิจ

หลังเยี่ยหวันหวั่นจากไป ทั้งห้าคนก็คุยกันอย่างตื่นเต้นไม่หาย

“ตัดสินคนที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ ด้วย คุณหนูเยี่ยแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!”

“ผู้หญิงคนเดียวกลับเก่งขนาดนั้นได้ ชักคิดแล้วว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง!”

“ความจริงเมื่อก่อนฉันเคยได้ยินพวกบอดี้การ์ดลับพูดถึงคุณหนูเยี่ยมาก่อน พูดว่าคุณหนูเยี่ยเคยสอนหัวหน้าสืออีกับรองหัวหน้าเฟิง เป็นอาจารย์ของพวกเขา ตอนนั้นฉันไม่เชื่อสักนิด! คิดว่านี่ไม่เหลวไหลไปเหรอ! ที่แท้เรื่องพวกนี้ก็เป็นความจริง!”

“พวกนายว่า คุณหนูเยี่ยกับคุณหนูฉิน ใครเก่งกว่ากัน?”

ทั้งห้าคนกำลังสนทนากันอย่างตื่นเต้น จึงไม่สังเกตเห็นว่าที่ด้านหลังซือเยี่ยหานกับสวี่อี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

สวี่อี้ได้ยินบทสนทนาของคนพวกนี้ ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลนิดหน่อย

บอดี้การ์ดพวกนี้บอกว่า ‘คุณหนูเยี่ยเแกร่งเกินไปแล้ว’ มันหมายความว่ายังไง

คุณหนูหวันหวั่นคงไม่ได้ลงมือหรอกนะ?

เขาจำได้ว่าคุณชายห้ามคุณหนูหวันหวั่นลงมือต่อสู้นี่นา…

สวี่อี้ยังไม่ทันคิดมากมาย ก็ได้ยินบอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นเอ่ยอย่างเปี่ยมอารมณ์ “เชี่ย! ยังต้องพูดอีกเหรอ แม้แต่ยามาโมโตะเจ้าขยะนั่นยังถูกคุณหนูหวันหวั่นพวกเราทรมานเลยนะ!”

สวี่อี้หน้าเปลี่ยนสี ตอนที่คิดจะห้าม ก็ไม่ทันเสียแล้ว…

บอดี้การ์ดคนหนึ่งเอ่ยอย่างเคร่งเครียด “แล้วก็ยังซุนเสวี่ยเจินคนนั้นอีก ถึงกับกล้ายั่วยุคุณหนูเยี่ยของพวกเรา ผลยังกลายเป็นว่าถูกคุณหนูพวกเราสั่งสอนเลยไม่ใช่เหรอ!”

ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ

—————————————————————————————————

บทที่ 1056 นี่มันอาหารหมามาแบบไม่มีเค้าลาง!

สวี่อี้ “…”

เขาควรจะรู้นานแล้ว…

สถานที่อย่างนั้น หากจะให้คุณหนูหวันหวั่นไม่ลงมือ จะเป็นไปได้ยังไง

สวี่อี้กำลังจะส่งเสียงห้ามปรามบอดี้การ์ดห้าคนพูดต่อ แต่ซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้างกลับยกมือห้ามเขาไว้

สวี่อี้จำต้องถอยไปที่อีกด้านเงียบๆ ทั้งสองยืนอยู่หลังพุ่มกุหลาบ บอดี้การ์ดทั้งห้าคนจึงไม่สังเกตเห็นพวกเขา

ได้ยินแค่ว่าบอดี้การ์ดห้าคนยังคงพูดคุยกันอย่างเมามัน…

“แต่ จะว่าไปก็เหมือนจะแปลกๆ นะ!”

“แปลกตรงไหน”

“ก็ไม่แปลกเหรอ ตอนแรกคุณหนูหวันหวั่นไม่คิดจะต่อสู้สักนิดเดียวนะ! ตอนแรกคนพวกนั้นให้เธอขึ้นสังเวียน คุณหนูเยี่ยก็ปฏิเสธ ครั้งที่สอง คนพวกนั้นเรียกร้องให้เธอขึ้นสังเวียนไปแข่งอีก คุณหนูเยี่ยต้องเคารพกฎเลยขึ้นไป แต่เธอก็ไม่ตั้งใจจะสู้สักนิด หลังขึ้นสังเวียนก็สละสิทธิ์”

“เป็นอย่างนั้นจริง!” บอดี้การ์ดอีกคนพยักหน้าเสริม “ต่อให้จากนั้นตอนหลังจบงานชุมนุมประลองแล้วยามาโมโตะนั่นก็เข้ามาป่วนงาน คุณหนูเยี่ยก็ไม่ได้คิดจะต่อสู้ เตรียมพาพวกเรากลับทันที!”

“แต่ก็ไม่แปลกนี่นา เจ้าขยะอย่างนั้น อยู่คนละชั้นกับคุณหนูเยี่ยโดยสิ้นเชิง คุณหนูเยี่ยจะหยิ่งไม่ต่อสู้ก็ธรรมดา แถมตอนนั้นงานชุมนุมประลองก็จบแล้ว นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของตระกูลซุน คุณหนูเยี่ยก็ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้”

“งั้น…ทำไมจู่ๆ คุณหนูเยี่ยก็ลงมือล่ะ” บอดี้การ์ดอีกคนถาม

ได้ยินถึงตรงนี้ สวี่อี้ก็พอจะรู้ลำดับเรื่องราวแล้ว

ดูเหมือนว่า ตอนแรกคุณหนูหวันหวั่นไม่ได้ตั้งใจจะต่อสู้จริงๆ?

ซือเยี่ยหานหน้าเรียบนิ่ง ยังคงยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลฟังบทสนทนาของบอดี้การ์ดห้าคนอย่างใบหน้าไร้อารมณ์

บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นเอ่ยปาก “เหตุผลที่คุณหนูเยี่ยลงมือ ก็เพราะยามาโมโตะนั่นไปยั่วยุดูถูกเธอนั่นแหละ!”

หัวหน้าบอดี้การ์ดนึกชั่วครู่ก่อนเอ่ยพูด “อันที่จริงรู้สึกได้ว่าคุณหนูเยี่ยไม่อยากลงมือจริงๆ ถึงถูกฝ่ายตรงข้ามด่าว่าขยะ พูดว่าจะฆ่าเธอ แต่สีหน้าเธอไม่เปลี่ยนไปเลย… จนกระทั่ง…”

พูดถึงตรงนี้ สี่ที่เหลือก็นึกออกแล้ว จึงพูดพร้อมกัน “จนกระทั่งยามาโมโตะพูดประโยคนั้น พูดว่าเธอเป็นคนรักของคนขี้โรค…”

“ถูกต้องๆ! พอพวกนายพูด ฉันก็นึกออกแล้ว ตอนนั้นฉันอยู่ใกล้คุณหนูเยี่ยที่สุด สีหน้าของคุณหนูเยี่ยเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น! หน้านั้นน่ากลัวเชียวละ พอเห็นนี่ฉันขนลุกเลย!”

“เฮ้อ แต่ก็ไม่แปลก ผู้หญิงนี่นา ต้องถือสาเรื่องนี้อยู่แล้ว ไปบอกว่าเธอเป็นคนรักต้องไม่เป็นพอใจแน่นอน! คุณหนูเยี่ยก็ไม่ง่ายเหมือนกัน!”

“เอ่อ ทำไมฉันรู้สึกว่าไม่ใช่นะ จุดสำคัญไม่ถูกนะ! ก่อนหน้านี้ก็มีคนที่ปากพล่อยพูด ก็ไม่เห็นคุณหนูเยี่ยถือสานะ ใจเย็นมากตลอด ทำไมพอฟังของยามาโมโตะแล้วระเบิดล่ะ”

ขณะที่พวกบอดี้การ์ดพูดคุยกัน เยี่ยหวันหวั่นก็เดินลงมาจากชั้นบน

“คุณหนูเยี่ย!” ทั้งห้าคนเอ่ยทักพร้อมกัน

เห็นห้าคนยังอยู่ เยี่ยหวันหวั่นก็ถามเรื่อยเปื่อย “ผู้นำตระกูลพวกนายยังไม่กลับมาอีกเหรอ”

“ใช่ครับ” หนึ่งในนั้นเอ่ยตอบ จากนั้นก็ถามหยั่งเชิง “คือว่า…คุณหนูเยี่ยครับ ขอถามคำถามคุณหนึ่งคำถามได้หรือเปล่า”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “คำถามอะไร ถามสิ”

หัวหน้าบอดี้การ์ดเอ่ย “งานชุมนุมประลองครั้งนี้ คุณเหมือนไม่ตั้งใจจะลงมือตั้งแต่ต้นจนจบงาน แต่สุดท้าย แล้วทำไม…จู่ๆ ก็ลงมือล่ะครับ…แถมยังอัดยามาโมโตะจนสภาพโหดแบบนั้น”

“เพราะยามาโมโตะดูถูกคุณ ดูถูกศิลปะการต่อสู้ของประเทศเราเหรอครับ” บอดี้การ์ดน้อยหนึ่งในนั้นถามตาเป็นประกาย

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ เอ่ยด้วยท่าทางก็ต้องแหงอยู่แล้ว “เหลวไหล! ก็อัดเพราะเจ้านั่นนั่นแหละ ใครใช้ให้เจ้านั่นด่าคุณเก้าฉันว่าคนขี้โรคกันล่ะ!”

พวกบอดี้การ์ดในที่นั้นพูดไม่ออก

……………………………….