ตอนที่ 595 ยาถึงโรคหาย / ตอนที่ 596 ทะเลาะ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 595 ยาถึงโรคหาย 

 

 

 

 

 

ฉู่ป๋ายยิ้มอย่างแหนงหน่าย “ข้าเห็นว่าเจ้ายังต่อปากต่อคำกับข้าได้ ไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างเจ้ายังมีเนื้อหนังหนา เมื่อครู่นี้ข้าเพียงซัดฝ่ามือไม่เท่าไร ไม่ได้หนักหนาถึงเพียงนั้น” 

 

 

“เจ้าน่ะสิหนังหนา!” อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมอง ตัวนางเองบอกว่าตัวเองหนังหนานั้นไม่เป็นไร แต่หากคนอื่นพูดคงเป็นเรื่อง 

 

 

ฉู่ป๋ายเปลี่ยนหัวข้อได้ทันเวลา “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หากเมื่อครู่นี้เจ้าไม่โผล่มาอย่างกะทันหันเช่นนั้น ข้าก็ไม่ทำร้ายเจ้าหรอก หากเจ้าต้องการความรับผิดชอบก็คงจะต้องย้อนกลับไปดูที่ตัวเจ้า ใช่หรือไม่เล่า?” 

 

 

“ไม่ ข้าไม่สน เป็นเจ้านั่นล่ะที่ทำร้ายข้า เป็นเจ้าที่ลงมือ คนที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องเป็นเจ้าอยู่แล้ว” อวี้อาเหราตั้งแง่ ไม่สนเหตุผลใดๆ ที่อีกฝ่ายยกมา ต้องให้ฉู่ป๋ายยอมรับให้ได้ถึงจะยอมหยุด 

 

 

ฉู่ป๋ายลำบากใจ “หากหลิงอ๋องทราบว่าเจ้าไร้เหตุผลเช่นนี้…” 

 

 

“ไม่ต้องมาอ้างเสด็จพ่อเพื่อกดดันข้า เจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่? มิเช่นนั้นข้าจะป่าวประกาศไปให้ทั่ว ให้คนได้รู้กันทั้งใต้หล้าว่าเซิ่นซื่อจื่อเป็นคนเช่นไรกันแน่” อวี้อาเหราว่า นางมาที่นี่แล้วก็มีแต่เสียเปรียบไม่รู้กี่ครั้ง อย่างไรก็ไม่อาจปล่อยเขาไปได้ 

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างติดจะรำคาญอยู่บ้าง “เอาเช่นนี้ ข้าจะฝังเข็มให้เจ้าเอง รับรองว่ายาถึงโรคหาย ไม่ต้องกินยาเลยแม้แต่น้อย” 

 

 

ฝังเข็มหรือ? อวี้อาเหรานึกถึงประสบการณ์ที่บาดเจ็บจนต้องฝังเข็มในครั้งก่อน แล้วจึงส่ายหน้าขึ้นเป็นพัลวัน 

 

 

ฉู่ป๋ายลังเลขึ้นมาแล้ว “นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา ที่แท้เจ้าจะเอาอย่างไรกัน?” 

 

 

“ข้าต้องการให้เจ้าชดใช้…” นางยังไม่ทันที่จะพูดคำว่าเงินออกไป ด้านนอกก็เกิดเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็ได้ยินเสียงหานสือดังเข้ามาอย่างร้อนรนแล้วตัดบทนาง  

 

 

“ซื่อจื่อ บ่าวไร้ความสามารถ ทำให้คุณหนูรองเข้ามารบกวนเวลาฝึกพลังยุทธ์ของท่าน…” 

 

 

อวี้อาเหราหันกลับไปถลึงตามอง มาตอนไหนไม่มา ดันมาตอนที่นางกำลังจะบอกให้เขาชดใช้ด้วยเงินเสียนี่ 

 

 

หานสือที่จู่ๆ ก็โดนจ้องมอง ก็รู้สึกหัวลุกหัวชัน 

 

 

“อ้อ?” ฉู่ป๋ายถามขึ้นโดยพยายามที่จะสงบจิตใจ “เมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” 

 

 

“เรียนซื่อจื่อเมื่อครู่นี้คุณหนูรองพาเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้บุกเข้ามา ให้คนทั้งสองพยายามขวางทางบ่าวเอาไว้ จากนั้นคุณหนูรองก็เข้ามาโดยพลการขอรับ” หานสือเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ค่อยๆ อธิบายทีละคำจนกระจ่าง  

 

 

ฉู่ป๋ายพยักหน้าด้วยความเข้าใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอวี้อาเหรา “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่เข้ามาเอง เพราะฉะนั้นก็ต้องรับผิดชอบที่ตัวเจ้าบาดเจ็บเอง เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า?” 

 

 

“ใครบอกว่าไม่เกี่ยวกัน” อวี้อาเหราพูดด้วยน้ำเสียงห่อเ**่ยว แต่ก็พยายามที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “เป็นเจ้าที่ทำร้ายข้าจนบาดเจ็บแท้ๆ และเรื่องก็เกิดขึ้นที่จวนเซิ่นอ๋องของเจ้าด้วย เจ้าจะไม่ยอมชดใช้เป็นเงินให้ข้าได้อย่างไร” 

 

 

“ชดใช้เป็นเงินหรือ? ที่แท้เจ้าก็อยากได้เงินนี่เอง” ฉู่ป๋ายทำราวกับเพิ่งรู้ ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะทำให้เจ้าบาดเจ็บ แต่เป็นเจ้าที่เข้ามาเองโดยไม่ยอมฟังหานสือ เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าเจ้านั้นรนหาที่ อีกอย่างแม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นที่จวนเซิ่นอ๋อง แต่เจ้าอย่าได้ลืมว่านี่เป็นห้องลับ คนอื่นไม่อาจเข้ามาได้ แต่เจ้ากลับเดินเข้ามาเอง แล้วจะโทษใครได้?” 

 

 

“ถึงที่สุดแล้ว เจ้าก็จะไม่ยอมชดใช้ให้ข้าใช่หรือไม่?” อวี้อาเหราไม่สนใจเหตุผลอื่น ยังคงถามเขาตรงๆ เช่นนี้ 

 

 

ฉู่ป๋ายพยักหน้า “ไม่น่ะสิ” 

 

 

“เจ้า!” อวี้อาเหราโกรธขึ้นมา 

 

 

ฉู่ป๋ายยิ้มออกมาอย่างสาสมใจ เสียงหัวเราะราวกับดังมาจากที่ไกลๆ  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 596 ทะเลาะ 

 

 

 

 

 

“เจ้าอยากจะทะเลาะกับข้ามากหรือ? ที่นี่คือจวนเซิ่นอ๋อง มีองครักษ์มากมายนับไม่ถ้วน ตัวเจ้าอย่างมากก็มีเพียงองครักษ์แค่สิบคนเท่านั้น อย่างไรก็คงไม่ชนะ อีกอย่างแม้ว่าข้าจะไม่มีพลังยุทธ์แล้ว แต่ในห้องลับนี้ยังมีอาวุธอยู่มากมาย เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” 

 

 

นี่เขากำลังขู่กันหรือ? 

 

 

 อวี้อาเหราตกลงไปในหลุมคำขู่ของเขาเต็มที่ “เจ้าร้ายกาจนัก ข้าไม่เอาค่าชดใช้จากเจ้าแล้วก็ได้!” 

 

 

“ต้องอย่างนั้นสิ” รอยยิ้มของฉู่ป๋ายดูนิ่งเรียบ จากนั้นจึงถามนางด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อครู่นี้ใครเป็นคนบอกเจ้าเรื่องห้องลับนี่กัน” 

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” อวี้อาเหราชะงัก เมื่อครู่นี้นางไม่ได้ปากสว่างเลยนะ 

 

 

ฉู่ป๋ายยิ้มเล็กน้อย “แม้เป็นคนของจวนเซิ่นอ๋องเองก็คงไม่ค่อยมีใครรู้จักห้องลับนี้ ยิ่งเป็นคนนอกยิ่งไม่มีทางรู้ แม้จะเป็นเจ้าเอง ก็คงจะหาไม่เจอ อีกอย่างเจ้ามาที่จวนเซิ่นอ๋องสักกี่ครั้งกันเชียว?” 

 

 

“มีคนบอกข้าจริงๆ แต่ข้าบอกเจ้าไม่ได้ว่าใคร” อวี้อาเหราไม่ยอมบอก 

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก แล้วจึงหัวเราะ “แม้เจ้าไม่บอกข้าก็พอเดาได้ นอกจากเกอเอ๋อร์แล้วก็ไม่มีใครกล้าที่จะบอกเจ้าแน่ และมีไม่มากคนนักหรอกที่จะรู้ว่ามีห้องลับอยู่ตรงนี้” 

 

 

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว จะมาถามข้าทำไม?” อวี้อาเหราว่าอย่างเหลืออด 

 

 

รอยยิ้มของฉู่ป๋ายดูอบอุ่น “ก็แค่ลองถามดูเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าใช่เกอเอ๋อร์หรือไม่” 

 

 

“เมื่อครู่นางมารบเร้าว่าอยากกินหม้อไฟ จากนั้นพอได้ยินว่าน้องสามกลับมาแล้วก็รีบไปจวนหลิงอ๋อง” อวี้อาเหราตอบพลางลูบแขนข้างที่เจ็บ มองไปทางหานสือที่อยู่ข้างๆ แต่กลับไม่เห็นเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ตามมาด้วย เช่นนั้นจึงกระแอมแล้วถามว่า “เจ้าทำอะไรสาวใช้ของข้า?” 

 

 

ไม่ตามมาด้วย หรือว่าโดนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว? 

 

 

หานสือรีบอธิบายทันที “พวกนางเห็นท่านเข้ามาแล้วจึงไม่ได้ตามเข้ามาด้วย ตอนนี้ยืนรออยู่ข้างนอกขอรับ” 

 

 

หลังจากที่ฉู่ป๋ายได้ยินนางพูดแล้วก็นิ่งไป “เจ้าว่าอะไรนะ?” 

 

 

“อะไรล่ะ” อวี้อาเหราตกใจ มองเขาที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน 

 

 

ฉู่ป๋ายยังคงถามต่อไป “เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า เกอเอ๋อร์ไปหาน้องชายของเจ้าหรือ?” 

 

 

“ใช่น่ะสิ เจ้ามีปัญหาอะไร…” อวี้อาเหราพยักหน้าลง มองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมของเขา 

 

 

ฉู่ป๋ายไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ใครใช้ให้เจ้าบอกนางให้ไป?” 

 

 

“เหตุใดถึงได้กลายเป็นข้าบอกให้นางไปกัน นางเพียงได้ยินว่าอวี้จื้อกลับมาแล้ว นางก็ไปของนางเอง” อวี้อาเหราขมวดคิ้วอย่างผู้บริสุทธิ์ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าเคร่งขรึมของเขาอีกครั้ง ก็ก้มหน้าลงอย่างห่อเ**่ยว น้ำเสียงยิ่งเบาบางลงเรื่อยๆ จากนั้นก็เหมือนรู้ตัว นางจะรู้สึกผิดไปทำไมกัน นางไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย 

 

 

เหตุใดจะต้องตกใจกับสีหน้าเช่นนั้นของเขาด้วยนะ? 

 

 

ฉู่ป๋ายหันไปสั่งความกับหานสือ “เจ้ารีบไปที่จวนหลิงอ๋องเดี๋ยวนี้ ไปเรียกเกอเอ๋อร์กลับมา หากนางไม่ยอมกลับก็จับตัวมา อย่าได้ปรานี” 

 

 

“แต่ซื่อจื่อ ท่านหญิงนั้น…” หานสือไม่กล้านัก หากจะต้องทำเช่นนั้นจริงๆ แม้ว่าท่านหญิงน้อยจะไม่กล้าทำอะไรพี่ชายตัวเองเท่าไร แต่ก็จะทำให้เหล่าองครักษ์วุ่นวายใจได้ 

 

 

“รีบไปสิ!” สีหน้าของฉู่ป๋ายแข็งกระด้าง ออกคำสั่งอย่างไม่ปรานี 

 

 

“ขอรับ” เมื่อหานสือเห็นท่าทีของเขาแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก 

 

 

หานสือจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็พิจารณาสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นอะไรไป?” 

 

 

เหตุใดพอรู้ว่าฉู่เกอไปหาอวี้จื้อแล้วท่าทีจึงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม 

 

 

ฉู่ป๋ายไม่พูดอะไรไปชั่วขณะ ทว่าสายตาก็ยังคงจ้องมองมาที่นาง “ออกไปก่อนแล้วจะบอก” 

 

 

“อ้อ” อวี้อาเหราเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงสงบปากสงบคำอย่างรู้งาน ไม่บีบบังคับให้เขาพูดอีก