บทที่ 395 ความตายครั้งแรก (1)
ผมจับข้อมือของบอส
“อะ-อะไรเหรอ? คะ-คิม ฮาจิน? นายจับมือฉันทำไม-”
บอสเริ่มรู้สึกตัวแต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้ลำดับความสำคัญสูงสุดของ
พวกเราคือการหลบหนี
เมื่อรวมกับบอส ผมก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาของอาคารใกล้ๆ
“คิมฮาจิน!”
หลังจากที่พวกเราลงจอดอย่างไร้ที่ติ บอสก็ปัดมือของผมออกไป เธอดูเหมือนจะเขินอายมากกว่าโกรธ
“อย่างน้อยๆ นายควรอธิบายให้ฉันรู้”
“บอสแปลงร่าง”
“…อะไรนะ?”
พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มาก ผมขอให้เธอใช้การแปลงร่างเป็น อสูร
“เร็วเข้า!”
ความแตกต่างก่อนและหลังการแปลงร่างนั้นใหญ่หลวงมากนัก
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าและพลังเวทย์ของเธอจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า แม้แต่คุรุคุรุก็ไม่สามารถฆ่าบอสที่แปลงร่างแล้วด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“… .”
บอสเงยหัวเธออย่างสงสัย แต่ก็ยังปฏิบัติตาม ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและเกราะเงาๆปรากฏขึ้นรอบตัวเธอจาก ณ จุดนี้ผ่านไปเพียง 1 นาที
ดังก้อง …
อย่างไรก็ตามในขณะนั้นผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินไม่นาน
‘Bullet Time’ เปิดใช้งานอีกครั้ง
ความรู้สึกเวลาหยุดนิ่งนั้นยังไม่สามารถทำอะไรมันได้? มันมาเร็วกว่า เมื่อกี้มาก ดูเหมือนว่าผมจะประเมินคุรุคุรุต่ำเกินไป
ก็าซซซซซซซซซซซ… !
บางสิ่งบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากใต้อาคาร สิ่งนั้นแทงทะลุผ่านใจกลางอาคารขณะที่มันกระโดดขึ้นมา มันตัดโครงเหล็กทำลายบันไดหลายสิบชั้นและมาถึงดาดฟ้าในทันที
ชิ้นส่วนที่แตกหักของอาคารถูกโยนขึ้นไปในอากาศ แต่พวกมันก็ลอยอยู่โดยไม่กระจัดกระจาย ในโลกที่เวลาหยุดนิ่งมีเพียงคุรุคุรุเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อกี้มาก
บอสในร่าง อสูร สามารถอ่านการเคลื่อนไหวของมัน เธอปลดปล่อยพลังเวทมนต์ของเธอเพื่อขัดขวาง คุรุุคุรุ และทำลายร่างของแมลงที่พุ่งเข้าใส่เธอ
“…?”
แต่มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคุรุคุรุ การโจมตีพุ่งไปทางซ้าย ที่มันเล็งไว้เป็นผมไม่ใช่บอสอยู่ที่นั่น ไม่นานมันก็ตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายเป็นผม
ความกลัวทำให้ผมตกตะลึงและผมก็พยายามใช้ความสามารถขั้นสูงสุดของผมอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่ผมจะสามารถดึงพลังวิญญาณออกมาได้เคียวของคุรุคุรุก็มาถึงตัวผม
…นี่มันไม่ดีแล้ว
เอเธอร์สร้างบาเรียป้องกันต่อหน้าผม อย่างไรก็ตามเคียวของคุรุคุรุค่อยๆผ่านเข้ามา เคียวที่เปล่งประกายของมันพุ่งใส่เป้าไปที่ร่างกาย
อาวุธร้ายแรงนี้รวมกับความเร็วสายฟ้าไม่สามารถหลบหรือหยุดได้เลย
– ฉึกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ช้าใบมีดแหลมคมก็แทงทะลุหัวใจของผม แม้ว่าเวลาจะไหลผ่านไปอย่างช้าๆแต่ความเจ็บปวดก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากหัวใจของผมความเจ็บปวดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วไปทั่วทั้งร่างกาย
ผมก้มถอยหลัง วิสัยทัศน์ของผมพร่ามัว จิตสำนึกของผมเริ่มเบลอเมื่อหัวใจของผมถูกทำลาย ผมรู้สึกถึงเสียงของโลกที่ลอยไปจากผม
ผมล้มลงพร้อมกับดวงตาเบิกตากว้าง
สิ่งสุดท้ายที่ผมเห็นคือบอส บอสเล็งพลังเวทมนต์ของเธอไปที่ คุรุคุรุ
*************************************************************************
[อังกฤษ – พระราชวังบักกิ้งแฮม]
ในขณะเดียวกันเรเชลมองดูเด็กน้อยบนตักของเธอ ฟี้ๆๆๆๆๆๆ…
‘เด็กคนนี้มาจากไหน’ เธอคิดในขณะที่เธอจ้องมอง อีเวนเดล ที่นอนหลับสนิท
คิมฮาจินบอกเธอว่าเธอเกิดมาจากเมล็ดพันธุ์ นอกจากนี้เขายังอธิบายว่าเธอดูเหมือนเรเชลมากและรับรู้ว่าเรเชลเป็นแม่ของเธอเพราะเลือดของเธอเคยเป็นอาหารของเธอตอนที่เธอเป็นเมล็ดพันธุ์
แน่นอนมันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อทุกสิ่งและเธอรู้สึกไม่พอใจที่เขามา
เปิดเผยการมีอยู่ของเด็กคนนี้หลังจากนั้นถึง 4 ปี
“อืมมมม….”
แต่ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่านี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเด็กคนนี้อยู่ใกล้เรเชลรู้สึกสงบและสามารถแยกความรับผิดชอบและภาระที่ทำให้เธอหนักใจได้ เพียงแค่มองเธอ ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักที่ออกมาจากก้นบึงของหัวใจ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่า … ‘ความสุข’
เรเชลยิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบหน้าผากของ อีเวนเดล ผิวนุ่มๆผมสีทองขนตาสวยๆและดวงตาสีฟ้าเป็นประกาย…ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอช่างน่ารัก
“ผู้คนจะคิดว่าเธอเป็นลูกสาวของเธอ”
เรเชลเงยหน้าขึ้นมาเสียงที่คุ้นเคยของ อาแฮอิน ดังขึ้น อาแฮอิน ยิ้มเบาๆ
“และพ่อก็เป็นคิมฮาจินอย่างนั้นสินะ?”
“…อะแฮ่ม.”
ไม่มีคำตอบ เรเชลแค่ไอแห้งๆ ถ้าเธอเกิดแค่จากเลือดของแม่และพ่อ เธอก็ไม่น่าจะมีพรสวรรค์สูงล้นฟ้าขนาดนี้…หรืออาจจะเป็นอย่างที่ทุกคนคิด อาแฮอิน ตัดความคิดมากเกินไปของเธอออกไป
“ยังไงก็ตามฉันคิดว่าเธอได้ยินจากคิมฮาจินมาแล้ว”
“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าคุณรับผิดชอบการฝึกของ อีเวนเดล”
อาจารย์ของ อีเวนเดล ไม่มีใครอื่นนอกจาก ‘อาแฮอิน’ เมื่อเธอได้ยินจากคิมฮาจินเป็นครั้งแรกเธอรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากได้เห็นพรสวรรค์ของ อีเวนเดล ในสายตาของเธอ เธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เรเชลพูดต่อขณะที่เธอจับแก้มของ อีเวนเดล
“ได้โปรดอย่าเข้มงวดกับเธอมากเลยนะ”
“ฮุฮุ เข้มงวด? เธอไม่รู้เหรอว่าเด็กคนนี้เก่งขนาดไหน”
“…อะไรนะ?”
“ตอนนี้เด็กคนนี้น่าจะตื่นแล้ว เธอแกล้งทำเป็นหลับเพื่อให้เธอสามารถอยู่เคียงข้างแม่ได้นานเท่าที่จะทำได้”
เรเชล มองไปที่ อีเวนเดล โดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นนัยน์ตาที่ปิดสนิทของ อีเวนเดล ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในจิตใจ เธอเห็นแววตาเล็กๆน่ารักแอบมองเธออยู่
“….”
เรเชลแสร้งทำเป็นไม่เห็นและเงยหน้าขึ้นมา
“เห็นไหม เธอตื่นแล้ว”
“ไม่ เธอนอนหลับอยู่”
เรเชลส่ายหัวของเธอแล้ว อาแฮอิน หรี่ตาเธอแคบลง
“เธอ ตามใจเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ”
เฮ้อออออออออออ…เสียงถอนหายใจของ อาแฮอิน ยาวขึ้นมา
เรเชล ลูบหัว อีเวนเดล และมองดูนาฬิกา
เกือบ 8 โมงแล้ว
เป็นเวลาที่เธอจะต้องไปทำงาน
“จะไปทำงานแล้วเหรอ?”
“ใช่.”
เรเชล เลือกที่จะเดินทางระหว่าง Crevon และ โลกทุกวันเพื่ออยู่กับ
อีเวนเดล มอนสเตอร์และภัยพิบัติมักจะปรากฎในเวลาดึกดังนั้นตอนนี้เธอจึงอยู่ที่ Crevon ตั้งแต่ 20.00 น. ถึง 8.00 น
“และสถานการณ์ใน Crevon เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
เรเชลถอนหายใจ เธอเป็นห่วง Crevon แต่ก็เป็นห่วง อีเวนเดล การทดสอบจะจบลงหลังจากที่พวกเขาเอาชนะภัยพิบัติทั้ง 9 ครั้งและปิดประตูภัยพิบัติลงได้
“ไม่สิ ทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นทีละน้อย”
แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างหนึ่ง
“นี่เกี่ยวกับอัศวินใหม่ที่เธอพูดถึงมาก่อนหรือเปล่า”
“ใช่.”
เรเชลพยักหน้า ดังที่ อาแฮอิน กล่าวว่าผู้เล่นใหม่เพิ่งเข้าร่วมกับ
รอยัลไนท์ ในฐานะอัศวิน
“เธอเชี่ยวชาญในการทำสงครามขนาดใหญ่”
เธอแข็งแกร่งเป็น 2 เท่าของมาตรฐานอัศวินทั้งหมด เรเชลยิ้มเบาๆเมื่อคิดถึงรุ่นน้องใหม่ของเธอ
“ถ้าเธอยังคงปีนหอคอยต่อไปเธอจะกลายเป็นผู้ติดอันดับได้อย่างง่ายดาย ฉันต้องขอบคุณเธอ”
มีข้อดีหลายอย่างในการเป็นอัศวินของ Crevon แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ราชวงศ์ได้ให้พวกเขาเซ็นสัญญากับข้อนี้ ‘ฉันจะไม่ละทิ้ง Crevon เพื่อปีนหอคอย’
“อืมและเธอบอกไหมาว่าชื่อของเธอคืออะไร?”
อาแฮอิน ถามและ เรเชล ตอบเบา ๆ
“อืม เธอชื่อ จิน…จินซาฮยอค”
*************************************************************************