ตอนที่ 591 ใจตรงกัน / ตอนที่ 592 เงื่อนไข

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 591 ใจตรงกัน 

 

 

 

 

 

“คุณหนูรองมาแล้ว จะให้ข้าน้อยไปรายงานหรือไม่ขอรับ” 

 

 

“ไม่ต้อง ข้าจะเข้าไปเอง” อวี้อาเหรารีบส่ายหน้า นางอุตส่าห์มาตอนที่เขาไม่รู้ หากฉู่ป๋ายทราบว่านางมา ความตั้งใจของนางก็เสียหมดน่ะสิ? 

 

 

ถ้าเช่นนั้นจะลอบจู่โจมโดยไม่ให้รู้ตัวได้หรือ? 

 

 

ก็ไม่ได้น่ะซี 

 

 

เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ องครักษ์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะปล่อยให้นางเข้ามา 

 

 

นายบ่าวทั้งสามเดินเข้ามาในจวนเซิ่นอ๋อง เดินไปได้ไม่ไกลนักก็พบเข้ากับฉู่เกอ เมื่อเห็นว่านางมา ก็รีบเข้าไปดึงแขนนางทันที “พี่เหราเอ๋อร์ ข้ากำลังจะไปหาท่านที่จวนหลิงอ๋องอยู่พอดีเลย ไม่คิดว่าท่านจะมา ช่างใจตรงกันยิ่งนัก” 

 

 

ใจตรงกันหรือ? เป็นคำจำกัดความที่ถูกต้องหรือไม่นะ 

 

 

อวี้อาเหรารีบก้าวถอยหลังในทันที ก่อนจะมองนางอย่างจับพิรุธ “เจ้าจะไปหาข้าที่จวนหลิงอ๋องด้วยเหตุใดกัน?” 

 

 

“ก่อนหน้านี้ได้ยินฉู่ฉู่กล่าวว่าท่านทำหม้อไฟให้ไทเฮาเสวย ข้าก็นึกอยากจะกินบ้าง ดังนั้นข้าจึงจะไปที่จวนหลิงอ๋องเพื่อถามว่าทำอย่างไร” ฉู่เกอยิ้มอย่างประจบประแจง 

 

 

อวี้อาเหราเข้าใจในทันที “ที่แท้เจ้าก็อยากกินหม้อไฟเองหรือ?” 

 

 

“ใช่แล้ว” ฉู่เกอพยักหน้า 

 

 

อวี้อาเหราไม่สนใจความตั้งใจของนาง เอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า “พี่ชายของเจ้าอยู่ในจวนหรือไม่” 

 

 

“อยู่สิ” ฉู่เกอพยักหน้าลงอีกครั้ง จากนั้นก็มองนางอย่างจับผิด “พี่เหราเอ๋อร์มาหาฉู่ฉู่ของข้ามีธุระอะไรหรือ” 

 

 

“แน่นอนว่าต้องมีธุระแน่” อวี้อาเหราหัวเราะ “เจ้าบอกข้าทีว่าเขาอยู่ที่ใด” 

 

 

“เขาน่ะหรือ…” ฉู๋เกอชะงักไป จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ท่านบอกวิธีทำหม้อไฟมาก่อนสิแล้วข้าจะบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน” 

 

 

“…” อวี้อาเหรานิ่งงันไป เด็กคนนี้ก็ช่างร้ายกาจยิ่งนัก เหมือนกับพี่ชายของนางไม่มีผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็คิดอ่านอย่างถี่ถ้วน หากเป็นเรื่องที่จะทำให้เสียผลประโยชน์ก็จะไม่ทำ หลังจากที่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วจึงพยักหน้า “ได้ ข้าจะบอกเจ้าว่าทำอย่างไร” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นท่านก็บอกข้าก่อนเถิด หากข้าทำเสร็จแล้วก็จะบอก” ฉู่เกอเสนอเงื่อนไขอย่างได้คืบจะเอาศอก 

 

 

อวี้อาเหรายกยิ้มขึ้นมา “หากข้าบอกเจ้าก่อน แต่เจ้าไม่ยอมบอกข้าเล่าจะทำอย่างไร? อีกอย่าง จวนเซิ่นอ๋องแม้ว่าจะใหญ่โตแต่ก็ไม่ได้ใหญ่คับฟ้า ข้าหาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็คงเจอ” 

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์…” ฉู่เกอเริ่มอ้อนขึ้นมาอีกครั้ง จนอวี้อาเหราจำต้องกลอกตามอง “ว่าอย่างไร?”  

 

 

“เอาเถิด ข้ายอมบอกก็ได้” ฉู่เกอจำต้องยอมรับ แล้วกล่าวว่า “เขาอยู่ในหอลับเก็บดาบที่อยู่ในห้องหนังสือ พอท่านเข้าไปแล้วก็จะเห็นภาพวาดอยู่หลังชั้นหนังสือนั้น เมื่อผลักรูปภาพออกก็จะเห็นกลไก” 

 

 

“ข้าทราบแล้ว” อวี้อาเหราเข้าใจในทันที โชคดีที่ฉู่เกอยอมบอก ไม่อย่างนั้นนางคงหาหอเก็บกระบี่ไม่เจอแน่ นางก้าวไปทางห้องหนังสือ แต่กลับถูกฉู่เกอรั้งเอาไว้ “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านต้องบอกวิธีการทำหม้อไฟให้ข้าก่อนมิใช่หรือ” 

 

 

“ข้ารับปากว่าจะบอก แต่ไม่ได้บอกว่าตอนนี้ รอข้าอารมณ์ดีเมื่อไหร่ก็จะบอกเอง” อวี้อาเหราตอบรับพร้อมทั้งหัวเราะออกมา 

 

 

ฉู่เกอเข้าใจแล้วจึงถลึงตา จากนั้นก็กระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านหลอกข้าหรือ?” 

 

 

อวี้อาเหราว่า “ก็เรียนมาจากเจ้าทั้งนั้น” 

 

 

นี่เป็นเพราะฉู่เกอโยนความผิดเรื่องปลาร้อนให้นางและฉู่ป๋ายรับเอาไว้ ทันใดนั้นจิตใจของนางก็ห่อเ**่ยว แต่ก็ยังคงดึงมือของอวี้อาเหราไม่ยอมปล่อย แล้วหันมาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่เหราเอ๋อร์ หากท่านไม่บอกข้า ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยมือ ดูสิว่าท่านจะไปหาฉู่ฉู่ได้อย่างไร อีกอย่างท่านก็ไม่มีวรยุทธ์ อย่างไรก็คงเอาชนะข้าไม่ได้หรอก” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 592 เงื่อนไข 

 

 

 

 

 

เป็นอีกครั้งที่นางถูกดูเบาว่าไม่มีวรยุทธ์ ตอนนี้จิตใจของอวี้อาเหราก็เหมือนจิตใจของจวินอู๋เหินที่ถูกฟู่เส่าชิงล้อเลียนเรื่องที่ไม่มีวรยุทธ์ไม่มีผิด เมื่อคืนก่อนนางก็เพิ่งโดนฉู่ป๋ายใช้พลังยุทธ์บังคับ วันนี้ก็ยังถูกฉู่เกอดูถูกอีก พวกเขาทั้งสองคนก็ช่างสมกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดโดยแท้ จะทำอะไรก็เหมือนกันไปหมด 

 

 

นางลองสะบัดมือที่จับตนเองอยู่ออก น่าเสียดายที่ฉู่เกอแรงเยอะผิดธรรมดา สะบัดอย่างไรก็ไม่ออก 

 

 

คงจะต้องเขื่อแล้วว่านางทำได้อย่างที่พูดจริงๆ 

 

 

จะต้องทำหม้อไฟให้นางกินก่อนจริงๆ น่ะหรือ? อวี้อาเหรานั้นเป็นคนที่จะทำดีต่อคนที่ทำดีกับนางเท่านั้น และไม่ใช่คนที่ชอบประนีประนอมด้วย 

 

 

นางก้มหน้าลง ฉู่เกอกำลังหรี่ตามองมาที่นาง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหากนางไม่ยอมก็จะไม่ปล่อยแน่ 

 

 

หลังจากที่นิ่งคิดไปสักครู่ ดวงตาของอวี้อาเหราก็พลันสว่างขึ้น “จริงสิ เช้าวันนี้น้องสามของข้าเพิ่งจะกลับมาที่จวน…” 

 

 

“เขากลับมาแล้วหรือ?” ดวงตาของนางสว่างสดใสขึ้นมาในทันที ในใจเกิดสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย จนทำให้มือที่จับแขนนางอยู่ผ่อนแรงออกตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ 

 

 

อวี้อาเหราที่สังเกตสีหน้าของนางอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจ จากนั้นก็พยักหน้ารับรองอย่างหนักแน่น “กลับมาแล้ว ทั้งเขายังตั้งใจนำของขวัญมามอบให้พวกเราทั้งครอบครัวอีกด้วย เขามอบแส้ม้าที่ส่งกลิ่นหอมไม่ธรรมดาให้กับข้า เมื่อม้าพยศได้กลิ่นเข้าก็จะเชื่อฟังขึ้นมาในทันที” 

 

 

“เขาเอาอะไรมาให้ข้าด้วยหรือไม่” ยิ่งได้ฟัง ดวงตาของฉู่เกอก็ราวกับมีดวงดาวบรรจุอยู่ในนั้นเต็มไปหมด 

 

 

อวี้อาเหรากลับถามขึ้นว่า “เหตุใดจะต้องมอบให้เจ้าด้วย?”  

 

 

“ก็…” ฉู่เกอไม่อาจพูดออกมาได้ นางจึงก้มหน้าลงอย่างเงียบงัน 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงอวี้จื้อ ท่าทีของฉู่เกอก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม วิธีนี้ช่างได้ผลดียิ่งนัก 

 

 

อวี้อาเหราพูดขึ้นว่า “เจ้าลองไปหาเขาดูสิ เขาอาจจะมีของขวัญมาให้เจ้าก็ได้นะ เพียงแต่ตอนนี้เขาคงจะพักผ่อนอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถนำของขวัญมามอบให้เจ้าได้” 

 

 

“หา? จริงหรือ” ฉู่เกอปล่อยแขนของนางทันที “ถ้าเช่นนั้นพี่เหราเอ๋อร์ ท่านก็ไปพบพี่ชายของข้าเถิด ข้าจะไปรับของขวัญที่จวนหลิงอ๋อง” 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า ปล่อยให้นางจากไป 

 

 

เมี่ยวอวี้ก้าวเข้ามาหา “คุณหนู ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านหญิงน้อยเซิ่นและนายน้อยสามจะไม่ธรรมดาเสียแล้วเจ้าค่ะ…” 

 

 

“เจ้าก็สังเกตเห็นหรือ?” อวี้อาเหราหัวเราะออกมา จากนั้นรอยยิ้มก็ค่อยๆ จางหายไป แม้แต่เมี่ยวอวี้เองก็ยังสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่ ไหนเลยนางจะดูไม่ออก อีกอย่างฉู่เกอก็แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงเพียงนี้ พวกเขาทั้งสองอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน คงจะอยู่ด้วยกันที่ค่ายทหารซีซาน อาจจะไม่มีใครทราบเรื่องนี้ก็เป็นได้ 

 

 

แต่คงไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้แน่ 

 

 

หรือว่าจะ… 

 

 

การคาดเดาเช่นนี้นางก็ไม่กล้าที่จะคิด หากฉู่เกอมีความรู้สึกต่ออวี้จื้อขึ้นมาจริงๆ ถ้าเช่นนั้นหากอวี้จื้อได้แต่งงานกับธิดาเอกจวนเซิ่นอ๋อง และจวนเซิ่นอ๋องยังร่ำรวยถึงเพียงนี้ ฉู่ป๋ายเองก็มีน้องสาวเพียงคนเดียว แน่นอนว่าสินเดิมติดตัวเจ้าสาวคงไม่น้อย หากมีความสัมพันธ์เช่นนี้กับฉู่เกออีกชั้น อนุรองและอวี้จื่อเยียนก็คงยากที่จะกำจัดขึ้นไปอีก 

 

 

แต่สิ่งที่ดีเพียงสิ่งเดียวก็คือ ดูแล้วอวี้จื้อคงไม่ได้ฉลาดแกมโกงเสียเท่าไหร่ เขากลับดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ไม่สลับซับซ้อน ที่คนเขาพูดกันว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ไม่มีใครรู้ว่าสีหน้าที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ อีกอย่างเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนที่อวี้จื้อเพียงกลับมานั้น ได้ทำทุกอย่างเสียครบถ้วน ทั้งยังทำให้หลิงอ๋องพึงพอใจ ยากเหลือเกินที่จะเชื่อว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น 

 

 

หากเขาตั้งใจจริง ในใจก็คงไม่เหมือนกับสีหน้าเรียบง่ายที่แสดงออกมาให้เห็นแน่ 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งเงียบไป คิ้วขมวดมุ่น 

 

 

เมี่ยวอวี้มองเห็นสีหน้าของนางแล้วก็กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู ท่านจะมาหาเซิ่นซื่อจื่อมิใช่หรือเจ้าคะ พวกเรารีบไปกันเถิด วันนี้ท่านอ๋องต้องการที่จะทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน หากว่าท่านชักช้า ท่านอ๋องคงจะไม่พอพระทัยนัก”