ตอนที่ 736 หมดทางให้ถอย
แม้พวกเขาจะรู้ว่าตอนนั้นฟางหลิงซู่เป็นคนส่งอันหลิงเกอให้ฝ่าบาทและร่วมมือกับฮ่องเต้เพื่อหลอกใช้นางทำร้ายมู่จวินฮาน ทำให้อันหลิงเกอคิดว่าชีวิตช่างน่าสังเวชเพราะถูกคนทำร้ายและหลอกใช้ครั้งแล้วครั้งเล่า
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้ว อันหลิงเกอก็อยากรีบไปช่วยมู่จวินฮานโดยเร็วที่สุดเพราะตอนนี้ฟางหลิงซู่ได้ขึ้นเป็นประมุขเผ่าแล้วไม่มีเรื่องให้กังวลอีกต่อไป ดังนั้นจะต้องทุ่มเทกับการทรมานมู่จวินฮานกว่าเดิมแน่นอน
“ชิงเฟิง เราจะลงมือคืนนี้” น้ำเสียงเยือกเย็นของอันหลิงเกอแฝงไปด้วยความหดหู่ แต่ชิงเฟิงเห็นถึงความหนักแน่นของนาง เพราะเขารู้ว่าการที่อันหลิงเกอสามารถกล่าวเช่นนี้ออกมาได้ก็ถือว่าได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เชิงเฟิงจึงพยักหน้ารับ จากนั้นก็รีบจัดเตรียมองครักษ์สองถึงสามคนมาร่วมวางแผนกับอันหลิงเกอทันที เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจะขาดการร่วมมือกันมิได้ ทั้งต้องเข้าใจซึ่งกันและกันด้วย
ส่วนอันหลิงเกอก็เชื่อใจชิงเฟิง นางรู้ว่าเขาทำทุกอย่างรอบคอบเสมอ ดังนั้นต้องมิเผยช่องโหว่อันใดแน่ นางจึงทำตามที่เขาบอกเพราะรู้ว่ากำลังจะทำสิ่งใดและทราบผลลัพธ์ในครั้งนี้แล้ว
เนื่องจากนางคิดไว้แล้วจึงซ่อนมีดสั้นไว้ด้ามหนึ่ง หากครั้งนี้นางตกอยู่ในมือของฟางหลิงซู่อีกก็ขอยอมตายเสียดีกว่าต้องมาเป็นภาระแก่มู่จวินฮาน นางไม่มีทางปล่อยให้ฟางหลิงซู่ใช้ประโยชน์จากตนได้อีก
แม้ตอนนี้นางมิทราบว่ารู้สึกเช่นไรต่อมู่จวินฮานและฟางหลิงซู่ เพราะกำลังสับสนอย่างมาก แต่นางสามารถแยกแยะได้ว่าตอนนี้มู่จวินฮานดีต่อนางด้วยใจจริง ส่วนฟางหลิงซู่แค่ต้องการใช้ประโยชน์จากนางเท่านั้น
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น อันหลิงเกอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมพร้อมและรอให้ฟ้ามืด นางรู้ว่าสถานที่บุกเข้าไปครั้งนี้คือคุกใต้ดินของเผ่าปิงชวน แต่ชิงเฟิงเตรียมการไว้หมดแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้เผ่าปิงชวนเพิ่งมีประมุขเผ่าคนใหม่ ดังนั้นนางจึงเชื่อว่าเวรยามต้องหละหลวมอย่างแน่นอน
ทว่าบรรยากาศของคุกใต้ดินมิดีเท่าไร เมื่อฟ้าเริ่มมืด ฟางหลิงซู่ก็เข้ามาในคุกใต้ดินแล้วตอนนี้ก็เต็มไปด้วยโทสะและต้องการระบายอารมณ์อยู่พอดี
‘เพียะ’
ฟางหลิงซู่เพิ่งเข้ามาถึงก็ฟาดแส้เข้ากับผนังทันที จากนั้นก็ฟาดเข้าที่หน้าอกของมู่จวินฮาน เป็นเหตุให้มู่จวินฮานลืมตาขึ้นมาเพราะความเจ็บปวดทำให้ทนมิไหว
เดิมทีบาดแผลที่หัวไหล่ก็ยังมิหาย เลือดยังไหลออกมามิหยุดและการที่ฟางหลิงซู่ออกแรงกับแส้เต็มแรงก็ทำให้ตัวเขาสั่นไปพักหนึ่ง เหงื่อยังไหลลงมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
“มู่จวินฮาน ! ” ฟางหลิงซู่กัดฟันเรียกชื่ออีกฝ่าย ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้วเพราะอันหลิงเกอถูกคนช่วยออกไปจึงทำให้ไฟโทสะมาลงอยู่ที่แส้และตัวมู่จวินฮานทั้งหมด
แต่หลังจากมู่จวินฮานเห็นท่าทีของฟางหลิงซู่ในเวลานี้ก็รู้สึกว่ามันน่าขันสิ้นดี จากนั้นใบหน้าที่เย็นชาก็ฉีกยิ้มอย่างเบื่อหน่ายออกมา
เมื่อฟางหลิงซู่เห็นท่าทางที่มู่จวินฮานยิ้มเยาะเช่นนั้นก็เพิ่มแรงในมือมากกว่าเดิม บาดแผลบนตัวมู่จวินฮานจึงกลับมามีเลือดไหลอีกครั้งและหยดลงบนชุดสีเหลืองทองของฟางหลิงซู่
“ตอนนี้คงเรียกเจ้าว่าประมุขหอกู่พิษมิได้อีกแล้ว เพราะในที่สุดตำแหน่งประมุขเผ่าปิงชวนก็เป็นของเจ้า” แม้คำพูดประโยคนี้ของมู่จวินฮานจะฟังเหมือนไม่มีปัญหาอันใด แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการประชดประชันจนทำให้ฟางหลิงซู่รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“วันนี้ข้าจักคืนความแค้นของข้า ความแค้นของอันหลิงเกอและทุกอย่างให้เจ้า ! ” ฟางหลิงซู่ใกล้เข้าขั้นเสียสติไปแล้ว เขาสะบัดแส้ในมือมิหยุดทำให้มู่จวินฮานรู้สึกปวดร้าวไปทั้งกาย
กระทั่งแส้ในมือของฟางหลิงซู่ได้ขาดลง เขาถึงยอมหยุดมือ ต่อจากนั้นก็ใช้สายตาที่เดือดดาลจ้องมู่จวินฮานอยู่เยี่ยงนั้นราวกับอยากสังหารให้ตาย
ฟางหลิงซู่มิได้ทำเพื่อตราอาญาสิทธิ์นั้นแล้ว แต่ทำเพราะอยากทรมานอีกฝ่ายเท่านั้น เขาไม่มีที่ให้ระบายและพยายามค้นหาทั่วเผ่าปิงชวนก็ยังหาตัวอันหลิงเกอมิพบ
แต่เขามิเชื่อว่าอันหลิงเกอจากไปเช่นนี้หรอก นางต้องกลับมาช่วยมู่จวินฮานแน่นอน ชิงเฟิงคงซ่อนตัวนางไว้อย่างดี เขาถึงตามหานางมิพบเท่านั้นเอง
ในเวลานี้อันหลิงเกอก็มาถึงหน้าต่างด้านนอกคุกใต้ดินแล้ว เนื่องจากชิงเฟิงเคยมาที่นี่ ครั้งนี้จึงหาห้องขังของมู่จวินฮานได้อย่างรวดเร็ว และทั้งสองกำลังหมอบอยู่ตรงขอบหน้าต่างเพื่อมองสถานการณ์ในห้องขัง
ตอนนี้มู่จวินฮานยังถูกแขวนไว้ที่เดิม เมื่อเห็นแส้ที่ขาดอยู่บนพื้นก็ทำให้อันหลิงเกอใจสั่น เหตุใดฟางหลิงซู่จึงโหดร้ายเช่นนี้ และอันหลิงเกอก็เห็นฟางหลิงซู่เดินเข้ามาใกล้มู่จวินฮานพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ
“วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้จักคำว่าอยู่มิสู้ตาย” ฟางหลิงซู่เดินมาหามู่จวินฮานและยกมือขึ้น แต่แล้วทันใดนั้นก็ปล่อยมือลงข้างตัวอีกครั้ง
ส่วนอันหลิงเกอที่อยู่ด้านบนก็แทบทนมิไหวอีกต่อไป ทว่าพอเห็นฟางหลิงซู่หยุดเคลื่อนไหว นางก็สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง นางเฝ้าสังเกตสถานการณ์ต่อไปเพราะยังมิใช่เวลาเหมาะสมต่อการลงมือ หากประมาทแม้แต่น้อยพวกนางก็อาจแพ้ได้
“ชิงเฟิง หากอีกประเดี๋ยวข้าทนมิได้ เจ้าจงจำไว้ว่ามิต้องตามมา เพราะข้าเชื่อในแผนของเจ้า” อันหลิงเกอกระซิบบอกชิงเฟิงที่ก็เข้าใจความหมายของนางจึงพยักหน้ารับทันที
ตอนนี้ฟางหลิงซู่สั่งให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว หากนางออกไปแสดงตัวเพียงคนเดียว เขาจะต้องไม่เรียกทหารเข้ามาแน่นอนและนั่นอาจเป็นชัยชนะเพียงเล็กน้อยที่มี แต่ถ้าชิงเฟิงลงไปด้วย เรื่องก็คงมิออกมาง่ายดายเช่นนั้น
เวลานี้เสียงของฟางหลิงซู่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“มู่จวินฮาน รู้หรือไม่ว่าเจ้าโชคดีเพียงใด สำหรับเกอเอ๋อแล้ว ข้ารักนางมิแพ้เจ้าเลย แต่อย่างไรข้าก็ไม่ได้รับความรักจากนาง”
“นางยอมรอคอยคนเยี่ยงเจ้า แม้เจ้าเป็นบุรุษที่แบกภาระเต็มไปหมดและมิอาจดูแลนางให้ดีได้ แต่นางก็มิยอมหันมามองข้าเลย ! ”
ฟางหลิงซู่ยังกล่าวต่อ ทว่าอันหลิงเกอที่อยู่ด้านบนพอที่ได้ฟังแล้วดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา นางรู้ดีว่าสำหรับฟางหลิงซู่แล้วเห็นนางเป็นเยี่ยงไรและก็รู้ว่าเป็นนางเองที่บีบเขาจนมาถึงจุดนี้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเดิมทีนางจะยอมรับในตัวข้าอยู่แล้ว หากมิได้เป็นเพราะอุบายของประมุขเผ่าหรือเพราะเรื่องของเจ้าถูกเปิดโปง เป็นความผิดของพวกเจ้าทำให้นางไปจากข้า และครั้งนี้ข้าคงมิได้พบนางอีก”
ตอนนี้ฟางหลิงซู่เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วพร่ำบ่นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังใจสลาย อันหลิงเกอจึงรู้สึกใจอ่อนไปชั่วขณะแต่เมื่อเห็นบาดแผลบนตัวมู่จวินฮานแล้ว นางก็ยืนหยัดได้อีกครั้ง
ความดีที่มู่จวินฮานมีต่อนางทำให้นางละอายใจมากเหลือเกิน
ส่วนฟางหลิงซู่ก็ทำให้พวกนางเข้าใจผิดกันมากมาย !
“สมน้ำหน้า ฟางหลิงซู่ ! ” มู่จวินฮานหัวเราะอย่างเย็นชาราวกับว่ามิเคยได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดมาก่อน
“ข้าหรือ ? ” ฟางหลิงซู่ก็หัวเราะออกมา “แม้ข้าสมควรโดนเช่นนี้แต่สุดท้ายก็แยกพวกเจ้าออกจากกันได้ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้ไปเยือนขุมนรกพร้อมเหล่านายทหารของต้าโจวแล้ว ! ”
เสียงเพิ่งเงียบลง ดวงตาของฟางหลิงซู่ก็เหมือนแปดเปื้อนไปด้วยโลหิต ความแค้นที่เขามีต่อมู่จวินฮานมากเกินไปแล้ว
มิใช่แค่เรื่องของอันหลิงเกอแต่ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ตอนนี้เขาได้เอาความล้มเหลวของตนทั้งหมดมาลงที่มู่จวินฮานคนเดียว
“เช่นนั้นหรือ ? ” มู่จวินฮานกล่าวพร้อมคลี่ยิ้มออกมา ท่าทางเยี่ยงนี้ทำให้ฟางหลิงซู่โมโหกว่าเดิม
จนถึงตอนนี้แล้วมู่จวินฮานยังกล้าทำตัวโอหังอีกหรือ !