ตอนที่ 623 นางเป็นอย่างนี้ข้าทำไม่ลงหรอก! / ตอนที่ 624 จะกินเองหรือให้ข้าป้อน

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 623 นางเป็นอย่างนี้ข้าทำไม่ลงหรอก!

 

 

เฉินยางฟังคำบ่นของซั่งเหมยจนชินเสียแล้ว แต่คำพูดเชิงขู่นี้ฟังไม่เข้าหูแม้แต่น้อย นางตอนนี้ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เขาไม่ยอมไป นางก็ไม่มีอารมณ์มาตีฝีปากกับเขา จึงทำเป็นไม่สนใจเขาเสียดื้อๆ

 

 

อวี่เหวินลู่เพิ่งคุยกับนางไปสองประโยค เห็นนางกลับไปเป็นคนที่มีปราณมรณะเต็มไปหมด ในใจนั้นช่างไร้รสชาติเสียจริง เกรงว่าหากไม่พูดกับตน นางก็จะถอดร่างกลายเป็นเซียนเสียอย่างนั้น เขาไม่ตามใจนาง พยายามรังควานทะเลาะกับนางขึ้นมาถึงจะยอม “เจ้าอย่าหลับสิ ลุกมาทานข้าวเสียหน่อย เจ้าไม่ได้ส่องคันฉ่องเลยหรือ เจ้ามองดูตัวเองสิ อย่าว่าแต่ลูกชายหายไปเลย รอเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาแล้ว เห็นสารรูปเจ้าเยี่ยงนี้ไม่ต้องการเจ้าอีก ข้าจะดูว่าจะหลบไปร้องไห้ที่ไหน!”

 

 

แต่ละคำช่างเสียดใจนัก ทั้งยังกดย้ำในจุดที่นางเจ็บช้ำ เฉินยางกะพริบตา น้ำตาอุ่นร้อนไหลตามขอบตาซึมเข้าไปในไรผมนาง สุดท้ายทนไม่ไหวอีกร้องเสียงดัง “ล้วนโทษข้าทั้งสิ้น หากข้าไม่หลับก็ดี ข้า…หากข้ากอดเขาไว้ในอกแล้วหลับไปก็ดีสิ เสี่ยวจินอวี๋หายไปแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋แม้แต่จดหมายสักฉบับก็ไม่มี ข้าเองก็ไม่กล้าบอกเขาว่าลูกหายไป ทำอย่างไรดีเล่า ทำอย่างไรดี ทำไมคนที่หายไปไม่ใช่ข้านะ”

 

 

อวี่เหวินลู่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น อยากจะโอบกอดนางยิ่งนัก หากแต่มือพอยื่นออกไปก็หดกลับเข้ามาอย่างคนไม่เอาไหน “ไม่โทษเจ้า หากพวกเขาคิดอยากจะขโมยเด็กจริงๆ แล้ว แม้เจ้ากอดลูกไว้ในอกพวกเขาก็เอาเด็กไปได้เหมือนกัน เรื่องนี้ไม่โทษเจ้า”

 

 

ใช่อยู่ที่ไม่ควรโทษนาง ควรโทษเขานี่แหละ เขาเป็นคนที่รู้เรื่องล่วงหน้า แต่กลับไม่บอกนาง ทั้งยังนั่งมองจนลูกนางถูกลักพาตัวไปต่อหน้าต่อตา แต่เวลานี้เขาไม่สามารถยอมรับได้ ยิ่งไม่สามารถรับผิดได้เช่นกัน เพียงแค่ลูกหายไปนางก็ใกล้จะมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว หากนางรู้ความจริงเข้า นางจะไม่ดึงตนไปตายด้วยกันเลยหรือ

 

 

ซั่งเหมยยกอาหารเข้ามาในห้อง หลายวันมาแล้วที่นายหญิงไม่ได้ทานอาหารจริงจัง นางจึงไม่กล้าทำอาหารที่มันและเลี่ยนมากนัก ด้วยเกรงว่าจะไม่ดีกับกระเพาะและลำไส้ จึงกำชับให้ทางห้องครัวทำกับข้าวที่จืดอ่อนและทานง่าย ไม่รู้ว่าอวี่เหวินลู่ผู้นี้คำพูดเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด เขาบอกว่าสามารถกล่อมให้นายหญิงทานข้าวได้ คำพูดฟังดูแล้วช่างอันตรายยิ่งนัก

 

 

อวี่เหวินลู่ใช้ช้อนตักโจ๊กแล้วยกขึ้นเป่าเสียหลายที ก่อนจะเอ่ยปากหันไปถลึงตาใส่ซั่งเหมยคราหนึ่ง ด้วยเกรงว่านางจะไม่เข้าใจ จึงเอ่ยว่า “เจ้าจะมัวยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ยังไม่ออกไปอีก”

 

 

ซั่งเหมยชี้ไปเฉินยางแล้วชี้มาที่ตนเอง เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้ใจในตัวอวี่เหวินลู่ “นี่คือบ้านนายข้า แน่นอนว่าข้าต้องยืนเฝ้าอยู่ที่นี่”

 

 

“เจ้าอยู่ตรงนี้จะมีประโยชน์อันใด อย่ามายืนทึ่มทื่อที่นี่ รีบออกไปเสีย! นายหญิงเจ้าสารรูปแบบนี้ ข้าทำอะไรนางไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง หากข้าอยากทำอะไรจริง นางเป็นอย่างนี้…ข้าก็ทำไม่ลงหรอก!”

 

 

ซั่งเหมยสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง “ท่าน…เห็นได้ชัดเลยว่าท่านคิดไม่ดีต่อนายหญิงของเราจริงๆ ท่าน…ท่านกล้ารึ! หากท่านกล้าทำอะไรนายหญิงของเราละก็ รอนายท่านกลับมาจะต้องถลกหนังท่านเป็นแน่!”

 

 

เฉินยางทนฟังเสียงพวกเขาดังไม่ไหว จึงพูดด้วยเสียงไร้เรี่ยวแรงว่า “ข้ายังไม่ตาย พวกเจ้าออกไปทะเลาะกันข้างนอกได้หรือไม่”

 

 

ซั่งเหมยเม้มปากด้วยอารมณ์โกรธ เตือนอวี่เหวินลู่ด้วยสายตาอีกครั้ง ก่อนจะออกไปโดยเดินหนึ่งก้าวหันมองสองสามครา

 

 

อวี่เหวินลู่ตักโจ๊กมาหนึ่งคำ เป่าจนเย็นแล้วจึงยกขึ้นจ่อปากนาง “ทานเยอะๆ หน่อยสิ เดี๋ยวก็หิวจนป่วยเอา”

 

 

เฉินยางเบือนหน้าหนี “ข้าไม่กิน ไม่อยากกิน”

 

 

“ไม่อยากกินก็ต้องกิน วันนี้หากเจ้าไม่กินข้าวนี่ ข้าก็จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 624 จะกินเองหรือให้ข้าป้อน

 

 

เฉินยางเม้มปากแน่น “ข้ากินไม่ลง ที่นี่ไม่ต้องให้ท่านมายุ่ง ไปเสียที!”

 

 

“เจ้าให้ข้าไปข้าก็ต้องไปรึ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่เสียหน้าไปหน่อยหรือ” อวี่เหวินลู่บีบปากนางออกยื่นช้อนเข้าไปใกล้ “อย่าอ้วกเชียวนะรู้ไหม” หลังจากนั้นจึงป้อนโจ๊กใส่เข้าไปหนึ่งช้อน แล้วรีบปิดปากนางเอาไว้ ดูจนนางกลืนลงคอ เมื่อแน่ใจว่านางกลืนลงคอแล้วก็รีบตักช้อนที่สอง

 

 

เฉินยางที่ถูกบังคับให้กินไปหนึ่งคำ โทสะก็ตีขึ้นมาทันที “ท่านสมองมีปัญหาหรือไร ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่กินก็ไม่ต้องให้ท่านมายุ่ง ท่านนี่หูหนวกหรือตั้งใจจะยั่วโมโหข้ากันแน่ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์สนใจท่าน ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!”

 

 

อวี่เหวินลู่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่คนถ้อยทีถ้อยอาศัย อดทนอดกลั้นนิสัยเดิมไว้ พูดเสียงต่ำมากล่อมหญิงเพียงคนเดียวก็ไม่ง่ายแล้ว นางไม่รับน้ำใจก็ว่าไป ยังจะมาโกรธอีก ศักดิ์ศรีของเขานี่ยังจำเป็นอยูหรือไม่ ใครบ้างไม่มีความดื้อรั้นอยู่ในตัว ถ้วยอยู่กระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ไม่อ่อนโยนอีกต่อไป “เจ้าคิดว่าข้าเต็มใจมาดูสีหน้าเจ้ารึ ไม่อย่างนั้นข้า…ข้านั่นอะไรเล่า…” เกือบจะหลุดปากพูดไปแล้วเชียว ยังดีที่หยุดปากไว้ทัน แต่ก็คิดข้อแก้ต่างอย่างอื่นที่สมเหตุสมผลไม่ออกแล้ว รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ข้าแค่สงสารเจ้าหรอก และไม่อยากสูญเสียพันธมิตรอย่างเฝิงเยี่ยไป๋ไปด้วย ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นเจ้าตาย เจ้าก็เล่นตัวต่อหน้าข้าให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ข้ามาปรนนิบัติด้วยตัวเองแบบนี้ เจ้าควรพอใจในสิ่งที่ได้รับบ้าง! ผู้อื่นอยากให้ข้าไปปรนนิบัติยังไม่มีวาสนาเช่นนี้เลย!”

 

 

อวี่เหวินลู่มานั่งพูดเองเออเองอยู่คนเดียว เฉินยางหาได้สนใจเขาไม่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วน เพียงรู้สึกว่าวิธีการนี้พ่ายแพ้ยับเยิน แผนกระตุ้นนี่ใช้กับนางไม่ได้ผล แต่อย่างน้อยเมื่อครู่ก็กินไปคำหนึ่ง นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ขบคิดสมองแทบแตก ในหัวคิดออกวิธีหนึ่ง ก่อนหน้านี้อี๋เหนียงแม่รองของเขาป่วยไม่ยอมทานยา พ่อเขาก็ดื่มยาเองเสียหนึ่งอึก หลังจากนั้นนำยาป้อนใส่ปากแม่รองด้วยปากตนเอง ตอนเขาไปเจอฉากนี้เข้าก็หน้าแดงจัดทีเดียว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า วิธีนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดีจริงๆ อย่างน้อยยาถ้วยนั้นแม่รองก็ดื่มลงไปจนหมด นางนั่งมองริมฝีปากของเฉินยางอยู่นาน วิธีการนี้ถูกบ่มอยู่ในใจขยายเบ่งบานเสียใหญ่โต เขาหายใจเข้าลึก ตัดสินใจดีแล้วจึงหันหน้านางกลับมา เอ่ยกึ่งข่มขู่ไปว่า “ข้าจะถามครั้งสุดท้ายอีกรอบ เจ้าจะดื่มหรือไม่ดื่ม หากเจ้าไม่ดื่มละก็ข้าจะเปลี่ยนวิธีการป้อนเจ้าแล้วนะ!”

 

 

เฉินยางหยิกง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของเขา “ปล่อยข้า! บอกแล้วว่าไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านก็อย่ามายุ่ง จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องไร้สาระ”

 

 

อวี่เหวินลู่ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนาง อย่างไรเสียก็ขายหน้าไปจนถึงบ้านท่านยายแล้ว ก็คงไม่ต้องสนใจว่านางจะต่อว่าอีกประโยคหรือสองประโยค ใช้ช้อนคนโจ๊กเสียสองที มองริมฝีปากนางอย่างแน่วแน่ “หากเจ้าไม่ดื่มละก็ ข้าจะป้อนเจ้าด้วยปากของข้าละนะ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นการช่วยชีวิตเจ้า ต่อให้เฝิงเยี่ยไป๋รู้แล้วก็ถือโทษข้าไม่ได้ ข้าเองก็ไม่มีอะไรต้องกลัวด้วย อีกประการหนึ่ง ปากต่อปากกับข้า เจ้าก็ไม่เสียเปรียบ เพราะว่าอย่างไรความงามของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปว่าเฝิงเยี่ยไป๋เลย วันนี้ให้เจ้าเอาเปรียบเสียหน่อยก็มิเป็นไรหรอก!”

 

 

เฉินยางโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ลืมตัวปิดปากตนไว้ หวาดหวั่นจนต้องมองสองตานั้นไว้ “เจ้า…ผู้ดูแลเฉาเล่า ซั่งเหมย! ซั่งเหมย! เรียกผู้ดูแลเฉามาเดี๋ยวนี้!”

 

 

“เจ้าเรียกไปก็ไม่มีประโยชน์ ผู้ดูแลเฉาออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เดาว่าคงไปช่วยเจ้าตามหาลูกชายกระมัง อย่างไรเวลานี้ก็กลับมาไม่ได้หรอก ไม่ต้องรีบนะ พวกเรามีเวลาอีกมาก การช่วยชีวิตดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ต่อให้อีกหน่อยต้องลงไปปรโลก ข้าก็มีเหตุผลโต้แย้งได้ เจ้าว่าเจ้าจะกินเอง หรือว่ารอให้ข้าป้อนดีเล่า”