ตอนที่ 619 นายน้อยหายตัวไปแล้ว / ตอนที่ 620 คนที่ลักพาตัวคุณชายน้อยไปคือผู้ครองวังหลวง

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 619 นายน้อยหายตัวไปแล้ว

 

 

ซั่งเซียงชี้ไปที่เปลไกวอย่างสั่นๆ พลางเอ่ยด้วยเสียงติดอ่างว่า “นะ…นายน้อย…หายไปแล้ว…ซั่งเหมย…นายน้อยหายตัวไป ข้า…ตอนข้าเข้ามาก็ไม่เห็นนายน้อยแล้ว…ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดีเล่า”

 

 

ซั่งเซียงแม้จะโตกว่า ในบรรดาสองคนนางเองก็สุขุมกว่า เฉาเต๋อหลุนก็ยืนรออยู่ด้านนอก หากในห้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาต้องเป็นคนแรกที่รู้ เมื่อเขารู้ก็เท่ากับนายท่านรู้แล้ว เมื่อนายท่านรู้แล้ว อย่างนั้นชีวิตของพวกนางก็นับว่าจบสิ้นเสียตรงนี้แล้ว

 

 

หากแต่เรื่องใหญ่เพียงนี้ ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด เมื่อก้าวออกธรณีประตูไป จะดีหรือชั่วก็ต้องรายงานขึ้นไป นายท่านเมื่อยามโกรธพวกเขาล้วนเคยพบเจอทั้งสิ้น เพียงถลึงตาใส่ก็ทำให้คนแยกวิญญาณออกเป็นสองร่างได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่หายไปเป็นบุตรแท้ๆ ของตน นี่หากลงโทษมา แค่ตายไหนเลยจะสาสม

 

 

“เจ้าอย่าเพิ่งตะโกน” ซั่งเหมยลากซั่งเซียงยืนขึ้น “รีบปลุกนายหญิงให้ตื่นเร็วเข้า พวกเราจะมีชีวิตต่อไปไหมต้องพึ่งนางแล้ว รีบไป!”

 

 

ซั่งเซียงเอาสาบเสื้อมาเช็ดหน้า ดั่งเดินอยู่ในอากาศ ซวนเซเดินไปยังหน้าที่นอน ในตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เขย่าเฉินยางเบาๆ เสียงเรียกมีแววสะอื้นปนอยู่หลายส่วน “นายหญิง นายหญิงตื่นเถิด นายหญิง…”

 

 

เฉินยางหลับรอบนี้ทั้งลึกทั้งสนิท จากเมื่อคืนจนถึงตอนนี้มิได้ฝันเรื่องอันใดเลย ปกติยามนางตื่นแม้จะไม่เช้ามาก แต่ก็ไม่เคยสายจนถึงขั้นตอนนี้ก็ยังไม่ตื่น วันนี้ช่างนอนหลับเพียงพอเต็มอิ่มเสียจริง เมื่อถูกซั่งเซียงเรียกให้ตื่นจึงค่อยๆ ลืมตา บิดขี้เกียจอย่างสบายตัว ทั้งกายนั้นเปล่งความสบายเต็มที่

 

 

ซั่งเซียงเมื่อเห็นนางตื่นแล้ว รีบลุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง ซั่งเหมยตะโกนออกไปว่า “นายหญิง” แล้วก็คุกเข่าลง สองคนโขกศีรษะกับพื้นไม่หยุด ไม่ได้ออมแรงสักนิด โขกจนดังก้อง ฟังแล้วปวดใจยิ่งนัก

 

 

เฉินยางดึงมือนางคนละข้างขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นเล่า ร้องทำไมกัน นี่คือไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องใดอย่าร้องอีกเลย พูดกับข้ามาเถิด เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

ไหนเลยจะกล้าพูด มิกล้าบอกนาง หากแต่ไม่บอกก็ไม่ได้ ปิดบังได้อย่างไรเล่า ซั่งเซียงพบเจอก่อนจึงบังคับริมฝีปากขยับ พูดอย่างแผ่วเบา อ้ำอึ้งอยู่นาน คิดสิ ถึงแม้ว่าพวกนางไม่พูด นายหญิงตื่นแล้วหาไปดูที่เตียงก็ยังต้องรู้ มิสู้รับเสียตอนนี้ ยังจะสามารถทิ้งชื่อเสียงดีๆ เรื่องการชิงสารภาพก่อนไว้ได้

 

 

ซั่งเซียงรวบรวมความกล้า เมื่อกะพริบตายังมีน้ำตาหยดมาสองหยด เม้มปากเอ่ย “นายหญิง หากผู้น้อยพูดแล้ว ท่านอย่าตกใจนะเจ้าคะ ท่าน…ท่านห้ามร้อนรนนะเจ้าคะ ได้หรือไม่”

 

 

ดูสีหน้าเข้าเถิด สถานการณ์แบบนี้พอได้ยินน้ำเสียงนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร เสี่ยวจินอวี๋อยู่ข้างกายนางตลอดนางไม่กังวล ทั้งสองคนร้องไห้หนักถึงเพียงนี้ แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ นางยิ่งไม่อยากให้ตนกังวล ตนยิ่งกังวล ในใจนั้นเต้นเสียงตึกๆๆ อยู่ในลำคอ เกรงว่าหากปีนมาสู่ยอดทรวงแล้วจะกลืนกินนางเสียจนสิ้น

 

 

“นายหญิง…ผู้น้อย…ผู้น้อยเมื่อครู่เข้ามาปรนนิบัติท่านตื่นนอน เมื่อเข้ามาก็สงสัยนักว่าวันนี้ทำไมนายน้อยเลี้ยงง่ายเชื่อฟังยิ่งนัก ไม่ร้องโยเยแม้แต่น้อย ผู้น้อยเลยเหลือบมองที่เปลไหว แต่ว่า…ไม่ดูไม่เท่าไร พอดูแล้ว ผู้น้อยถึงได้พบว่า…นายน้อย…หายตัวไปแล้ว”

 

 

เกิดเสียงในหัวเฉินยางดังสนั่นเหมือนบางสิ่งระเบิด ถ้อยคำก่อนหน้านางฟังไม่เข้าหูแม้สักกระผีก ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้ายว่า “นายน้อยหายตัวไปแล้ว”

 

 

หายตัวไป? อยู่ดีๆ จะหายไปได้อย่างไรกัน เมื่อคืนตนยังกล่อมนอนอยู่เลย เหตุใดวันนี้พอตื่นขึ้นมาก็หายไปเสียแล้ว นางไม่เชื่อ ผลุนผลันลงจากเตียง ปรี่ไปที่เตียงของเสี่ยวจินอวี๋ ว่างเปล่า หายไปอย่างไร้ร่องรอยจริงๆ

 

 

 

 

ตอนที่ 620 คนที่ลักพาตัวคุณชายน้อยไปคือผู้ครองวังหลวง

 

 

สามีออกสนามรบ จนถึงตอนนี้แม้แต่จดหมายสักฉบับก็ไม่มีมา เป็นหรือตายก็ไม่อาจทราบได้ ลูกชายตนก็นอนอยู่ต่อหน้าต่อตา พอนอนตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเสียแล้ว กระดูกสันหลังนางประคองไม่อยู่ พอได้ยินข่าวนี้ก็หงายหลังล้มไปทันที ฝืนสู้มิให้เป็นลมจนสิ้นไปเสีย

 

 

พอตื่นมาอีกครั้ง ซั่งเหมยซั่งเซียงคุกเข่าข้างกายนางร่ำไห้จนกลายเป็นมนุษย์น้ำตา เฉาเต๋อหลุนดึงหน้าเยาะเย้ยให้พวกนางหุบปากเสีย ในห้องถูกล้อมด้วยกลุ่มคนจำนวนหนึ่งจนแน่นขนัด นางลืมตาขึ้น มองเห็นเพียงแสงรำไร ใบหน้าผู้คนตรงหน้านี้นางมองไม่ชัดแม้แต่คนเดียว

 

 

แม่นมที่รับใช้ดูแลเสี่ยวจินอวี๋เห็นนางตื่นแล้วจึงล้อมตัวนางอย่างดีใจ “ขอบคุณฟ้าดิน นายหญิง ท่านตื่นเสียที” ทั้งยังนำผ้ามาเช็ดดวงตานาง เช็ดสะอาดดีแล้ว นางถึงได้เห็นหน้าตากลุ่มคนในห้องชัดเจน ที่แท้นางก็ถูกน้ำตาบดบังทัศนวิสัยไปเสียหมด เมื่อเช็ดแห้งดีแล้วนางก็ตื่นขึ้นมาจากฝันแล้ว

 

 

นางกึ่งเอนกึ่งพิงอยู่บนกองหมอน คนเมื่อถูกถอดวิญญาณไปแล้ว สีหน้าจึงขาวซีด พูดจาก็มีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง “เสี่ยวจินอวี๋…หายไปจริงๆ หรือ”

 

 

เฉาเต๋อหลุนกุมมือแน่นคุกเข่าลง “ผู้น้อยส่งคนออกไปตามหาแล้ว เชื่อว่า…ต้องทราบผลอย่างเร็วที่สุดแน่นอน”

 

 

“เร็วที่สุด เร็วแค่ไหน” นางน้ำตาคลอเบ้า น้ำตาเม็ดโตไหลเป็นสาย ไหลอาบแก้มมารวมกันที่ปลายคางไม่หยุด ไม่นานก็ทำให้ผ้านวมเปียกไปทั้งผืน เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ เมื่อวานนางตื่นมาหลายครา เหน็บชายผ้าห่มให้เขา ทั้งยังมาดูว่าเขาฉี่รดที่นอนหรือไม่ ดูอย่างนี้หลายครั้ง เหตุใดพอบอกว่าไม่เจอก็ไม่เจอเสียแล้ว

 

 

เฉาเต๋อหลุนฝืนยิ้มพูดต่อไปว่า “เช้านี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาในห้องนอนของท่านเลย ผู้น้อยคาดเดาว่านายน้อยคงจะโดนลักพาตัวไปเมื่อคืน ตอนผู้น้อยเข้ามาตรวจสอบกลอนประตูด้านบนมีร่องรอยของการถูกมีดงัดแงะ ขอถามพระชายา เมื่อคืนมีอะไรผิดสังเกตหรือมีอะไรผิดปกติหรือไม่”

 

 

“ผิดปกติหรือ” นางเคาะศีรษะย้อนนึก เมื่อคืนก็เหมือนทุกคืน นางไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเลย หากจะต้องบอกว่ามีอะไรผิดปกติละก็ อยู่ดีๆ นางก็คิดขึ้นมาได้ กระนั้นก็ยังพูดอย่างไม่แน่ใจไปว่า “ข้า…ข้าเมื่อคืนหลังจากมองเสี่ยวจินอวี๋หลับแล้ว เหมือนว่าจะเห็นเงาคนขยับไปมาตรงหน้าเตียง แต่ตอนนั้นข้าง่วงเหลือเกิน ข้าเองก็แยกไม่ออกว่านั่นคือความฝันหรือไม่ หลังจากนั้นก็นอนหลับไป พอตื่นมาก็…ก็กลายเป็นอย่างนี้แล้ว”

 

 

เฉาเต๋อหลุนขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เกรงว่าจะไม่ใช่ความฝัน เมื่อคืนที่ท่านเห็นน่าจะเป็นคนที่มาลักพาตัวนายน้อยไป พวกนั้นคงจุดธูปในห้องให้ท่านหลับ ดังนั้นนายหญิงถึงได้หลับลึกนัก” เขายังถลึงตาใส่ซั่งเหมยซั่งเซียงอีก “นางสองคนเมื่อวานก็คงถูกคนวางยาเช่นกัน เลยนอนหลับเหมือนตายทีเดียว”

 

 

ซั่งเหมยซั่งเซียงเมื่อฟังคำพูดหลายคำจบก็ได้แต่ตอบว่าเจ้าค่ะ “บรรดาคนรับใช้ล้วนตื่นนอนตอนยามอิ๋น [1] หลายปีมานี้ก็ไม่เคยมีวันใดนอนจนลืมตื่นเหมือนวันนี้เลย หากตอนนี้มาคิดดูก็นับว่ามีจุดที่ผิดปกติจริง คงถูกคนวางยาเป็นแน่!”

 

 

เฉาเต๋อหลุนก่อนหน้าทำงานที่กรมราชทัณฑ์ วิธีการสืบคดีล้วนมีเอกลักษณ์ ในเมืองหลวงนี้คนที่อาจหาญกล้าทำผิดต่อเฝิงเยี่ยไป๋ลักพาตัวนายน้อยไปเช่นนี้ นอกเสียจากท่านนั้นในวังแล้ว ไม่ต้องให้เขาคิดเลย ฮ่องเต้น้อยอยากให้หลังบ้านของเฝิงเยี่ยไป๋ไฟไหม้ จึงบีบกระดูกอ่อนเขาไว้อย่างนั้นเพื่อจะได้ควบคุมเขา ในเมื่อคนถูกลักพาตัวแล้ว ก็คงไม่ง่ายที่จะปล่อยกลับมา หากเฝิงเยี่ยไป๋สามารถกลับมาจากสนามรบได้ อย่างนั้นนายน้อยอาจมีทางรอดชีวิต หากกลับมาไม่ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงนายน้อย พวกเขาเหล่านี้รวมถึงเว่ยเฉินยางก็คงจบสิ้นไปด้วย

 

 

ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋ไม่อยู่เมืองหลวง แม้แต่ข่าวคราวยังไม่มี พวกเขาอยู่ในเมืองไร้ซึ่งที่พึ่ง ยากนักหากจะขยับตัวไปทางใด

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยามอิ๋น ช่วงเวลาตั้งแต่ 03.00-04.59 น.