1786-3 vs 1787-1 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1786-3

ดูเหมือนยัยนี่จะนิ้วแข็งเกร็งเชียว ฉินมั่วแววตาหนักอึ้ง ไม่พูดอะไร ทางด้านหลินเฟิงเปิดดูโพสต์ข่าวก่อนเพื่อน

อันที่จริงไม่ต้องเสิร์จหาหรอก เพราะฮือฮามากในเว็บออฟฟิเชียล แค่เปิดหน้าเพจก็เห็น มีคอมเมนต์โต้ตอบถึงหนึ่งหมื่นทั้งยังเพิ่มไม่หยุด

สมาชิกในทีมต่างล้อมวงกันดู พออ่านจบ ต่างก็เดือดดาลจนแทบจะทุ่มคีย์บอร์ดลงพื้น

คนพวกนั้นเข้าใจอะไรบ้างไหม พวกเขาแค่อยากแข่งร่วมกันอย่างเต็มที่ สักนัดก็ยังดี แค่อยากแข่งจนใจจะขาด

แม้ว่าหัวหน้าจะเสียความทรงจำไป ก็ยังอุตส่าห์นั่งฝึกถึงสิบชั่วโมงเพื่อจำสกิลของตัวละครในเกมให้ได้ เพื่ออะไร? คนพวกนี้เข้าใจบ้างหรือเปล่า?

แต่มันดันไม่ได้มีแค่โพสต์เดียวนี่สิ เพราะนอกจากโพสต์นี้แล้ว ยังมีอีกโพสต์ที่ร้อนแรงแบบคลื่นใต้น้ำ จนเริ่มจะคุมกระแสไม่ไหว ยังรวมถึงอารมณ์ของเหล่าแฟนคลับ “เกิดเรื่องใหญ่อย่างนี้ ในฐานะที่เป็นแฟนคลับเก่าแก่ของทีมไดมอนด์ ฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนแฉเรื่องนี้ออกมา เรื่องแบบนี้มีแต่คนในทีมทั้งนั้นแหละที่รู้ ยังมีหน้ามาพูดว่าสนิทยังกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ตั้งแต่แบล็กพีช Z เข้ามา ทีมก็ไม่เคยสงบ เรื่องแบบนี้ใครกันที่น่าจะรู้เป็นคนแรก ยังอุตส่าห์เปิดเผยออกมาอีก ฉันรู้สึกว่าพวกเราควรจะต้องหาตัวต้นตอให้เจอ!”

โพสต์แบบนี้มีชั้นเชิงเรียกทัวร์มาลง แต่แฟนคลับบางคนไม่เข้าใจ ก็ตอบตรงๆ ว่า นอกจากแบล็กพีช Z แล้ว คำตอบส่วนมากโน้มเอียงไปที่หลินเฟิง พวกเขาให้เหตุผลง่ายๆ ว่า เพราะชายหนุ่มเป็นคนช่างพูด คงไม่บอกใครง่ายๆ แต่โดนแฟนคลับนั่นแหละที่เปิดเผยออกมา”

หลินเฟิงเห็นโพสต์ที่ว่า ก็รีบมองสีหน้าของเพื่อนร่วมทีม “เปล่านะ ถึงฉันจะปากเร็ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีวันซี้ซั้วพูดแน่ ฉัน…” ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงของกระแทกพลันดังขึ้น! โดยโคโคที่นิ่งมาตลอดคว่ำคีย์บอร์ด “ฉันทนไม่ไหวแล้วเว้ย!”

คนที่อารมณ์ดีและน่ารัก เวลาโมโหที ยิ่งทำให้คนแทบหัวใจช็อก โคโค่ยืนขึ้นราวกับใช้กำลังกับการคว่ำคีย์บอร์ดจนหมดสิ้น “เล่นเกม เราเล่นเกมไปทำไม มันเป็นอาชีพบ้าอะไรวะ จะต้องเจอกับคนมากตั้งเท่าไร ความชอบแบบนี้ แม่งพวกมันเรียกว่าชอบหรือไงวะ? คนที่รู้จักคำว่าชอบ เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอก ฉันเหลือทนกับคำว่าชอบแล้วนะเว้ย แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ออกจากวงการดีกว่า ช่างหัวการแข่งแม่งมันไปเลย ใครอยากแข่งก็แข่งไป ถ้าฉันยังแตะมันอีกนะ ฉัน…”

“โคโค่!” ป๋อจิ่วรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้ ก่อนจะกระชากตัวหนุ่มน้อยแสนน่ารักมาไว้ในอ้อมกอด หางตาเลิกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเครือ “อย่าพูดว่าเสียใจ แล้วอย่าสาบานอะไรบ้าๆ แบบนี้ นายเป็นนักกีฬาลีกส์อาชีพ สิ่งที่คนเล่นลีกส์อาชีพต้องทำคือ ไม่ว่าจะได้ยินอะไร เจออะไร ก็ต้องทำใจกับมันให้ได้ เพราะไม่มีวันที่จะไม่มีด้านร้าย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้านายลาออก พวกคนที่รักนายสนับสนุนนาย ยึดนายเป็นไอดอลนายในการฝ่าฟันอุปสรรค อยากเห็นนายทุกวัน แม้จะสักนิดก็ยังดี ต่อให้จะไม่ได้พูดด้วยก็ตาม นายจะให้เขาทำยังไง?”

 ————————————

ตอนที่ 1787-1

โคโค่ได้รับการปลอบโยนเช่นนี้ รู้สึกซาบซึ้งมาก! แต่พอจะหันกอดเจ้าแบล็กคืน กลับเงยหน้าเห็นรอยยิ้มของหัวหน้าเสียก่อน รอยยิ้มนั่นสื่อความหมายสั้นง่ายว่าลองกอดกลับดูสิ ฉันจะหักมือนายให้ดู

โคโค่ช็อกในทันใด เอ่ยในใจว่าเจ้าแบล็กเอ๊ย นายจะปลอบฉันก็ปลอบไปดิ กอดฉันทำไม อยากให้หัวหน้าจับฉันให้ม้าแยกร่างใช่ไหม

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ โคโค่ก็หดมือกลับ รีบควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง นั่นไง หากเทียบกับการโดนก่นด่าทางอินเทอร์เน็ตแล้ว เขากลัวสายตาของหัวหน้าเสียยิ่งกว่า!

ป๋อจิ่วเสียใจ เวลาอย่างนี้ น้องโคโค่ฝ่ายรับควรจะต้องซาบซึ้งใจในตัวเธอให้มากเป็นทวีคูณไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลัวถึงขนาดนี้? เธอยังคงขมวดคิ้ว

บรรยากาศในทีมเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าทำไมโคโค่ถึงได้มีท่าทีแบนั้น ต่างกลั้นหัวเราะกันใหญ่ หลินเฟิงเหมือนได้ระบายออกมา “แก้ไขปัญหากันเถอะ”

ใช่ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องแก้ไข นี่แหละเป็นสไตล์ของพวกเขา หากแก้ไขไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันใหม่ พวกเขาเชื่อว่าเฟิงอี้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนจะดำเนินการอะไรยังไง คงต้องรอจนฟ้าสว่างถึงจะรู้

ช่วงเวลาตั้งแต่ตีสามจนถึงแปดโมงเช้า เป็นอะไรที่ทรมานมากที่สุด ป๋อจิ่วจึงเสนอความเห็น “ไปพักกันก่อนเถอะ พักการซ้อมไว้ก่อน ยิ่งเป็นแบบนี้ จะต้องแจ่มใสเต็มที่เวลาเจอนักข่าว ฉันเดาว่าจิ้งจอกเฟิงต้องมีแผนการรองรับไว้แล้ว พวกเรารอสายจากเขากันดีกว่า”

“ได้” อินอู๋เย่าลุกขึ้นเป็นคนแรก ยกมือนวดต้นคอตัวเอง “ผ่อนคลายสักนิดก่อนแข่งเป็นเรื่องสำคัญ ถ้านอนไม่หลับก็เล่นไพ่กัน”

“เล่น เล่นไพ่ได้” เฟิงซ่างหน้าแดง “ฉันละ เล่น เล่นไพ่เก่งนะ”

ป๋อจิ่วหัวเราะ “งั้นก็เล่นไพ่ ฉันจับคู่กับพี่มั่ว”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “แน่ใจนะว่าฉันเล่นเป็น”

“พี่มั่ว สบายใจได้ ต่อให้พี่เสียความทรงจำไปแล้ว แต่เรื่องคำนวณตัวเลข ไม่มีใครชนะพี่ได้” ป๋อจิ่วพูดเสียงเบา

ฉินมั่วหยักยิ้มมุมปาก “นี่เธอชมฉันใช่ไหม?”

“แหงสิ” ป๋อจิ่วจัดคอเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย “เดี๋ยวฉันช่วยพี่เลือกไพ่ ไม่ได้โม้นะ ฉันมือทองเชียวล่ะ”

10 นาทีหลังจากนั้น ฉินมั่วดูใครบางคนเลือกไพ่ คิ้วขมวดมุ่น “นี่เหรอที่บอกว่ามือทอง” โดยป๋อจิ่วที่เลือกไพ่ห่วยๆ มาได้สามครั้งติดก็เซ็งเหมือนกัน ทำไมไพ่นกกระจอกถึงไม่ไว้หน้าเธอบ้างเลย

“พี่มั่ว อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก เลือกไพ่บ่อยๆ เดี๋ยวก็เรียงเป็นรูปแบบสือซานยาว[1]ได้” ป๋อจิ่วพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเอง

ฉินมั่วหัวเราะอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “รอจนเธอเลือกจนสือซานยาว คนอื่นก็ชนะไปแล้ว”

ป๋อจิ่วบ่นในใจ…เรื่องที่คนอื่นรู้กันทั่วหน้า ยังต้องพูดออกมาอีกทำไม

“พี่มั่ว ไหนพี่บอกว่าพี่เล่นไพ่ไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?”

ฉินมั่วเลิกคิ้ว กวาดตามองไพ่นกกระจอกที่ถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างคร้านๆ เอ่ยเสียงเรียบ “เกมง่ายๆ แบบนี้ ฝึกรอบเดียวก็คุ้นแล้ว” ว่าแล้วก็กำข้อมือเธอ ส่วนมืออีกข้างเลือกไพ่ จากนั้นก็ดันไปข้างหน้า “เลือกตรงพอดี ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วน[2]”

ทุกคนตะลึงงัน หลินเฟิงรู้สึกเหมือนถูกทำร้าย “ตาเมื่อกี้ฉันโยนไพ่นี้ออกมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนั้นหัวหน้าถึงไม่กินรวบละ?”

“เรอะ” ฉินมั่วเฉยๆ “คงเพราะฉันเล่นไม่ค่อยเก่ง”

ฉันเชื่อก็บ้าแล้ว ตัวเองเลือกไพ่เอง จะได้ชนะ โอเคป่ะ

หลินเฟิงเกาศีรษะ หันไปหาหนุ่มน้อยเฟิงซ่างที่บอกว่าตัวเองเล่นไพ่เก่ง ซึ่งตอนนี้กำลังจัดเรียงไพ่อยู่!

อายบ้างไหม นี่เรอะที่เรียกว่าเล่นเก่ง? ท่าทางเจ้าเด็กเฟิงซ่างเองก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเล่นเก่ง ส่งผลให้ป๋อจิ่วแฮปปี้ไปเลย เธอเริ่มเก็บเงิน

[1] สือซานยาวเป็นวิธีการเรียงไพ่นกกระจอกรูปแบบหนึ่ง โดยไพ่นกกระจอกจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ไพ่ตัวเลข (3 แบบย่อย) และไพ่ตัวอักษร (2 แบบย่อย) ปกติแล้วผู้เล่นจะต้องมีไพ่ 13 ใบ จะเปลี่ยนตัวไพ่ไปตามลำดับ การเรียงแบบไพ่สือซานยาวจะต้องมีไพ่ตัวเลข 1 และ 9 ครบทั้งสามแบบ และมีไพ่ตัวอักษรที่ไม่เหมือนกันอีก 7 ใบ เมื่อมีการดึงใบที่ 14 จะต้องได้เหมือนกับหนึ่งในไพ่ทั้ง 13 หากทำได้ผู้เล่นจะชนะเกม

[2] ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วน ผู้ที่ไพ่ตัวเลขประเภทเดียวกันล้วนจะถือเป็นผู้ชนะ แต่ต้องได้แต้มตามที่หลักการกำหนดไว้