ตอนที่ 556 ไม่ต้องเอาใจใส่ข้า / ตอนที่ 557 เผชิญอันตรายในป่า

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 556 ไม่ต้องเอาใจใส่ข้า

 

 

“คนอื่นเอาใจใส่เจ้าใช่หรือไม่ เจ้าจึงเอาใจใส่คนอื่น แล้วข้าล่ะ?” จงโม่เจียงถามทีเล่นทีจริง

 

 

ซูจิ่วซือตอบอย่างจริงจัง “สิ่งที่เจ้าต้องการข้าให้ไม่ได้ เจ้าไม่ต้องเอาใจใส่ข้า”

 

 

“เจ้าพูดตรงๆ อย่างนี้เชียว โกหกบ้างไม่ได้หรือ”

 

 

“ขออภัย ข้าโกหกไม่เป็น”

 

 

จงโม่เจียงยอมซูจิ่วซือจริงๆ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชาติก่อนเป็นใคร จึงทำให้เขาหลงกลนางมาตลอด

 

 

ซูจิ่วซือเด็ดเดี่ยวปานนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรนางคงไม่สะเทือนใจ ถ้าเขาฉลาดสักหน่อย ควรจะหลีกห่างนางให้ไกลๆ

 

 

แต่เขาก็ยังเข้าใกล้นาง ยินดีทำทุกอย่างให้นาง ไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่ใช่ไม่หวัง แต่รู้ดีว่าไม่มีวันได้สิ่งที่เขาต้องการ

 

 

มีแต่คนโง่จึงจะทำอย่างนี้ไม่ใช่หรือ?

 

 

โง่ก็โง่เถอะ! ในเมื่อลงเรือแล้ว อยู่ในเรือทรมานใจ กระโดดลงน้ำก็ทรมานใจ ถ้างั้นก็อยู่เฉยๆ

 

 

“เจ้าพักผ่อนเถอะ! พรุ่งนี้ข้าส่งคนไปสืบข่าว ถ้ารู้แน่ชัดว่าฮูหยินมู่กับฮูหยินน้อยกลับไปแล้วค่อยหาโอกาสพาเจ้าไป มีข้าทั้งคน เจ้าต้องหนีได้ เราต้องหาทางไปเขาเป่าหลิงให้เร็วที่สุด อย่าให้เสียเวลา”

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า ขณะที่จงโม่เจียงหันตัวไป จู่ๆ ซูจิ่วซือก็พูดขึ้น “ขอบใจ จงโม่เจียง”

 

 

“เจ้าไม่โกรธข้าก็ดีแล้ว จิ่วซือ เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เจ้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ข้าชอบ ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย”

 

 

จงโม่เจียงยิ้มหน้าเป็นให้ซูจิ่วซือ แล้วหายลับไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

 

 

อาหลานมองตามหลังจงโม่เจียง แล้วเดินเข้าไปปิดหน้าต่างอย่างเงียบๆ นางเข้าใจแล้ว จงโม่เจียงรักคุณหนูของนาง

 

 

คนวงการนักเลงรักคุณหนูตระกูลใหญ่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ทั้งๆ ที่เป็นคนในโลกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเจ้าสำนักวิหคเขียว

 

 

“คุณหนู เจ้าสำนักจง…”

 

 

“เขาเป็นเพื่อนข้า”

 

 

อาหลานไม่ได้ถามอีก นี่ไม่ใช่เพื่อน แม้เขาไม่ยอมเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่มีทางเลือก

 

 

คืนนี้ ซูจิ่วซือหลับสนิท คงเป็นเพราะมั่นใจแล้ว นางคลายความวิตกลงไปมาก

 

 

รุ่งขึ้น หลังจากรู้แน่ชัดว่าฮูหยินมู่กับหลิ่วเหวินฉือกลับจวนตระกูลมู่แล้ว ซูจิ่วซือก็โล่งอก

 

 

คนของฟู่จิ่งพานางขึ้นรถม้า เตรียมส่งนางไปเทียนเฉิง

 

 

ฟู่จิ่งใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ คนที่ส่งไปเป็นทหารองครักษ์ที่ผ่านการฝึกอย่างดี ทั้งหมดสามสิบกว่าคน และให้ซูจิ่วซือปลอมตัวเป็นหญิงแก่ ไปตามเส้นทางเล็ก ไม่เป็นที่สนใจ

 

 

จงโม่เจียงพาคนติดตามไปตลอดทางอย่างลับๆ เขาไม่ได้ลงมือชิงตัวซูจิ่วซือทันที พอไปถึงเมืองจางโจวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาเป่าหลิง จงโม่เจียงกับคนตระกูลมู่ก็ร่วมมือกันจัดการ

 

 

ตลอดทางจงโม่เจียงได้ติดต่อกับมู่เจี๋ยอย่างลับๆ บอกให้มู่เจี๋ยรู้ร่องรอยของซูจิ่วซือ เขากลัวว่าคนที่เขาพาไปยังไม่พอ เพราะคนที่ฟู่จิ่งส่งมาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือระดับสูง เพื่อไม่ให้เกิดความพลาด จึงต้องร่วมมือกับมู่เจี๋ย พอได้เวลาก็ให้คนของมู่เจี๋ยรับผิดชอบระวังหลัง

 

 

อาหลานพาซูจิ่วซือหนีไปก่อน ขณะเดินไปมีแขนขาดกระเด็นมาข้างหน้าซูจิ่วซือ อาหลานกลัวว่าซูจิ่วซือจะกลัว ยังไม่ทันพูดปลอบโยน ซูจิ่วซือกลับเป็นคนพูดเตือน “อาหลาน รีบไปกันเถอะ อย่าถ่วงเวลาคนอื่น”

 

 

อาหลานตะลึง นางไม่จำเป็นต้องวิตกเลย ซูจิ่วซือสงบมาตลอด ไม่ได้มองแขนที่ขาดแม้แต่แวบเดียว

 

 

อาหลานพาซูจิ่วซือขี่ม้าออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองขี่ม้าเป็น ม้าดำทะยานไปตามเส้นทางเล็กคดเคี้ยว จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีใครไล่ตาม ซูจิ่วซือกับอาหลานจึงลงจากม้า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 557 เผชิญอันตรายในป่า

 

 

อาหลานผูกม้าไว้กับต้นไม้ ซูจิ่วซือนั่งบนพื้น แหงนหน้ามองท้องฟ้า ฟ้ามืดแล้ว อาหลานนั่งลงข้างๆ ถามขึ้น “คุณหนู เหนื่อยหรือไม่?”

 

 

ซูจิ่วซือสั่นหัว “ข้าไม่เหนื่อย เจ้าคอยดูรอบๆ ดูว่าพวกจงโม่เจียงมาหรือยัง”

 

 

“ได้ คุณหนูวางใจ ด้วยวรยุทธของเจ้าสำนักจง คงหนีออกมาได้ไม่ยาก” อาหลานพูดจบก็ลุกขึ้นมองไปรอบๆ สีหน้าเคร่งเครียด นางหูไวเป็นพิเศษ พอมีอะไรเคลื่อนไหว ก็รู้ทันที

 

 

ขี่ม้ามานาน ซูจิ่วซือเหนื่อยจริงๆ มือนางถูกมัดจนแดง นางเอามือถูกัน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเลื้อยผ่านซากใบไม้

 

 

นางผงกหัวขึ้นมอง เห็นที่พื้นมีงูดำกำลังแลบลิ้นมองนางอยู่ นางไม่รู้ว่าเป็นงูอะไร และไม่เคยเห็นงูอย่างนี้มาก่อน ไม่กล้าส่งเสียงออกมา เกรงว่าจะทำให้งูตกใจ

 

 

ซูจิ่วซือไม่ตกใจ นางขยับตัวช้าๆ เพื่อออกห่างจากงู พอขยับไปได้ไม่ไกล มีกิ่งไม้ขว้างเข้ามาทันที ปักที่หัวของงู งูแน่นิ่งทันที

 

 

อาหลานหันตัวมา ถามอย่างเป็นห่วง “คุณหนู ไม่เป็นไรใช่ไหม!”

 

 

“ข้าไม่เป็นไร”

 

 

“ข้าอยู่ข้างๆ คุณหนูดีกว่า! งูดำเมื่อกี้เป็นงูพิษร้ายแรง ถ้าถูกกัด จะตายภายในครึ่งชั่วยาม

 

 

ยังดีที่คุณหนูสงบ ไม่ทำให้งูตกใจ ถ้าร้องออกมามันจะตกใจ ข้าคงช่วยคุณหนูไม่ทัน”

 

 

ยังดีที่นางเห็นงูตัวนั้นพอดี ไม่เช่นนั้นซูจิ่วซือคงตกอยู่ในอันตราย ความกล้าหาญของซูจิ่วซือ นางนับถือมาตลอด ยิ่งใกล้ชิดยิ่งชื่นชม ไม่เหมือนคุณหนูตระกูลใหญ่ที่นางคิดแม้แต่น้อย

 

 

“หวาดกลัวไม่ทำให้รอดชีวิต”

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูจิ่วซือรู้ดี นางเป็นคนที่ผ่านความลำบากมามาก เมื่อเผชิญหน้ากับอะไรก็สงบ ไม่เผยความรู้สึกมากเกินไปอย่างซูหลิ่วในอดีต

 

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน จู่ๆ จงโม่เจียงก็กลับมา เนื้อตัวมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรง

 

 

เขาวางกระบี่ลงกับพื้น นั่งตรงกันข้ามกับซูจิ่วซือ เดิมทีเขาอยากนั่งข้างซูจิ่วซือ พอคิดแล้วก็เปลี่ยนใจ ผู้หญิงคนนี้เคร่งครัดแบบแผน ถ้าเข้าไปนั่งข้างๆ นางคงรังเกียจ

 

 

พอเห็นจงโม่เจียงกลับมา อาหลานจึงไปก่อไฟ

 

 

“ทางโน้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

“ซิ่นอ๋องให้ความสำคัญแก่เจ้ามาก องครักษ์ที่ส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูง คนของข้าบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก แทบไม่เหลือ”

 

 

จงโม่เจียงพูดอย่างผ่านๆ แม้การสูญเสียคนมากมายเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่เขาไม่เสียใจ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าองครักษ์จวนซิ่นอ๋องจะร้ายกาจอย่างนี้ ต้องเอาชีวิตเข้าแลกจึงจัดการได้หมด

 

 

พอได้ยินอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็รู้สึกเสียใจ “ขอบใจ จงโม่เจียง”

 

 

“ไม่ต้องเกรงใจ ใครให้ข้ายอมเอง? แม่นาง เจ้าซาบซึ้งบ้างหรือไม่?” จงโม่เจียงมองหน้าซูจิ่วซือ นึกไม่ถึงว่าซูจิ่วซือกลับหลบสายตา “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

 

 

จงโม่เจียงถอนหายใจ “เจ้าช่างไม่รู้จักเอาใจเลย ต้องให้ข้าเป็นฝ่ายเข้าหา ไม่รู้จักพูดเพราะเอาใจข้าบ้าง วันหลังข้าจะยอมทุ่มเทชีวิตให้เจ้า”

 

 

ซูจิ่วซือมุมปากกระตุก “จงโม่เจียง ข้าเข้าใจความคิดของเจ้าดี เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด วันหลังมีอะไรให้ข้าช่วยก็บอก ข้าจะช่วยอย่างเต็มที่ เราเป็นเพื่อนกัน นอกจากนี้แล้วไม่มีอย่างอื่น”