ตอนที่ 692 คุณต้องการอะไร
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรรักผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป แต่ว่าเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ เพื่อเผยหนานเจวี๋ยแล้ว เธอจะไม่แม้กระทั่งคว้าโอกาสดีๆ นี้ไว้เชียวหรือ
“ฉันเพิ่งวางแผนที่จะเปิดตัวชุดแต่งงานใหม่ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นฉันจะเข้าร่วมแข่งขันการออกแบบระดับนานาชาติครั้งใหญ่ เพราะอย่างนั้นฉันก็จะไม่มีเวลามาก” ฉู่เจียเสวียบอกเหตุผลออกไปตามตรง เธอไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของพวกเขาเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับเผยหนานเจวี๋ย
เธอแยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวได้เสมอ งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็คือเรื่องส่วนตัว ไม่ควรเอามาปนกัน
กงจวิ้นฉือยิ้มออกมาน้อยๆ ยังคงรักษาท่าทีไว้ “ผมเข้าใจแล้ว เอาเถอะ ในเมื่อคุณมีเรื่องต้องทำ ทางผมก็จะไม่ฝืนใจ”
“ขอโทษด้วยค่ะ หวังว่าคราวหน้าพวกเราจะได้ร่วมงานกัน” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอย่างมีมารยาท เมื่อมองไปที่กงจวิ้นฉือ เธอรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองค่อยๆ ห่างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ
“ครับ” กงจวิ้นฉือยิ้มออกมาเล็กน้อย ตอนนี้ร่างสูงใหญ่ของเขาลุกขึ้นยืนจากโซฟา และมองต่ำไปที่เธอ
ฉู่เจียเสวียนก็ลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน หุ่นที่เพรียวบางนั้นมีกลิ่นอายที่มีเสน่ห์แผ่ซ่านออกมา
“ผมไม่ได้กินข้าวกับคุณนานแล้ว เราไปกินด้วยกันไหม” กงจวิ้นฉือเอ่ยปาก น้ำเสียงอบอุ่นดังขึ้น ฉู่เจียเสวียนคิดแล้วก็พยักหน้า พอดีเลย เธอก็จะได้คุยกับเขาให้เข้าใจ
“ค่ะ” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า
“ไปเถอะ” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากอย่างอ่อนโยน มองดูฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดเสียงเบา
ฉู่เจียเสวียนหันหลังเดินไปที่ประตูก่อน กงจวิ้นฉือเดินตามเธออยู่ด้านข้าง ชายหล่อหญิงสวย ทันทีที่ทั้งสองคนออกไปที่บริเวณสำนักงาน พวกเขาก็ดึงดูดสายตาขี้อิจฉานับไม่ถ้วนทันที
ทั้งสองเข้าไปในลิฟต์โดยไม่พูดอะไรออกมา ทันใดนั้นเองฉู่เจียเสวียนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับกงจวิ้นฉือดี
ทั้งๆ ที่ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันขนาดนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนกลายเป็นน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอต้องการจะเห็น
ในใจของเธอกงจวิ้นฉือคือเพื่อนที่ดีของเธอมาตลอด เธอไม่ต้องการให้มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” กงจวิ้นฉือยิ้มเอ่ยเบาๆ พร้อมมองดูใบหน้าที่งดงามของเธอ
มีความโลภอยู่ในแววตา ทว่ากลับมีความเย็นชามากกว่า
“เปล่า ผมแค่รู้สึกว่าคุณเปลี่ยนไป” ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เธอมักจะมีความรู้สึกที่ไม่ดีนัก
“คนเราเปลี่ยนไปเสมอ ก็เหมือนกับใจของคน” กงจวิ้นฉือพูดอย่างเฉยเมย ทั้งๆ ที่น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ฉู่เจียเสวียนกลับรู้สึกปวดใจเมื่อได้ยิน
เขากำลังโทษเธอเหรอ? หรือว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ ไม่ได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้
“คุณอยากกินอะไร” เมื่อออกมากจากลิฟต์กับฉู่เจียเสวียน กงจวิ้นฉือก็พาฉู่เจียเสวียนไปที่รถของเขา
“แล้วแต่คุณเลย” ฉู่เจียเสวียนไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย เธอแค่ไม่ต้องการขัดใจเขาก็เท่านั้นเอง
“ถ้าอย่างนั้นผมเลี้ยงก็แล้วกัน” กงจวิ้นฉือเปิดประตูรถเพื่อให้ฉู่เจียเสวียนเข้าไปข้างใน เขาปิดประตูรถ เดินไปนั่งที่เบาะคนขับแล้วสตาร์ทรถออกไป
รถออกจากที่จอดรถ ขับตรงไปยังใจกลางเมือง
ภายในรถเงียบงัน ฉู่เจียเสวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ทำได้เพียงมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ
จิตใจของเธอล่องลอยไปนานแล้ว เธอไม่รู้ว่าทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ หรือว่าเมื่อเป็นคนรักกันไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกันไม่ได้จริงๆ เหรอ
ในตอนนี้กงจวิ้นฉือดูเป็นคนแปลกหน้ามากสำหรับเธอ กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก แม้ว่าเขาจะดูไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อน แต่ฉู่เจียเสวียนรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
ขณะที่กำลังเหม่อลอย รถก็หยุดลง
“ถึงแล้ว” น้ำเสียงอันอ่อนโยนของกงจวิ้นฉือดังขึ้น เรียกสติของฉู่เจียเสวียนให้กลับมา
เมื่อเปิดประตูและลงจากรถ ฉู่เจียเสวียนมองไปที่อาคารกระจกทรงกลม ความประหลาดใจวูบผ่านในแววตา เธอเพิ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก
ตอนที่ 693 ชอบหรือเปล่า
เมือง A มีสถานที่ดีแบบนี้ เธอไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย
“ที่นี่คือ?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นี่คือศูนย์กลางทางทิศตะวันออกของเมือง A ร้านนั้นชื่อว่า ‘ติ่งเก๋อ’ ไปกันเถอะ” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากเพื่อคลี่คลายความสงสัยของฉู่เจียเสวียน และเดินนำไปข้างหน้าก่อน
เมื่อเขาพบสถานที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก ก็อยากจะพาเธอมาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็น แต่กลับมีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้น เขาจึงไม่มีเวลาพาเธอมา
ไม่คาดคิดว่าเมื่อพาเธอมาที่นี่ในตอนนี้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแล้ว เธอก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
บางครั้งคุณต้องบอกว่าพระเจ้าชอบเล่นตลกจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่สามารถวิ่งหนีได้ แต่อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นเสมอ
ฉู่เจียเสวียนเดินอยู่ข้างๆ กงจวิ้นฉือ ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน อาคารด้านในทำด้วยกระจกทั้งหมด เมื่ออยู่ภายในสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมือง A ได้อย่างชัดเจน
กงจวิ้นฉือพาฉู่เจียเสวียนไปจนถึงชั้นดาดฟ้า ทั้งสองนั่งลงในตำแหน่งที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม ด้านในมีคนทานอาหารไม่มากนัก ในร้านอาหารนี้ ยิ่งชั้นสูงราคาก็ยิ่งแพง
แน่นอนว่าชั้นดาดฟ้ามีราคาแพงที่สุดแล้ว
“คุณผู้หญิงคุณผู้ชายครับ นี่เมนูครับ” บริกรเดินเข้าไปที่ด้านข้างของทั้งสองและพูดขึ้นด้วยความเคารพ
“ดูสิว่าคุณจะกินอะไร” กงจวิ้นฉือส่งเมนูให้ฉู่เจียเสวียนโดยตรง ให้เธอสั่งอาหาร
ฉู่เจียเสวียนก็ไม่ได้รีรอ หยิบเมนูขึ้นมาดู อาหารข้างในก็ไม่ได้ต่างจากที่อื่นสักเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นอาหารสไตล์ตะวันตก
“ฉันขอสเต็กมีเดียมเวลที่หนึ่งค่ะ ขอบคุณ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวเสียงเบา พยักหน้ากับบริกรอย่างสุภาพ
“เหมือนกันครับ” กงจวิ้นฉือไม่ดูเมนูเลยสักนิด สั่งสเต็กเหมือนกับฉู่เจียเสวียนทันที
“ได้ครับ รอสักครู่นะครับ” บริกรเก็บเมนูแล้วถอยออกไป
ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ห้องอาหารกระจกสุดเก๋ไก๋ ความชื่นชมปรากฏอยู่ในแววตา
“ชอบที่นี่หรือเปล่า” กงจวิ้นฉือเอ่ยปากขึ้นทำลายความเงียบ มองดูสีหน้าของเธอ ความเจ็บปวดในใจของเขายังคงสาหัสอยู่
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า บนใบหน้ามีรอยยิ้ม “คุณรู้จักที่นี่ได้ยังไง”
“เมื่อก่อนเคยพาลูกค้าคนหนึ่งมากินข้าวน่ะ” กงเอ่ยปากอธิบาย
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า มันเป็นเรื่องปกติมากที่จะเข้าสังคมในฐานะนักธุรกิจ ดังนั้นเธอจึงไม่แปลกใจ
สเต็กถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เมื่อฉู่เจียเสวียนได้กลิ่นหอมของเนื้อสเต็กก็กลืนน้ำลาย ดูเหมือนเธอจะไม่เคยมีความต้านทานต่ออาหารเลย
“พวกเรากินกันเถอะ” ฉู่เจียเสวียนพูดเสียงเบา หยิบมีดกับส้อมแล้วลงมือกิน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสชาติหรือเปล่า ฉู่เจียเสวียนคิดว่าสเต็กที่นี่ไม่ได้อร่อยเป็นพิเศษ สู้สเต็กที่ไปกินด้วยกันกับเผยหนานเจวี๋ยก่อนหน้านี้ไม่ได้
เมื่อเห็นว่าฉู่เจียเสวียนไม่ได้มีท่าทีสนใจ กงจวิ้นฉือจึงเอ่ยปากขึ้น “ไม่ถูกปาก?”
“เปล่าค่ะ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มอ่อน เอ่ยปากปฏิเสธ
กงจวิ้นฉือหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สำหรับเขาแล้ว การได้กินข้าวกับเธอ ไม่ว่าจะกินอะไรก็อร่อย
“จวิ้นฉือ ตอนนี้คุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” หลังจากฉู่เจียเสวียนครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยปากถาม
เธอจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าคุณย่าเป็นครอบครัวคนเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ญาติสักคนเลยด้วยซ้ำ เขาจะต้องทุกข์ทรมานมากสินะ
“จะเป็นอะไรได้” กงจวิ้นฉือหัวเราะเบาๆ ดวงตาที่มืดมนหลุบต่ำลง
“จวิ้นฉือ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าไปคิดเลยนะ ฉันหวังว่าต่อไปคุณจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เชื่อว่าคุณย่าที่อยู่บนสวรรค์ก็ไม่ต้องการเห็นคุณไม่มีความสุข” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากปลอบประโลม
“ผมรู้” กงจวิ้นฉือยังคงตอบอย่างเฉยเมย ไม่มีซึ่งอารมณ์ใดๆ