บทที่ 1993+1994

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1993 ข้าจะทำให้ข้อครหานี้เป็นจริงแล้ว! 2

ในที่สุดมันก็ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว “ผายลม! พวกเจ้าล้วนผายลมกันทั้งหมด! เจ้านายของบ้านข้าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในโลกนี้ งดงามกว่าสตรีทั้งหมดของพวกเจ้าที่อยู่รวมกันที่นี่นับร้อยเท่า! นางหาคนออกเรือนด้วยไม่ได้งั้นรึ? จะบอกความจริงกับพวกเจ้านะ คนที่ต้องการสู่ขอนางน่ะต่อแถวยาวเหยียดไปไกลแปดร้อยลี้แล้ว! ถ่างนัยน์ตาอันมืดบอดเสียเถอะ! เจ้านาย ปลดหน้ากากของท่านออกสิ ให้พวกเขาได้ยลโฉมหน้าที่แท้จริงของท่าน ตาสุนัขอันมืดบอดของพวกเขาจะได้มีแววเสียที…”

เมื่อเจ้าหอยยักษ์กล่าวประโยคนี้ออกมาฝูงชนย่อมไม่เชื่อ ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันที

แน่นอนว่าในที่นี้ก็มีเสียงคัดค้านอยู่เล็กน้อยเช่นกัน อย่างเช่นซือชิงที่ติดตามมาด้วยในครั้งนี้ อารมณ์ของเขาค่อนข้างซับซ้อนยิ่งนัก เดิมทีเขามีความรู้สึกที่ดียิ่งนักต่อเริ่นจ้งเซิง ถึงขั้นที่มีวี่แววของความรักอยู่รางๆ แต่จู่ๆ เริ่นจ้งเซิงผู้นี้กลับกลายเป็นคนลึกลับหน้ากากผี…

นี่ทำให้ในใจเขารับไม่ได้อยู่บ้าง ดังนั้นจึงซุ่มอยู่ในฝูงคนมองกู้ซีจิ่วอย่างทึ่มทื่อใจลอย บัดนี้พอได้ยินคนที่ห้อมล้อมอยู่ด่าทออย่างแสลงหู เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแย้งเสียงอ่อย “นางไม่อัปลักษณ์จริงๆ นะ อย่างน้อยตอนนางเป็นแม่นางน้อยเริ่นจ้งเซิงก็งดงามยิ่งนัก…”

ถ้อยคำโต้แย้งอันเบาบางประโยคนี้ของเขาย่อมถูกผู้คนรอบข้างหัวเราะหยัน “เจ้าก็พูดแล้วนี่ นั่นคือรูปโฉมจำแลงของนาง รูปลักษณ์ภายนอกที่จำแลงเอาเช่นนี้ใช้เป็นหลักฐานได้หรือ? ทุกคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน วิชาจำแลงลักษณ์ระดับสูงคิดจะเปลี่ยนให้งดงามมากเพียงใดก็ได้ทั้งนั้น ดังนั้นจึงยืนยันอะไรไม่ได้ ถ้านางมีความกล้าพอเช่นนั้นก็ควรเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาให้ทุกคนได้ยลหน่อยมิใช่หรือ?”

“ใช่ ใช่! อวิ๋นหลงเจินจวินแตกฉานในวิชาจำแลงลักษณ์ที่สุด และมองวิชาปลอมแปลงจำแลงโฉมของผู้อื่นได้ทะลุปรุโปร่งเป็นที่สุด นางกล้าเผยโฉมออกมาให้อวิ๋นหลงเจินจวินพิสูจน์ความจริงหรือไม่เล่า?”

‘ก๊อก! ก๊อก!’ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นสองครั้ง ทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนเงียบลงทั้งหมด

เสียงเคาะนั้นฟังดูไม่สูงนั้น ทว่าคล้ายจะทำให้แก้วหูของทุกคนสั่นสะเทือนได้ หัวใจของทุกคนพลันสั่นไหว ในที่สุดก็หยุดถกเถียงกันแล้วมองไปยังจุดกำเนิดเสียง

เห็นเพียงกู้ซีจิ่วที่ยืนพิงเจ้าหอยยักษ์อย่างเฉื่อยชา กำลังใช้ข้อนิ้วเคาะเปลือกหอยของเจ้าหอยยักษ์จนเกิดเสียง

“สรุปแล้วพวกเจ้ามาซุบซิบนินทาของรูปโฉมของผู้ทรงศักดิ์อย่างข้า หรือเกรงว่าผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าจะมาเล็มหญ้าอ่อนต้นน้อยกันแน่ ถกเถียงเรื่องเหล่านี้ไม่เบื่อกันบ้างหรือ?”

ฝูงชนเงียบงัน

กู้ซีจิ่วกอดอกอีกครั้ง “พูดจาไร้สาระกันมามากแล้ว พวกเจ้าตั้งค่ายกลใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น ย่อมมิใช่เพียงด่าประณามข้าก็จบเรื่องเป็นแน่ สรุปแล้วคิดจะทำอย่างไร พูดมาตามตรง! อย่าได้กล่าวไปถึงเรื่องพวกนั้น!”

ตอนนี้ไอพลังของเธอแผ่ออกมาเต็มที่แล้ว แข็งแกร่งกว่าไอพลังของบุคคลระดับปรมาจารย์สิบคนนี้เสียอีก ชัดเจนยิ่งนัก เธอไม่มีความอดทนแล้ว!

คนที่อยู่ภายใต้วงล้อมของบุคคลระดับปรมาจารย์สิบคนแล้วยังเชิดหน้าทระนงได้เช่นนี้ มีกู้ซีจิ่วเป็นเพียงหนึ่งเดียวแน่นอน

เหล่าศิษย์อยู่ด้านล่างเดือดดาลยิ่งนัก และค่อนข้างเลื่อมใสนางอยู่รางๆ…

ปรมาจารย์ทั้งสิบท่านได้กางแหล้อมกรอบด้วยตัวเอง ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซียนอดีตแม่ทัพผู้นั้นอยู่ที่นี่ เกรงว่าก็ไม่กล้ามุทะลุวู่วามเช่นกัน จักรพรรดิเซียนยังคงนับถือปรมาจารย์สิบท่านนี้ยิ่งนัก ไม่กล้ายุแหย่หาเรื่อง

ยามนี้กู้ซีจิ่วอยู่ภายใต้การปิดล้อมทุกช่องทางเช่นนี้แล้ว ยังทำตัว ‘โอหัง’ ได้เช่นนี้ ก็ไม่มีใครอื่นแล้ว

ถึงแม้ปรมาจารย์ทั้งสิบท่านจะถูกอำนาจของนางทำให้ตกตะลึง แต่ในเมื่อครั้งพวกเขาเตรียมการมาแล้ว ย่อมไม่กริ่งเกรงนาง รีบยื่นเงื่อนไขของตนออกมาทันที

เงื่อนไขของพวกเขาโหดร้ายและป่าเถื่อนยิ่งนัก พวกเขาต้องการให้กู้ซีจิ่วเอ่ยปากสาบานว่าจะไม่ไปเจอเสินเนี่ยนโม่อีก ไม่ตอแยเสินเนี่ยนโม่อีก ดีที่สุดคือไม่พบหน้ากันอีกตราบสิ้นชีพ มิเช่นนั้นพวกเขาจะจับกุมเธอ กักขังเอาไว้ ขังไปหลายร้อยปี ตราบจนเสินเนี่ยนโม่เติบใหญ่อย่างแท้จริง ฝึกฝนจนบรรลุขั้นซ่างเซียนหรือซ่างเสินแล้วถึงจะปล่อยไป…

————————————————————————-

บทที่ 1994 ข้าจะทำให้ข้อครหานี้เป็นจริงแล้ว 3

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม

ในชีวิตเธอเกลียดการถูกคนข่มขู่เป็นที่สุด! ยามที่ฝีมือยังไม่นับว่ากล้าแกร่ง เธอก็ยังไม่เคยยอมโดนผู้อื่นข่มขู่เลย นับประสาอะไรกับตัวเธอในตอนนี้เล่า?

เธอกระตุกยิ้มแวบหนึ่ง “นั่นเป็นไปไม่ได้! ข้ายังคิดจะให้เขามาเป็นสามีสุดที่รักของข้าอยู่นะ แล้วชีวิตนี้จะไม่พบหน้ากันอีกได้อย่างไร เงื่อนไขนี้ของพวกเจ้าข้าไม่ตกลง!”

เท่ากับว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปรมาจารย์ทั้งสิบท่านย่อมไม่เกรงใจเธออีกต่อไป เฟิงชิงซ่างเหรินพลันโบกมือ ทั้งสิบคนกระจายกันออกไป ล้อมกู้ซีจิ่วไว้ใจกลางวง

ฉากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่เปิดฉากขึ้นแล้ว

ถึงอย่างไรอวี่หังเจินเหรินก็เคยได้รับผลประโยชน์อันดีจากกู้ซีจิ่วอยู่บ้าง ก่อนจะเริ่มต่อสู้กัน จึงเอ่ยเตือนด้วยความหวังดีอยู่ไม่กี่ประโยค “ข้าเห็นว่าท่านก็หาใช่คนทรามต่ำช้า ซ้ำยังเคยช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น ช่วยเหลือศิษย์น้อยเอาไว้ แล้วเหตุใดจึงลุ่มหลงงมงายเช่นนี้เล่า? อย่าได้ยึดติดกับเนี่ยนโม่เลย เชื่อคำของข้าเถิด…”

วาจาท่อนหลังของเขาไม่ได้กล่าวต่อแล้ว เนื่องจากกู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ คราหนึ่งเอ่ยขัดเขา “หวา ถ้าท่านไม่พูดข้าก็คงลืมไปแล้ว ข้ามีเมตตาอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก ทว่ากลับเป็นการช่วยเหลือหมาป่าตาขาวตัวหนึ่งไว้ ในใจอึดอัดนัก…”

เมื่อกล่าวว่าอึดอัดนักสามคำนี้จบ ก็เคลื่อนย้ายร่างลงไปทันที!

ชั่วระยะที่ทุกคนกะพริบตา เธอก็พุ่งไปถึงข้างกายของชิงหลัวแล้ว…

ชิงหลัวมองไม่เห็นเงาร่างของเธอเลย เพียงรู้สึกว่าจู่ๆ พลันมีสายลมกรรโชกปะทะใบหน้า ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ปลายนิ้วพลันเจ็บแปลบขึ้นมาแล้ว ราวกับถูกอะไรกัดเข้า!

นางหวีดร้องคราหนึ่ง ชักมือกลับมาทันที เห็นว่าปลายนิ้วตนมีรอยเขี้ยวเล็กๆ อยู่สองซี่ มีหยาดโลหิตสีชมพูจางๆ ไหลซึมออกมา

งูดอกท้อ! นางถูกงูดอกท้อฉกอีกแล้ว!

นางรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนักไปทั้งร่าง หยาดเหงื่อเย็นเฉียบไหลออกมาในชั่วพริบตา ร่างกายพลันอ่อนยวบ เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น กรีดร้องไม่หยุด…

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปแล้ว!

ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าคนลึกลับหน้ากากผีผู้นี้จะสามารถฝ่าวงล้อมของสิบปรมาจารย์ พุ่งออกมาทำร้ายคน!

ยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของทุกคนกลับคืนมาอีกครั้ง ทุกอย่างก็จบลงแล้ว

ความจริงแล้วสิบปรมาจารย์ระแวดระวังว่าเธอจะหลบหนีไปทางอากาศอยู่ตลอด ถึงอย่างไรยามที่ผู้บำเพ็ญเซียนจะหลบหนีก็เคยชินกับการเหินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า กลับคาดไม่ถึงว่านางจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายลงไปด้านล่าง! ซ้ำนางยังลงมือด้วย…

อวี่หังเจินเหรินพุ่งทะยานลงมา ตรวจดูอาการบาดเจ็บของชิงหลัวก่อน หลังจากเห็นชัดเจนแล้วก็โกรธนัก มองกู้ซีจิ่วอย่างแค้นเคือง “เจ้าทำอะไร?!”

กู้ซีจิ่วดีดเล็บคราหนึ่ง “นางถูกพิษงูก็เป็นข้าที่แก้พิษให้นาง ข้าสำนึกเสียใจ ดังนั้นจึงทำให้นางโดนพิษอีกครั้งหนึ่ง อืม เช่นนี้บุญคุณความแค้นระหว่างข้ากับนางก็หักล้างกันไปแล้ว ถ้านางทำตัวเนรคุณอีก ข้าก็จะไม่รู้สึกคับข้องใจ”

อวี่หังเจินเหรินพูดไม่ออก!

ฝูงชนต่างตกตะลึง

ในยามนี้เอง เงาแสงสีแดงสายหนึ่งพลับส่องวาบ พุ่งมาปรากฏเบื้องหน้าของกู้ซีจิ่ว พวงหางทั้งเก้าโบกสะบัดเป็นองศาที่งดงามทรงเสน่ห์อยู่ในอากาศ นัยน์ตาคู่โตแวววาวฉ่ำน้ำ เรียกความเอ็นดูจากผู้คนได้ เป็นลู่อู๋นั่นเอง

“เรียนเจ้านาย ข้าค้นหาจนทั่วแล้ว เสินเนี่ยนโม่ไม่อยู่ในหุบเขา”

ที่แท้ตอนที่กู้ซีจิ่วเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็ได้ส่งลู่อู๋ออกไปค้นหาตัวคนแล้ว เธอสนทนาไร้สาระกับคนพวกนี้อยู่ที่นี่มากมายขนาดนี้ ก็เพื่อรอข่าวจากลู่อู๋

ในที่สุดก็ได้รับข่าวที่รอคอยแล้ว เสินเนี่ยนโม่ไม่อยู่ เที่ยวนี้เธอมาอย่างเสียเปล่าแล้ว ซ้ำยังถูกคนเหล่าวิพากษ์วิจารณ์ปานตำหนิลูกหลานอยู่นานถึงเพียงนี้…

เธอรู้สึกว่าอารมณ์ชักจะไม่โสภาขึ้นมาจริงๆ แล้ว!

แพขนตาเธอหลุบลงเล็กน้อย กระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ กระบี่สีน้ำเงินปานน้ำแข็ง แผ่ไอเยียบเย็นน่าครั่นคราม “ผู้เฒ่ากะโหลกกะลาทั้งสิบเอ๋ย พวกเจ้าลงมือได้เลย! วันนี้ผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าสั่งสอนพวกเจ้าเองว่าต้องวางตัวอย่างไร…”

ท่าทางเช่นนี้ของกู้ซีจิ่ว ย่อมกระตุ้นความขุ่นเคืองของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ ศึกใหญ่อันดุเดือดในที่สุดก็เปิดฉากขึ้นแล้ว!

————————————-