ตอนที่ 1693

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,693 : ฉีจิ้ง เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

 

การเปลี่ยนแปลงในฉับพลันของสถานการณ์เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตระหนักถึงเลย…

 

เหตุผลที่เขาไม่ตระหนักถึง เพราะตอนนี้ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ที่สถานการณ์การปะทะ หากแต่กำลังจดจ่ออยู่กับบางสิ่ง!

 

ทันทีที่กระบี่คู่หยินหยางพุ่งไปทำลายพายุพลังของฉีจิ้ง เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เกิดขึ้นจากสภาวะพลังดังกล่าว!

 

บางสิ่งที่อุบัติขึ้นระหว่างกระบี่คู่หยินหยาง!

 

และบางสิ่งที่เขาแลเห็นนั้น ประหนึ่งภาพชิ้นส่วนภาพสุดท้ายที่ขาดหายไปในใจ! มันเติมเต็มเต๋าแห่งกระบี่ที่เขากำลังคลำทางหาอยู่ได้พอดิบพอดี!

 

ในใจของเขาภาพกระบี่หยินหยาง อันเป็นดั่งทวิภาวะนั้น แม้มันจะแตกต่าง หากแต่เต๋ากระบี่กลับเหมือนกัน! จุดรอคอยสุดท้ายดั่งประตูด่านที่ปิดกั้นขวาง…ได้พังทลายลงไปทันใด!

 

เมื่อเปิดประตูดั่งกล่าวแล้วก้าวย่างเข้าไป บัดนี้ต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจ เคล็ดเต๋ากระบี่ขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจเรียบร้อยแล้ว!

 

ขั้นสุดท้ายที่ยากจะเข้าใจพลันกระจ่าง!

 

ขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ บรรลุถึงโดยสมบูรณ์!

 

พริบตาที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุความเข้าใจ ภาพกระบี่นับหมื่นพัน พลันร้อยเรียงเป็นสาย กลับกลายเป็นขอบเขตใหม่ในชั่วพริบตา ทุกสิ่งอย่างยกระดับขึ้นกลับกลายเป็นสิ่งอื่นที่เหนือล้ำกว่าเดิม!!

 

ในขอบเขตใหม่นี้ ทุกครั้งที่ต้วนหลิงเทียนลงมือจู่โจมรูปแบบพลังของเขากลายเป็นแปรเปลี่ยนไปต่างจากเดิม มันทรงพลังอำนาจมากขึ้น! บรรลุถึงขอบเขตเดียวกับวรยุทธ์เซียนระดับนภาทั่วๆไปทันที ก้าวข้ามวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นไปอย่างสมบูรณ์!

 

‘แบบนี้นี่เอง…ทวิภาวะ แก่นแท้ของเงากระบี่สัมพันธ์ใจ!’

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงความเข้าใจ ปราณกระบี่พลันปะทุออกท่วมร่าง กลิ่นอายพลังดั้งเดิมแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน!

 

ยามนี้เพียงยืนอยู่เฉยเมยไม่ไหวติง ยังให้บรรยากาศปานกระบี่แกร่งเล่มหนึ่ง!

 

หากแต่ไม่นานเขาก็ถูกปลุกจากภวังค์ยินดี ให้กลับมาสนใจเรื่องราวรอบกายอีกครั้ง!

 

ตอนนี้แม้ไม่อยากจะถูกปลุกให้ตื่น แต่เห็นทีคงไม่ได้

 

เพราะเขาเห็นว่า เมื่อกระบี่คู่หยินหยาง ปะทะทำลายพายุพลังที่อ่อนจางของฉีจิ้งไปแล้ว กลิ่นอายพลังทั่วร่างของฉีจิ้งอยู่ดีๆพลันปะทุออก ซัดพายุพลังออกมาอีกครั้ง แถมพายุพลังลูกนี้กลับให้กลิ่นอายพลังน่ากลัวขุมหนึ่ง!!

 

กลิ่นอายพลังน่ากลัวที่ว่า ยังให้ความรู้สึกคุ้นเคยประการหนึ่งแก่เขา!!

 

และในขณะที่รู้สึกคุ้นเคย ตราผนึกมารในแหวนพื้นที่ของเขาพลันสั่นไหวขึ้นมา เพราะมันสัมผัสได้ถึงไอมารจากปราณมาร! ‘อะไรกัน! ฉีจิ้งมันเป็นผู้ฝึกมารงั้นเหรอ!?’

 

‘ไม่จริงน่า…ถ้างั้น…มัน…ปกปิดพลังเอาไว้งั้นเหรอ!?’

 

พอตระหนักได้ถึงบางสิ่ง สีหน้าต้วนหลิงเทียนพลันแปรเปลี่ยนไปทันที!!

 

ฉีจิ้งที่มีพลังฝึกปรือในขอบเขตเซียขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญ ที่แท้ยังปกปิดพลังเอาไว้?!

 

แล้วหากไม่ได้ปกปิดพลังเล่า มันจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน!?

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจถึงขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่ พลังฝีมือของเขาเรียกว่าถูกยกระดับขึ้นมาทันที กลายเป็นแข็งแกร่งทรงพลังกว่าเดิมอีกขั้น แต่ทว่าจังหวะนี้เขาไม่อาจไม่ตกใจ!!

 

ในขณะที่ใบหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสี ด้านเริ่นจงกับหลิวหงกวง และฉีเสิ่น ก็เป็นกลุ่มแรกที่ตระหนักได้ว่านี่มันเรื่องอะไร พวกมันไม่เพียงแต่จะตะลึงยังสับสนไม่น้อย!

 

เพราะตอนนี้ ฉีจิ้ง คล้ายจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!!

 

และพริบตานี้เองพายุพลังลูกใหม่ที่ฉีจิ้งซัดออกมา มันก็ทรงพลังอำนาจมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีปราณมารแฝงเร้นมาด้วย! และที่น่ากลัวก็คือขนาดของพายุพลังมันแปรเปลี่ยนไปปานพลิกฟ้าคว่ำดิน! มันมหึมาทัดเทียมกับพระพุทธรูปองค์เขื่องของหลวงจีนลายบุปผาก่อนหน้าแล้ว!!

 

เผชิญหน้ากับพายุพลังลูกเขื่องที่พุ่งมาอย่างดุร้ายน่ากลัว หลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อรู้สึกกดดันถึงขั้นหายใจไม่ออก!

 

วูบ! วูบ!

 

หน้าทั้งคู่เปลี่ยนสีไปทันใด ในใจบังเกิดความคิดหวาดกลัวขึ้นมาประการหนึ่ง ‘ฉะ…ฉีจิ้ง มันทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว!!’

 

พวกมันมีเวลาเพียงแค่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ส่วนเรื่องที่ฉีจิ้งกลายเป็นผู้ฝึกมารพวกมันไม่ทันคิด

 

หลังจากตระหนักถึงสาเหตุพลังความแข็งแกร่งที่อยู่ๆก็เพิ่มพูนขึ้นมาของฉีจิ้ง รวมถึงพายุพลังที่ซัดออกมาน่ากลัวนั่น ในใจของทั้งคู่ก็หลงเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น! หนี!!

 

พริบตานั้นเองทั้งคู่พลันแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศทาง!!

 

ในขณะที่ทั้งคู่เริ่มหลบหนี ก็เป็นวินาทีเดียวกันกับที่กระบี่คู่หยินหยางของจิ้งชวีจื่อถูกพายุพลังมหึมาบดขยี้ทำลาย และพายุพลังลูกเขื่องก็ไม่ได้ลดทอนพลังอำนาจลงแม้แต่น้อย ยังพัดพุ่งไปทางหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อที่กำลังพุ่งร่างหลบหนี!!

 

“ศิษย์พี่ลายบุปผา!!”

 

เหล่าศิษย์หลวงจีนของวัดฟ่านเทียนพอตระหนักได้ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที ยังร่ำร้องออกมาอย่างเสียขวัญ!!

 

เจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนเองพอตระหนักถึงพลังฝึกปรือฉีจิ้ง สีหน้าก็กลายเป็นร้ายแรงทันที ใจกังวลถึงหลวงจีนลายบุปผาที่กำลังหนีไม่น้อย

 

ศาลเจ้าชุนหยางเองก็ไม่ต่างกัน

 

อย่างไรก็ตามเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนและหลวงจีนอาวุโสทั้งหลายก็ต้องหน้าซีดลงทันใด เมื่อเห็นเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงที่บังเกิดขึ้นตรงหน้า…

 

เพราะพวกมันแลเห็นว่าพายุพลังลูกเขื่องนั่นพุ่งจี้เข้าเจียนบรรลุถึงตัวหลวงจีนลายบุปผาเต็มที และยังมีความเร็วสูงล้ำเหนือหลวงจีนลายบุปผาไปมาก! เพียงพริบตามันก็กลืนร่างหลวงจีนลายบุปผาจนหายไป พร้อมกันนั้นก็ปรากฏละอองโลหิตฟุ้งออกมาจากพายุพลัง!!

 

หลางจีนลายบุปผาตกตายแล้ว!!

 

“ไม่!!!”

 

เจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนร่ำร้องออกมาเสียงดังสนั่น ร่างสะท้านสั่นไหวไปจนทรุด

 

ศิษย์ปิดสำนักของมันคนนี้ เป็นศิษย์ที่มันฝากฟังความหวังทั้งมวลเอาไว้ ยังเป็นดั่งอนาคตของวัดฟ่านเทียน!!

 

มันไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ อนิจจาฉากนองเลือดเบื้องหน้าเ ทำให้แม้มันไม่อยากยอมรับเพียงใดแต่เรื่องราวก็ไม่อนุญาติให้มันไม่ยอมรับ เพราะทั้งหมดคือความจริง!!

 

เมื่อเห็นว่าหวงจีนลายบุปผากลับกลายเป็นหมอกโลหิตไปในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา เสียงอุทานพลันดังขึ้นมาระงม ทั้งหมดต่างอ้าปากค้างกันเป็นแถบๆ

 

อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล่าวคำใดออกมา

 

นั่นเพราะความสนใจของทั้งหมดกลับพุ่งไปหยุดอยู่ที่ร่างจิ้งชวีจื่อที่หนีไปอีกทาง

 

ต้องกล่าวเลยว่าจิ้งชวีจื่อโชคดีกว่าหลวงจีนลายบุปผาเล็กน้อย เพราะหลวงจีนลายบุปผาได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ความเร็วของอีกฝ่ายจึงตกลง

 

ทว่าตอนแรกตัวมันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะเร่งเคลื่อนร่างหลบหนีก่อนที่กระบี่หยินหยางจะถูกทำลาย พอหลบหนีไปได้ระยะหนึ่งจึงค่อยกระอักเลือดออกมาตอนกระบี่หยินหยางถูกทำลาย ด้วยเหตุนี้มันจึงพุ่งร่างหลบออกมาก่อนที่พายุพลังนั่นจะซัดทำลายมาถึงอย่างฉิวเฉียด!

 

หากแต่แม้จะเป็นเช่นนั้น มันก็ยังถูกชายขอบพลังของพายุพลังมหึมาซัดจนร่างปลิดปลิวกระเด็น

 

“อั๊คค!!”

 

จิ้งชวีจื่อกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยกระบี่หยินหยางถูกทำลาย หรือเพราะถูกชายขอบพลังของพายุน่ากลัว ล้วนทำให้มันบาดเจ็บสามหัสทันที! ร่างมันตอนนี้สั่นไหวระริก…กระทั่งเหินลอยกลางหาวยังกลายเป็นเรื่องยาก คนปานจะทรุดลงได้ทุกเวลา!

 

“จิ้งชวีจื่อ ยอมแพ้เร็วเข้า!!”

 

ตอนนี้เองนักพรตผู้นำของศาลเจ้าชุนหยางพลันสังเกตเห็นแววตาอำมหิตของฉีจิ้งที่อยู่ๆก็ปะทุจิตสังหารออกมาน่ากลัว ใจของมันรู้สึกเย็นเยียบลงทันใด เร่งร้อนตะโกนออกมาลำคอแทบแตกกระตุ้นเตือนจิ้งชวีจื่อ ด้วยหวาดกลัวว่าจิ้งชวีจื่อจะตกตายตามหลวงจีนลายบุปผาของวัดฟ่านเทียนไปอีกคน!!

 

ความสำคัญของจิ้งชวีจื่อที่มีต่อศาลเจ้าชุนหยาง ก็ไม่ต่างอะไรจากความสำคัญของหลวงจีนลายบุปผาที่มีต่อวัดฟ่านเทียน!!

 

สำหรับนักพรตผู้นำศาลเจ้าชุนหยางแล้ว ไม่ว่าใครในที่นี้ล้วนสามารถตกตายได้ แต่คนเดียวที่ไม่อาจปล่อยให้ตกตายได้เด็ดขาดก็คือจิ้งชวีจื่อผู้ที่เป็นดั่งความหวังของศาลเจ้าชุนหยาง!!

 

ตราบใดที่จิ้งชวีจื่อมีโอกาสได้เติบโตเต็มศักยภาพ ภายภาคหน้าต้องสามารถนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ศาลเจ้าชุนหยางได้แน่นอน กระทั่งเรื่องที่จะทำให้ศาลเจ้าชุนหยางกลายเป็นขุมพลังชั้น 4 แทนที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!!

 

ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผู้นำศาลเจ้าชุนหยางก็ไม่อาจปล่อยให้จิ้งชวีจื่อตกตายได้เด็ดขาด!

 

ในขณะที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งตระหนักได้ถึงพลังฝึกปรือของฉีจิ้ง ยิ่งมาได้ยินคำตะโกนกล่าวเตือนจากผู้นำศาลเจ้าชุนหยางซึ่งเป็นอาจารย์ของตัว จิ้งชวีจื่อพลันคืนสติกลับมาทันที มันพยายามอ้าปากออกมาอย่างยากลำบาก เร่งกล่าววาจา “ข้ายอม…”

 

น่าเสียดายที่คำว่า ‘แพ้’ ไม่ทันได้ล่วงล้ำผ่านลำคอออกมา ก็ปรากฏรังสีพลังสังหารสีดำสายหนึ่งพุ่งทะลุฟ้ามาฉับไว!

 

สึบบ!!

 

ความเร็วของรังสีพลังสังหารทมิฬมืดนี้ไม่ได้เชื่องช้าไปกว่าความเร็วของพายุพลังแม้แต่น้อย!!

 

และเพียงเสี้ยวพริบตารังสีพลังสังหารทมิฬมืดดังกล่าวก็พุ่งชำแรกหว่างคิ้วของจิ้งชวีจื่อ พาลให้ประกายตาของจิ้งชวีจื่อท่เคยส่องสว่างกลับกลายเป็นหม่นแสงลง ร่างคนกระตุกวูบหนึ่งค่อยร่วงตกจากฟ้าปานหุ่นกระบอกไร้ด้าย…

 

แม้จะมีวาจากระตุ้นเตือนจากผู้นำศาลเจ้าชุนหยางแล้ว แต่จิ้งชวีจื่อกลับกล่าวคำออกมาช้าไป…

 

และเวลาที่ช้าไปเพียงชั่วพริบตานี้ กลับทำให้มันจะต้องก้าวเดินลงบนเส้นทางสู่ปรโลกตามรอยหลวงจีนลายบุปผาไปติดๆ…

 

เพียงเวลาแค่ชั่วลมหายใจ สุดยอดอัจฉริยะนามกระเดื่องทั้ง 2 ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือของฉีจิ้ง!

 

ตกตายภายใต้เงื้อมมือของ คนที่กาลครั้งหนึ่งพวกมันเคยเอาชนะได้อย่างราบคาบ…

 

“จื่อเอ๋อ!!”

 

“ศิษย์พี่ใหญ่!!”

 

เมื่อจิ้งชวีจื่อตกตายคนของศาลเจ้าชุนหยางโดยเฉพาะผู้นำที่กังวลจับใจว่าจิ้งชวีจื่อจะเป็นอะไรไปก่อนหน้า ก็ร่ำร้องออกมาเสียงหลง สีหน้ายังซีดลงทันใด

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักพรตผู้นำของศาลเจ้าชุนหยาง มันไม่อาจทำใจรับไหว ปราณแรกกำเนิดในร่างถึงกับปั่นป่วนตีกลับ ย้อนมาทำร้ายชีพจรหัวใจของมันจนบาดเจ็บสาหัส! คนกระอักโลหิตทรุดเซไปทันที!!

 

หากไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือของมันสูงล้ำ น่ากลัวอาจจะสิ้นสติไปแล้ว

 

ขณะเดียวกันฉากเรื่องราวโดยรอบก็เงียบงันปานคนตาย

 

ทุกสายตาของผู้คนล้วนตกอยู่ที่ร่างของฉีจิ้ง!

 

แม้ฉีจิ้งจะเป็นนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่ในอดีตชื่อเสียงของมันก็ไม่อาจทัดเทียมจิ้งชวีจื่อและหลวงจีนลายบุปผาได้เลย…ทว่าวันนี้มันกลับช่วงชิงความรุ่งโรจน์และเกียรติยศ ‘มือหนึ่งในรุ่น’ มาจากทั้ง 2 ได้สำเร็จแล้ว…

 

“ระ…เรื่องพรรค์นี้ จักเป็นไปได้อย่างไร?!”

 

“นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิง คนนั้น กลับสามารถสังหารหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อได้จริงๆ? ทั้งๆที่ก่อนหน้าเป็นทั้งคู่ที่เอาชนะมันได้อย่างขาดลอย…แต่วันนี้กลับต้องมาตายคามือมัน?”

 

“หากข้าไม่ได้มาเห็นเองกับตา ข้าคงคิดไม่ถึงจริงๆว่าเรื่องราวที่ประหนึ่งเรื่องเหลวไหลชวนหัวพรรค์นี้จะเกิดขึ้นจริงๆ…”

 

“ผู้ใดบอกข้าพเจ้าได้บ้าง ว่ายามนี้ใช่ข้าพเจ้ากำลังฝันไปหรือไม่?”

 

“เหลือเชื่อยิ่งนัก! เป็นไปมิได้!!”

 

……

 

เมื่อดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ ผู้คนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ยังอื้ออึงกับพลังฝีมือของฉีจิ้งไม่น้อย

 

ฉีจิ้ง ปีที่แล้วยังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น…

 

ก่อนหน้านี้หลังจากที่อีกฝ่ายเผยพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญหลังผ่านไป 1 ปี ก็ทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงพรึงเพริดแล้ว ทั้งหมดล้วนแน่ใจชัดเจนว่าฉีจิ้งสมควรพบพานวาสนาปาฏิหาริย์บางประการ…

 

เพราะในสายตาทุกคน การที่ทะลวงพลังฝึกปรือจากเซียนขัดเกลาขั้นต้นมาถึงเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญก็นับเป็นเรื่องราวอันเหลวไหลเกินจริงไปมากแล้ว

 

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กลับอยู่เหนือสามัญสำนึกของพวกมันไปไกลโข พลังฝีมือที่จิ้งชวีจื่อเผยให้เห็นกลับเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!!

 

“ข้ามิเคยได้ยินเรื่องที่ฉีจิ้งเป็นผู้ฝกมารมาก่อนเลย…ทว่าหลังจากผานไปแค่ปีเดียว มันกลับกลายเป็นผู้ฝึกมาร ที่มีปราณมารอันชั่วร้ายน่าสะอิดสะเอียนได้”

 

หลายคนที่ชักสีหน้าเคร่งขรึมเริ่มกล่าวถึงเรื่องที่ฉีจิ้งเป็นผู้ฝึกมารออกมา

 

“ต่อให้กลายเป็นผู้ฝึกมาร จนมีพลังฝึกปรือก้าวหน้ารวดเร็วกว่าเดิม ทว่าอาศัยเพียงปีเดียวทะลวงจากเซียนขัดเกลาขั้นต้นมาถึงขั้นสูงสุด นี่มิใช่เกินจริงไปหน่อยหรือไร?”

 

หลายคนกล่าวออก

 

“มิใช่เกินจริงธรรมดา แต่เกินความจริงไปลิบลับ…อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะแทบเป็นไปไม่ได้เพียงใดแต่มันก็เป็นไปแล้ว! หาไม่มันคงมิอาจฆ่าหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อได้ง่ายดายเช่นนี้!!”

 

“ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจิ้งชวีจื่อจะทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้…เช่นนั้นตอนที่มันฆ่าจงกู้มันก็จงใจปกปิดพลังฝีมือเอาไว้…กระทั่งตอนเริ่มสู้กับหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อ มันก็ยังจงใจปกปิดพลังเอาไว้มิเผยออก!”

 

……