ความบ้าคลั่งของสภาสิบแปดปีก

เมื่อบลูฟีนิกซ์กลับมาถึง และได้ยินคำพูดที่ฟีนิกซ์เรนพูดกับซือเฟิง เธอก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างมากทันที

“พี่สาวเรน นี่หมายความว่าจักรพรรดิเก้ามังกร กับรองหัวหน้ากิลจากไมโทโลจี้นั้นเข้าใจดีอยู่แล้วใช่ไหมว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น และนั่นก็เป็นเหตุผลที่พวกเขายอมแพ้และจากไปอย่างสงบใช่ไหม ?” บลูฟีนิกซ์นั้นรู้สึกกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาเลย เมื่อเธอนึกถึงความสงบของจักรพรรดิเก้ามังกร และโคลท์ชาโด้วที่ล้มเหลวในการบังคับให้ฟีนิกซ์เรนขายหุ้นของบริษัทการค้าแสงเทียน

ก่อนหน้านี้ตอนที่ซือเฟิงระบุว่าเขาสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุได้จำนวนมาก รวมถึงผลประโยชน์ของม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุ ทำให้เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เธอนั้นลืมคิดถึงปัญหาที่ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจะนำมา เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจักรพรรดิเก้ามังกรและโคลท์ชาโด้วนั้นจะคิดถึงปัญหานี้ออกได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกัน เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าโคลท์ชาโด้วนั้นได้ตัดสินใจจะยอมแพ้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และจากไปทันที มันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอวางแผนจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน

“มีความเป็นไปได้สูง …” ฟีนิกซ์เรนกล่าวพลางพยักหน้า “อย่างไรก็ตาม เรายังคงสามารถจะกอบกู้สถานการณ์นี้ได้ ตราบเท่าที่เราสามารถปลอมแปลงเรื่องนี้ได้ และทั้งสองคนก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม …”

แม้ว่าซือเฟิงจะเปิดเผยต่อสาธารณว่าเขามีม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสิบชุด แต่นั่นมันก็ไม่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาจะสามารถจัดหาพวกมันจำนวนมากได้จริง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะโน้มน้าวให้มหาอำนาจต่างๆคิดว่าเขาไม่สามารถจะทำมันได้จริงๆ

หากมหาอำนาจต่างๆค้นพบว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปลอมทั้งหมด จักรพรรดิเก้ามังกรและโคลท์ชาโด้วที่คิดจะกำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกก็จะล้มเหลวไปโดนธรรมชาติ เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งที่โคลท์ชาโด้ว และจักรพรรดิเก้ามังกรครอบครองอยู่ในทวีปด้านตะวันออกตอนนี้ มันไม่สามารถจะสั่นคลอนรากฐานของสภาสิบแปดปีกได้

“คุณไม่จำเป็นต้องคิดมากหรือปิดบังเรื่องนี้หรอก หากพวกเขาต้องการจะเคลื่อนไหวจริงๆก็ปล่อยให้พวกเขาทำได้อย่างอิสระเลย ถ้าพวกเขาสามารถทำมันได้น่ะนะ ..” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาเห็นฟีนิกซ์เรนและบลูฟีนิกซ์กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจะนำปัญหามาให้สภาสิบแปดปีก

ใน God domain ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าซือเฟิงแล้วว่าวงเวทย์บาเรียสิบสองธาตุนี้จะส่งผลต่อโลกนี้มากแค่ไหน

เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่สภาสิบแปดปีกจะได้รับจากการขายพวกมันจำนวนมากนั้น มันก็พอจะทนรับกับความเสี่ยงได้ และอีกอย่างหนึ่ง สภาสิบแปดปีกก็ไม่ใช่กิลที่เคยอ่อนแอแบบเดิมอีกต่อไป

ใน God domain ช่วงเวลาที่ผู้เล่นมาถึงเลเวลหนึ่งร้อย และกำลังจะเลื่อนขั้น ไปเป็นขั้นสามนั้นเป็นส่วนที่ยาวนานที่สุดและยากที่สุดสำหรับผู้เล่นที่จะต้องผ่านไปให้ได้ ในอดีตช่องว่างขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นระหว่างมหาอำนาจต่างๆกับกิลทั่วไปก็ในช่วงเวลานี้ กิลที่ไม่มีชื่อเสียงกลายเป็นมหาอำนาจขึ้นมาได้ และมหาอำนาจบางกลุ่มจางหายไป มันก็เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ทั้งหมด

แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีข้อได้เปรียบที่สามารถผลิตผู้เล่นขั้นสามขึ้นมาได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว แต่กิลก็ยังคงขาดผู้เชี่ยวชาญ (ในที่นี้หมายถึงเรื่องมาตราฐานการต่อสู้น่ะ) อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กิลไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาที่มหาอำนาจต่างๆจะตามสภาสิบแปดปีกทันในเรื่องนี้

ดังนั้นสิ่งที่ซือเฟิงต้องทำในตอนนี้ก็คือการขยายข้อได้เปรียบของสภาสิบแปดปีกให้มากขึ้นไปอีก และใช้ประโยชน์จากจุดนี้ทำให้ผู้เล่นของสภาสิบแปดปีกหลุดพ้นจากจุดนี้

“นี่ …” ฟีนิกซ์เรนลังเล เมื่อเธอเห็นสีหน้ามั่นใจของซือเฟิง

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของสภาสิบแปดปีกนั้นไม่สามารถจะประเมินได้เลย โดยเฉพาะเมื่อบวกกับเรือเหาะสามลำเข้าไปด้วย และการปรากฎขึ้นของเรือเหาะสามลำของสภาสิบแปดปีกนี้ มันก็จะทำให้ไม่มีใครสามารถทำอะไรสภาสิบแปดปีกทางอากาศได้แน่นอน อย่างไรก็ตามมหาอำนาจต่างๆก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่ายเช่นกัน และหากพวกเขาร่วมมือกัน แม้แต่ซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดห้าอันดับแรกก็ยังจะต้องยอมแพ้ต่อพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นเพราะเธอ ในความเป็นจริงซือเฟิงสามารถทำธุรกรรมนี้เป็นความลับ และค่อยๆพัฒนาความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain ไปได้ ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะทำให้สภาสิบแปดปีกต้องกลายเป็นศัตรูกับเหล่ามหาอำนาจเลย

“ที่จริงก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันได้ให้อควาโรสติดต่อกับกิลอื่นๆแล้วจำนวนหนึ่ง และฉันก็นัดพบพวกเขาในอีกสามชั่วโมงนับจากนี้ ซึ่งในเวลานั้นฉันก็จะขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุให้พวกเขาเช่นกัน” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นแม้ว่าเหตุการณ์ที่คุณว่ามามันจะยังไม่เกิดขึ้น แต่มหาอำนาจต่างๆก็จะยังรู้เรื่องนี้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองหรอกปรมาจารย์ฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน”

ตราบใดที่เขาเริ่มทำการขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุเมื่อไหร่ เขาก็จะดึงดูดความสนใจจากมหาอำนาจทั้งหมดเข้ามาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลังเลเลยที่จะใช้เจ้านี่เพื่อทำให้จักรพรรดิเก้ามังกร และ โคลท์ชาโด้วต้องอับอาย

การทำเช่นนี้นั้นไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับตำแหน่งของฟีนิกซ์เรนในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนขึ้น แต่มันยังเป็นเหมือนการทำให้หลายกิลที่เขาเชิญมานั้นรู้เรื่องนี้ และเป็นการกระชับสัมพันธ์กันให้มากขึ้น ซึ่งในเวลานั้น เขาก็จะสามารถช่วยตัวเองจากปัญหาสงสัยของหลายกิลได้ด้วยการพิสูจน์ว่าเขาสามารถจัดหาม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุจำนวนมากได้ เพราะท้ายที่สุดความบ้าคลั่งของมหาอำนาจต่างๆนั้นเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด

หลังจากได้ยินคำพูดของซือเฟิง ทั้งบลูฟีนิกซ์และฟีนิกซ์เรนนั้นก็คิดว่าเขาบ้าไปแล้ว

โดยพื้นฐานนี่มันหมายถึงซือเฟิงกำลังจะละทิ้งชีวิตเพื่อเงิน !!!

การขายม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุนั้นจะทำให้เขาได้ประโยชน์อย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตามแม้แต่ซุเปอร์กิลก็ยังจะไม่กล้าเสี่ยงเป็นศัตรูกับมหาอำนาจมากมายเพียงเพื่อผลกำไรจำนวนมหาศาลนี้

เพราะท้ายที่สุดแล้วยุคปัจจุบันนี้มันเป็นยุคที่แตกต่างออกไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองนั้นจะไม่ได้มีประโยชน์เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป มีเพียงแค่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่ถือว่าเป็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของกิล

ในขณะเดียวกันซุเปอร์กิลก็ย่อมจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่ากิลชั้นยอดอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจากซุเปอร์กิล สามถึงห้าแห่งก็สามารถจะเหนือกว่าซุเปอร์กิลเดียวได้อย่างง่ายดาย นี่ไม่ต้องพูดถึงกิลมหาอำนาจแทบทั้งหมดของทวีปด้านตะวันออกเลย

“เนื่องจากคุณจะเอาแบบนี้ ดังนั้นฉันก็จะขอเป็นตัวแทนของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในการจัดซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจากสภาสิบแปดปีก หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมสามารถจัดหาให้ฉันในจำนวนมากขนาดนี้ได้ไหม ?” ฟีนิกซ์เรนถามอย่างจริงจัง หลังจากที่เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ

หลังจากที่ได้เห็นว่าซือเฟิงมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่งมากเพียงใด ฟีนิกซ์เรนก็ได้ตัดสินใจที่จะกระโจนเล่นตามเขาเช่นกัน

ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนในปัจจุบันนั้นอยู่ในตำแหน่งที่น่าอึดอัดมากๆ โดยพวกเขานั้นก็ไม่ได้อยู่ในอันดับที่สูงหรือต่ำเกินในหมู่มหาอำนาจต่างๆ และเนื่องจากสภาสิบแปดปีกซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของเธอได้เลือกจะเสี่ยงอย่างเต็มที่ ดังนั้นเธอเองจึงต้องทำเช่นกัน โดยการพยายามอย่างเต็มที่และเสี่ยงโชคกับมันด้วยวัสดุกับคริสตัลเวทย์มนต์ที่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนมีแทบทั้งหมด

เสาสิบสองธาตุนั้นแม้ว่ามันจะมีราคาแพงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่ากิลจะไม่สามารถคืนทุนจากมันได้ เมื่อทำการล่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แถมพูดกันจริงๆตอนนี้ เงินและทรัพยากรที่ลงทุนของมหาอำนาจบางกลุ่มในจักรวรรดิอะโพคาลิปตอนนี้ มันก็เหนือกว่าดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนไปแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงอย่างยิ้งโดยเฉพาะคริสตัลเวทย์มนต์

อย่างไรก็ตามหากการพนันของเธอได้รับผลตอบแทนกลับมา ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนไม่เพียงแต่จะสามารถจัดหาไอเทมระดับสูงได้เพียงพอที่จะจัดทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนยังมีสิทสูงมากที่จะได้รับอำนาจเหนือซากปรักหักพังเนินเขาทั้งหมด แถมพวกเขาอาจยังเริ่มโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยได้เร็วกว่ามหาอำนาจอื่นๆด้วย ซึ่งด้วยข้อดีเหล่านี้ ดังนั้นการลองเสี่ยงใช้ทรัพยากรจำนวนมากจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้

“พี่สาวเรน ?” บลูฟีนิกซ์อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของฟีนิกซ์เรน เธอไม่คิดเลยว่าหัวหน้าของเธอจะตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดแบบนี้

ด้วยการเข้ามารุกรานของมหาอำนาจจากโลกอื่นมันทำให้การแข่งขันในจักรวรรดิอะโพคาลิปนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างมาก และเพียงแค่การจัดซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุสามสิบชุดก็จะทำให้สถานะวัสดุของกิลตึงมากแล้ว ขณะที่การซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจะทำให้คลังวัสดุกิลแทบหมดไปเลย

หากดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนล้มเหลวในการครองอำนาจเหนือซากปรักหักพังเนินเขาด้วย ม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุด มันก็จะนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับกิล และในเวลานั้นฟีนิกซ์เรนจะสูญเสียความหวังทั้งหมดในการจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนคนต่อไปแน่นอน

“นั่นไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามคุณจะต้องรอจนถึงพรุ่งนี้นะ ฉันจึงจะสามารถจัดส่งได้ครบหนึ่งร้อยชุด” ซือเฟิงกล่าว เขาเองก็ประหลาดใจกับจำนวนที่ฟีนิกซ์เรนร้องขอเช่นกัน

การซื้อม้วนคัมภีร์วงเวทย์บาเรียเสาสิบสองธาตุหนึ่งร้อยชุดจะมีมูลค่าเป็นคริสตัลเวทย์มนต์ห้าแสนชิ้น เงินห้าหมื่นเหรียญทอง คริสตัลธาตุห้าหมื่นชิ้น และแกนเวทย์มนต์ห้าหมื่นชิ้น ซึ่งมันไม่ใช่ทรัพยากรจำนวนน้อยเลย และไม่มีมหาอำนาจใดที่จะไม่เครียดแน่นอน จากการใช้พวกมันรวดเดียวจำนวนมากขนาดนี้

“บลู ไปเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นทันที …” เมื่อฟีนิกซ์เรนได้รับคำยืนยันจากซือเฟิงแล้ว เธอก็ให้บลูฟีนิกซ์กลับไปรวบรวมวัสดุที่จำเป็นทั้งหมดในคลังกิลทันที

เมื่อบลูฟีนิกซ์เข้าไปที่คลังกิล การกระทำของเธอทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมากไปทั่วในหมู่พวกระดับสูงของดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน

คำขอสำหรับเงินห้าหมื่นเหรียญทองนั้นไม่มีอะไรเลย เพราะมันไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยน อย่างไรก็ตามจำนวนคริสตัลเวทย์มนต์ คริสตัลธาตุ และแกนเวทย์มนต์ที่บลูฟีนิกซ์ร้องขอนั้น มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยสิ้นเชิง สิ่งเหล่านี้นั้นเป็นวัสดุที่จำเป็นในการผลิตโพชั่นเพื่อใช้สำรวจอย่างมาก แต่บลูฟีนิกซ์ก็ได้ยื่นคำขอเป็นจำนวนมากกว่าเก้าสิบเปอเซ็นต์จากทั้งหมดที่คลังกิลมีเลย

อย่างไรก็ตามทั้งคู่หลง และเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลนั้นก็ไม่ได้พยายามจะหยุดบลูฟีนิกซ์ ในทางตรงกันข้าม พวกเขากับอนุมัติคำขอของบลูฟีนิกซ์ทันที และสั่งให้ผู้จัดการคลังกิลจัดการมอบทุกสิ่งทุกอย่างตามจำนวนที่บลูฟีนิกซ์ต้องการให้ และพวกเขายังไม่ได้ตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ของเธอในเรื่องนี้ด้วย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในดราก้อนฟีนิกซ์พาวิลเลี่ยนปัจจุบัน ฟีนิกซ์นั้นก็ถือว่าเป็นกึ่งสุดยอดปรมาจารย์พาวิลเลี่ยนแล้ว ซึ่งเธอนั้นมีอำนาจที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

ในขณะเดียวกันข่าวที่น่าตกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นก็ไปถึงหูของมหาอำนาจต่างๆอย่างรวดเร็ว