อลิสและเจนนี่ได้พ่ายแพ้ลงไปทั้งคู่ พวกเธอมองไปที่ด้านหลังของลิเลียน่า และรู้สึกราวกับว่า พวกเธอมองเห็นการเยาะเย้ยของเธอจากด้านหลัง ความดื้อรั้น, ความโกรธ, ความอับอาย และความอัปยศ พวกเธอทั้งสองคนล้วนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการเป็นอันดับที่ 1 แต่ก็ไม่มีใครสักคนหรอกที่ชอบความพ่ายแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการพ่ายแพ้ในเรื่องสเน่ห์ของพวกเธอ พวกเธอไม่สามารถยอมรับในเรื่องนี้ได้!

อลิสตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘ครั้งต่อไป! ครั้งต่อไปฉันจะเตรียมตัวให้ดีขึ้นมากกว่านี้!’

เจนนี่เต็มไปด้วยความเสียใจ แต่เมื่อเธอได้เห็นการแสดงออกอย่างมีความสุขของเย่ฉาง ในขณะที่เขาชื่นชมลิเลียน่า เธอก็ได้แต่กัดปากตัวเองด้วยความชอกช้ำ ‘ครั้งหน้า! ฉันจะต้องทำให้นายปรบมือให้กับฉันให้ได้อย่างแน่นอน! แต่โอกาสในครั้งนี้ก็หมดสิ้นไปซะแล้ว เฮ้อ…’

ครอสมาร์เดินออกไปจากโต๊ะ เขาวางแผนที่จะเข้าไปสำรวจความผิดปกติเสื้อผ้าของลิเลียน่า แต่เมื่อเขารู้สึกหนาวไปทั่วทั้งหลัง เขาจึงรีบนั่งลงและรีบแสดงออกเป็นคนชอบธรรม และเข้มงวดออกมา

ทุกคนเฝ้าดูขณะที่ลิเลียน่าลุกขึ้นยืน ยอดเขาขนาดมหึมาของเธอก็ดูราวกับว่า ยอดเขามหึมาทั้งสองลูกนี้สามารถกระโดดออกมาจากเสื้อผ้าของเธอได้ตลอดเวลา แต่พวกเขาต้องหยุดความคิดลงไว้ตรงนี้ก่อนที่มันจะเตลิดไปไกล เธอยิ้มออกมา “อันที่จริงแล้ว ภายใต้เสื้อผ้าเหล่านี้ ฉันไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในเลย…”

เธอเอามือจับไปที่สะโพก และเชิดคางของเธอขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ในขณะที่ได้รับการสวมมงกุฎโดยเย่ฉาง “ผู้เป็นที่รักเทพธิดาของพวกเราได้เกิดขึ้นมาแล้ว! ลิเลียน่า ฉันมองเธอไม่ผิดจริงๆ…”

“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคำแนะนำของท่านประธาน” ลิเลียน่าโค้งคำนับ ดวงตาของทุกคนถูกตรึงไว้ที่คอเสื้อของเธอ ในขณะที่เธอก้มลง

“เหนื่อยหน่อยนะ กลับไปพักผ่อนเถอะ” เย่ฉางพูดออกมา เมื่อลิเลียน่าได้รับเกียรติยศอันงดงามเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินส่ายก้นของเธออย่างอึกทึกกลับไปที่สมาคมเทพธิดา เหล่าผู้ชายทุกคนมองดูด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจและเสียใจ

อลิสขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่แผ่นหลังของลิเลียน่า ฝ่ายตรงข้ามช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง เธอเดินกลับไปที่ร้านบ้านน้ำชาเพื่อดำเนินธุรกิจต่อ

เจนนี่เดินกลับบ้านด้วยความไม่เต็มใจ

“เป็นผู้หญิงที่หาได้ยากอย่างแท้จริง” ครอสมาร์พึมพำ แล้วรู้สึกราวกับว่าเป้าของเขาถูกยึดกุมไว้ เขามองไปที่รอยยิ้มของไอกิ และหลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมาทันที

“ไม่เลวเลยทีเดียวท่านประธาน ในอนาคตคุณควรจัดอีเว้นท์เช่นนี้อีกนะ เพื่อส่งเสริมความตระหนักในตนเองและสุขภาพร่างกาย ชายชราคนนี้ขอตัวกลับไปปลูกต้นไม้ก่อนก็แล้วกัน” มาคาร์โระเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ FrozenCloud และคนอื่นๆหน้าแดงด้วยความอับอาย ‘ตาแก่เอ๊ย…’

ต้องขอบคุณอีเว้นท์ครั้งนี้ ทำให้ร้านบ้านน้ำชาเทพธิดา, สมาคมเทพธิดา และร้านค้าโดยรอบกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น เมืองแบล็กร็อค และเมืองไวท์สโตนได้เริ่มมีท็อป 10 เทพธิดาที่มีความนิยมสูงสุด โปสเตอร์ขนาดใหญ่ของลิเลียน่าถูกติดเอาไว้อยู่ด้านนอกของสมาคมเทพธิดา ท่าทางที่ล่อลวงและการแสดงออกอันสุขสันต์ของเธอทำให้ผู้เล่นหลายคนพากันล็อกออฟออกจากระบบไป ในเวลานี้ เธอกลายเป็น 1 ใน 2 สาวงามที่ยิ่งใหญ่ของเอลฟ์ไปแล้ว

เย่ฉาง, CloudDragon, LordAsked, NalanPureSoul และ ThornyRose กำลังอยู่ในระหว่างการประชุมที่ชั้นสองของสมาคมเทพธิดา ในฐานะผู้ถือหุ้นของสมาคมเทพธิดา พวกเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นั่น

“สนามรบในวันพรุ่งนี้ พวกนายควรนำคนของพวกนายมาเข้าร่วมด้วย เพราะคนของฝ่ายเราด้อยกว่าพวกนายเล็กน้อย” ThornyRose รู้ว่าพวกเขาได้ข้ามแบล็กพีค และแม้แต่ไปทางใต้ของเมืองท่าเรือฟาร์ซารี

CloudDragon ก็คิดเช่นเดียวกัน ครั้งสุดท้ายเขา และ NalanPureSoul ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการสู้รบต่อต้านชนเผ่าเอลฟ์ มันเป็นชัยชนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามการต่อสู้กับอาณาจักรเหล็กที่มีผู้เล่นอันดับหนึ่งอย่าง Flame Emperor ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ไม่ควรยั่วยุ เพียงแค่อาศัย LordAsked และกิลด์ขยะบางกิลด์ และ Flame Dragon Union ผู้ทรยศที่อยู่ในเมืองแบล็กร็อคก็ยังคงไม่เพียงพอ! พวกเขาต้องการผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลอีกหลายคน มาเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย

ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ Flame Emperor CloudDragon ได้รับรู้ถึงทักษะการต่อสู้และศักยภาพของเย่ฉางแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าไม่ด้อยกว่าตัวเขาเองเลยทีเดียว สนามรบใดก็ตามที่มีเย่ฉางอยู่ แรงกดดันในสนามรบจะลดลงเป็นอย่างมาก สิ่งนี้รวมไปถึงกลุ่มคนทั้งหมดของสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งออร่าของ HeavenShakingMight ที่สามารถพลิกกระแสของสงครามได้อย่างสมบูรณ์

เย่ฉางตอบตกลงที่จะเข้าร่วม หลังจากนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าไปพูดถึงเรื่องการก่อสร้าง และเรื่องอื่นๆกับเย่เทียน สุดท้ายคนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ ThornyRose

“อีกครึ่งเดือนก็จะถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว โควต้าของการแข่งขันสงครามวันคริสต์มาสอันยิ่งใหญ่จะขึ้นอยู่กับการแข่งขันครั้งต่อไป นายเตรียมตัวหรือยัง?” ThornyRose ค่อยๆลุกขึ้น

“อะไรคือรอบรองชนะเลิศ?” เย่ฉางมองออกไปอย่างสับสน

หลินหลี่เกาหัวของตัวเอง “ผมคิดว่าชื่อนี่มันดูคุ้นเคย แต่ก็นึกไม่ออก”

“ลีกสโมสรไง” จางเจิ้งเฉียงเอ่ยเตือน

ThornyRose กำลังจะบ้าเต็มที ในเดือนที่ผ่านมา นอกเหนือจากการจัดการกับสิ่งต่างๆภายในเกมแล้ว เธอก็ทุ่มเทความพยายามของเธอทั้งหมดไปกับการเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในลีกเสมอ! ‘ไอสารเลวนี่ลืมจริงๆงั้นหรอ!? เขาลืมมันจริงๆ!!?’

เย่ฉางเห็นว่าเธอกำลังจะเข้าสู่โหมด ‘บ้าคลั่งที่ไม่สามารถแม้แต่จะหยุดได้ แม้จะใช้ยาก็ตาม’ เขาจึงลูบคางและพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ฉันแค่ล้อเธอเล่นหรอกหน่า เราเตรียมตัวกันมานานมากแล้ว”

ThornyRose จากไปด้วยความไม่เชื่อ

“ไป ไป ไป ถึงเวลากินข้าวกันแล้ว ฉันโครตจะหิวเลย” เย่ฉางพูดพร้อมกับล็อกออฟออกจากระบบไป

เมื่อเย่ฉางเห็นว่าอูนา และ FrozenCloud ยังไม่ได้เริ่มต้นทำอาหาร เขาจึงแนะนำให้ไปหาอะไรกินที่ตลาดกลางคืนกัน กลุ่มของเย่ฉางมาถึงตลาดกลางคืน เมื่อเถ้าแก่หวังเห็นเย่ฉางจากระยะไกล เขาจึงเริ่มทำอาหาร ปัจจุบันกลุ่มของเย่ฉางเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ทุกๆย่างก้าวที่พวกเขาเดินไป จะมีนักเรียนสองสามคนกรีดร้องขึ้นมา และเข้าไปขอลายเซ็น

เมื่อพวกเขาได้รับอาหารไปกินที่บ้านกันเสร็จเรียบร้อย เย่ฉางก็เห็นฟางถงฟื้นฟูตัวเองจนเกือบจะหายดีแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปลูบหัวของเธอ และมองไปที่ฟางชิ “นายได้จัดเตรียมโรงเรียนไว้ให้เธอรึเปล่า?”

ฟางชิยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ เขาต้องเข้าไปประชุมระหว่าง 10 บทบัญญัติ และเข้าไปเล่นเกม เขาจะเอาช่วงเวลาไหนไปจัดการเรื่องเหล่านี้ได้กันเล่า? ฟางชิส่ายหัว

“ไม่เป็นไร ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับอาจารย์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” เย่ฉางพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ อูนาได้แต่เอามือก่ายหน้าผาก เขาอาจจะไปข่มขู่อาจารย์อีกครั้งสินะ

“อาจารย์เย่คะ การแสดงคอนเสิร์ตจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าแล้ว เรามีนัดลองชุดและซ้อมการแสดงในวันเสาร์ นานะ, น้องเล็กไดโน พวกเธอทั้งสองควรเตรียมตัวเอาไว้ด้วย” ซูหยี่ยี่กำลังยุ่งอยู่กับการจัดแสดงครั้งนี้ แต่ด้วยการแนะนำของเย่ฉาง ทำให้เธอคุ้นเคยกับลุงฟรอสเลอร์ และลุงแพนตี้มากกว่าเดิม ในสองสามวันนี้เธอได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น

เย่ฉางมองดูวันเวลา ตอนนี้ยังคงมีเวลาเหลืออยู่อีก 8 วัน เขาพยักหน้าและกินเต้าหู้มาโฝ (เต้าหู้ผัดเสฉวน) ทันใดนั้น เขาก็ได้รับความเห็นแจ้งของพระเจ้าอีกครั้ง เขามองไปที่ทุกคน และพูดออกมา “ฉันได้คิดค้นสูตรใหม่แล้ว! มันคือเต้าหู้! เจลสไลม์ และเต้าหู้ผัดเนื้อ ฉันจะทดสอบกับส่วนผสมอื่นๆก่อน ฉันน่าจะสามารถทำสูตรเต้าหู้แบบเฉพาะของฉันได้ พวกนายไม่ตื่นเต้นกันเลยงั้นหรือ~~?”

เมื่อเห็นความตื่นเต้นของเย่ฉาง หนังหัวของพวกเขาก็รู้สึกเหน็บชาและสั่นสะท้าน พวกเขาแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไร และพูดต่อด้วยบทสนทนาอื่น ฟางถงซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ เธอดูค่อนข้างคาดหวังกับเย่ฉาง “พี่ใหญ่ขาว เมื่อไหร่ที่หนูจะสามารถกินอาหารของ…”

ก่อนที่ฟางถงจะพูดจบ เธอก็ถูกปิดปากด้วยมือของฟางชิ

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาเลย ครั้งหน้าที่เราไปทะเล ฉันจะพาเธอไปด้วย ฉันจะทำปลาย่างสูตรลับของฉันให้เธอกินเอง…” เย่ฉางปัดมือของฟางชิออกไปอย่างไม่มีความสุข จากนั้นเขาก็ลูบหัวของฟางถง และแสดงรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้าให้กับเธอ

แม้ว่าบรรยากาศจะดูจริงจัง แต่ฟางถงก็ยังพยักหน้าของเธอย่างรุนแรง เธอยิ้มออกมาราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ และตะโกนออกมา “เย้!”

เย่เทียนมองไปที่ฟางถง และถอนหายใจออกมา ‘สติปัญญาของเธอคนนี้จะต้องมีบาดแผลอย่างแน่นอน’ เธอเอื้อมมือจับตะเกียบไปคีบขาไก่ขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวของเธอ เสียงที่คุ้นเคย และน่ารำคาญได้ดังขึ้นข้างๆเธอ “เย่เทียน นี่เป็นของฉัน ในฐานะที่เธอเป็นน้องสาว เธอควรจะมอบชิ้นที่ใหญ่กว่าให้กับพี่ชายของเธอสิ เฮ้อ! เพราะเธอไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจัง เธอจึงไม่รู้เรื่องของขงหยงและลูกแพร์สินะ…” (เป็นเรื่องราวของขงหยงที่หยิบลูกแพร์ลูกที่เล็กกว่า และปล่อยลูกแพร์ลูกใหญ่ให้กับพี่ใหญ่ของเขา)

เย่เทียนสั่นไปทั่วทั้งตัว ‘ไอบัดซบหลินหลี่!’ เธอเห็นเย่ฉางชำเลืองมองดูเธอ และไต่ถามออกมาอย่างรวดเร็ว “เย่เทียน เกิดอะไรขึ้น…?”

“ไม่มีอะไรค่ะพ่อ หลินหลี่กำลังบอกหนูเกี่ยวกับเรื่องราวของขงหยงและลูกแพร์” เย่เทียนตอบกลับไปอย่างสงบ