การเปลี่ยนบทบาท
ซ่า**!**
เมื่อมู่เฉินพุ่งลงไปในลาวา อุณหภูมิสูงก็ปะทะเข้ามาอย่างรุนแรง เขาเร้าวิชากายาเทพสายฟ้าจนถึงขีดสุด ยิ่งกว่านั้นยังแผ่คลื่นหลิงปกป้องตัวเองไว้ด้วย ทว่าก็ยังรู้สึกถึงความแสบร้อนบนผิวหนัง
ฟิ้ว!
มู่เฉินเปลี่ยนเป็นร่างแสงพุ่งผ่านลาวาทะยานไปยังจุดลึกสุดอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายที่จะทำ แต่ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ เพื่อบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม เขาต้องลองสักตั้งถึงจะอันตรายยังไงก็ตาม
สามารถพบเห็นฝูงอสรพิษเพลิงวิญญาณแหวกว่ายในลาวา มู่เฉินไม่อยากไปยุ่งกับพวกมันมากจึงหลีกเลี่ยงไปอย่างระมัดระวังและมุ่งหน้าต่อไป
ประมาณไม่กี่สิบอึดใจ มู่เฉินก็พลิ้วตัวลงในระยะหนึ่งพันลี้ของบ่อเพลิงข่ายฟ้า ลาวาที่นี่มีสีม่วงอ่อนเนื่องจากอุณหภูมิสูงถึงระดับที่น่ากลัวมากแล้ว
แม้แต่วิชากายาเทพสายฟ้าของมู่เฉินยังยากที่จะอดทนกับอุณหภูมิสูงเช่นนี้
ซี้ด
มู่เฉินสูดลมหายใจเบาๆ อึดใจจิตใจก็เคลื่อนไหว เส้นใยเพลิงสีม่วงเข้มปรากฏบนผิวกายถักทอเป็นเยื่อไฟห่อหุ้มร่างของเขาไว้
อุณหภูมิสูงน่ากลัวลดลงในตอนนี้
เพลิงสีม่วงเข้มก็คือเพลิงอมตะ แม้อุณหภูมิในบ่อเพลิงข่ายฟ้าจะสูง แต่ก็ไม่สามารถเจาะผ่านปราการป้องกันของเพลิงอมตะได้ ก่อนหน้าเนื่องจากมู่เฉินต้องการฝึกฝนจึงไม่ได้เร้าขึ้นมาใช้ แต่ตอนนี้ในเมื่อเขาต้องล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีอายุมากขึ้น จึงเป็นเรื่องดีที่จะเริ่มใช้
วาบ!
เมื่อมีเกราะเพลิงอมตะ ความเร็วของมู่เฉินก็เพิ่มขึ้น ไม่กี่นาทีเขาก็พุ่งลึกลงไปกว่าสองพันจั้ง คลื่นหลิงที่บรรจุอยู่ในลาวาป่าเถื่อนจนน่าตกใจ ลาวาบางส่วนถึงขนาดควบแน่นเป็นกลุ่มเพลิงลอยอยู่บนพื้นผิว
นอกจากนี้สิ่งที่ประหลาดที่สุดก็คือบริเวณรอบลาวาที่ควบแน่นราวกับกลายเป็นพื้นที่สุญญากาศ ไม่มีลาวาใดสามารถเข้าไปในพื้นที่นั้นได้แม้แต่น้อย
มู่เฉินพลิ้วตัวลงบนหินลาวาขนาดใหญ่ก็สัมผัสได้ในทันทีว่าแรงกดดันโดยรอบหายไปในพริบตา ราวกับว่าหินลาวานี้สามารถต้านทานแรงกดดันและอุณหภูมิสูงในส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้าได้
“เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดจริงๆ”
มู่เฉินลองกระทืบเท้า หินลาวาก็ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทำให้เขาอดชื่นชมไม่ได้ มหาพันภพช่างเต็มไปด้วยสิ่งลี้ลับนานัปการจริงๆ
“แต่ทำไมไม่เห็นอสรพิษเพลิงวิญญาณสักตัวเลยล่ะ?” มู่เฉินกวาดสายตาไปรอบๆ ก็พึมพำกับตัวเอง เพราะเขาเหมือนจะไม่เห็นอสรพิษเพลิงวิญญาณแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งแตกต่างจากการมารวมตัวกันหนาแน่นที่ส่วนบนโดยสิ้นเชิง
ขณะที่มู่เฉินกวาดสายตาอย่างสงสัย หินลาวาควบแน่นที่อยู่ไม่ไกลก็ระเบิดออก หางงูขนาดใหญ่แหวกผ่านลาวาฟาดใส่มู่เฉินจังใหญ่
การโจมตีฉับพลันทำให้สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป เขากระทืบเท้าล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
หางฟาดลงมา ทำลายหินลาวาจนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่วนร่างของมู่เฉินก็ถูกกวาดจากคลื่นกระแทกต้องถอยออกไปหลายสิบก้าวอย่างทุลักทุเลก่อนจะทรงตัวได้
สีหน้าเคร่งขรึมมองไปก็เห็นอสรพิษเพลิงวิญญาณขนาดใหญ่ขดตัวอยู่ในลาวา ร่างใหญ่โตยิ่งกว่าทุกตัวที่เขาเคยเห็นมา
“เจ้าตัวดีนี่ อายุอย่างน้อยก็สี่ร้อยปีเชียวล่ะ!”
มู่เฉินสูดหายใจลึกสุดปอด ขนาดของอสรพิษใหญ่กว่าตัวที่มีอายุร้อยปีสองถึงสามเท่า จากการประเมินของเขาตัวนี้อย่างน้อยก็ต้องมีอายุประมาณสี่ร้อยปี
ระดับพลังของอสรพิษเพลิงวิญญาณตัวนี้คงไม่ด้อยกว่าฉิงเปยแล้ว
นี่คืออสรพิษยักษ์ที่ยากจะจัดการ
ชี่! ชี่!
อสรพิษเพลิงวิญญาณจ้องมองมู่เฉินอย่างดุร้าย จากนั้นมันก็ไม่ลังเลที่จะอ้าปากกว้างปล่อยลำแสงลาวาสีแดงพุ่งใส่มู่เฉิน
พลังที่อยู่ในแสงลาวาไม่ใช่สิ่งที่อสรพิษเพลิงวิญญาณที่มู่เฉินปะทะก่อนหน้าสามารถเทียบได้ ดังนั้นเขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย แสงสีทองระเบิดจากด้านหลัง ร่างเทพสุริยะถูกเรียกขึ้นมา
ตึง!
ฝ่ามือทองคำและแสงลาวาปะทะกัน ลมพายุน่ากลัวก็กวาดออกมา ทำให้หินลาวาที่ลอยอยู่หลายก้อนแตกสลาย
ร่างมู่เฉินปรากฏบนหัวของร่างเทพสุริยะ สายตาคมกริบมองอสรพิษเพลิงวิญญาณที่กำลังโกรธเกรี้ยวเขม็ง เขาวาดตราประทับสองมือ จุดจื้อจุนไห่ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาด้านหลัง พร้อมกับเสียงคำรามของมังกรและคชสาร
ฟิ้ว!
มังกรและคชสารอย่างละสองตัวพุ่งออกมาในเวลาเดียวกัน ควบแน่นเป็นวงแสงมังกรคชสาร สุดท้ายภายใต้การชี้นิ้วออกไปของมู่เฉิน วงแสงก็ฉีกผ่านมิติว่างเปล่า
มู่เฉินใช้วิชาเก้ามังกรคชสารไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาตั้งแต่ปะทะกระบวนท่าแรก เขาทราบดีว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณตัวนี้ทรงพลังเพียงใด ดังนั้นจึงไม่คิดลองมือ
ชี่! ชี่!
อสรพิษเพลิงวิญญาณเงยหน้าขึ้นคำรามลั่นฟ้า เกล็ดบนตัวชูชันเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย
ตู้ม! ตู้ม!
วงแสงสีแดงหนาแน่นไร้ที่สิ้นสุดระเบิดออกจากร่างของอสรพิษเพลิงวิญญาณ มองดูแล้ว ก็ราวกับปราการเป็นชั้นๆ ป้องกันร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณ
สิ่งนี้สิ่งเดียวก็แสดงให้เห็นถึงพลังของอสรพิษเพลิงวิญญาณตัวนี้ที่เหนือกว่าตัวที่มู่เฉินเคยเจอเมื่อก่อนหน้าแล้ว เพราะมู่เฉินไม่เคยเห็นการป้องกันทรงพลังเช่นนี้จากอสรพิษเพลิงวิญญาณก่อนหน้าเลย
แต่มู่เฉินก็มั่นใจในวิชาเก้ามังกรคชสารเช่นกัน ตอนนั้นแม้แต่ฉิงเปยก็พ่ายแพ้ เขาไม่เชื่อหรอกว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณที่ไม่มีสติปัญญาจะรอดชีวิตไปได้!
ฟิ้ว!
จานแสงมังกรคชสารปรากฏเหนือร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณ ภายใต้การหมุนคว้างเร็วจี๋ ก็เพิ่มความคมกริบที่สามารถฉีกทุกสรรพสิ่งได้ เมื่อบวกกับพลังมังกรคชสารแล้วก็ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งได้
จานแสงมังกรคชสารพุ่งผ่านอย่างรวดเร็ว อึดใจเดียวปราการป้องกันรอบร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณก็ถูกฉีกออกจากกัน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแหลม
เมื่อเขามองตรงไปก็เห็นอสรพิษเพลิงวิญญาณถูกตัดเป็นสองท่อน ผลที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มกริ่มอย่างพึงพอใจ ภายใต้พลังสังหารของวิชาเก้ามังกรคชสาร ทุกสิ่งล้วนถูกจัดการเรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
ตู้ม!
ทว่าก่อนที่มู่เฉินจะผ่อนคลายลง เขาก็เห็นอสรพิษเพลิงวิญญาณที่ถูกตัดพล่านเป็นสองท่อนอ้าปากกว้างอย่างดุร้าย ปล่อยลำแสงรุนแรงพุ่งตรงมาหาล้อมรอบร่างเขาไว้
ตึง!
ร่างเทพสุริยะยกแขนไขว้กัน ต้านลำแสงสีแดงด้วยร่างใหญ่โต แต่บนแขนก็มีรอยร้าวเกิดขึ้น
มุมปากของมู่เฉินกระตุก เขาไม่คิดว่าพลังชีวิตของอสรพิษเพลิงวิญญาณจะทรงพลังปานนี้ ขนาดถูกฟันขาดเป็นสองท่อนก็ยังดิ้นรนได้จนถึงระดับนี้
“แก่นเพลิงวิญญาณของเจ้าต้องเป็นของข้า” มู่เฉินส่งเสียงขึ้นจมูก เขาไม่เชื่อหรอกว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณที่ถูกฟันขาดจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ฟ่อ!
ทว่าขณะที่มู่เฉินเตรียมจัดการขั้นเด็ดขาด อสรพิษเพลิงวิญญาณกลับไม่ได้กระโจนเข้าใส่ทางด้านหน้า แต่หันหลังหนีไป ทำเอามู่เฉินตกใจไป เขาไม่คิดว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีอายุสี่ร้อยปีตัวนี้ไม่เพียงจะมีพลังแก่กล้า มิหนำซ้ำยังรู้วิธีที่หลบหนีอีกด้วย แตกต่างจากอสรพิษเพลิงวิญญาณที่เผชิญมาก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
จิตใจมู่เฉินเคลื่อนไหว ร่างเทพสุริยะก็ไล่ตามไปกระชั้นชิด ยากเหลือเกินกว่าจะเจออสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีค่าเช่นนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้มันหนีไปได้หรอก
ตู้ม!
ทว่าทันทีที่กำลังจะพุ่งตาม มู่เฉินก็รู้สึกขนลุกชันฉับพลัน อันตรายที่ไม่อาจอธิบายได้ผุดขึ้นมาในหัวใจ ซึ่งความรู้สึกนี้ทำให้การควบคุมร่างเทพสุริยะของมู่เฉินหยุดนิ่งกลางคัน
ปัง!
ในส่วนลึกเข้าไป ร่างสีแดงพุ่งขึ้นมาด้วยความเร็วไม่อาจอธิบายได้ จากนั้นก็ม้วนตัวพันรอบร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณ ก่อนที่เข็มสีแดงจะเจาะเข้าไปในหัวอสรพิษ
อสรพิษเพลิงวิญญาณดิ้นรนรุนแรง แต่ไม่กี่อึดใจร่างก็เหี่ยวแห้ง ดูแล้วราวกับว่าถูกสูบจนฟีบไปหมด
มู่เฉินตะลึงไปขณะมองภาพนี้ จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงอย่างติดขัด มองเห็นร่างครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์ว่ายวนอยู่ในส่วนลึกของลาวา
มันมีหัวเป็นแมงป่องหางเป็นอสรพิษ ซ้ำยังมีหางพิษส่องประกายแสงเยือกเย็นอีกด้วย คลื่นหลิงน่ากลัวปลดปล่อยออกมาจากร่าง
ความผันผวนนี้ทรงพลังกว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณอายุสี่ร้อยปีไปไม่รู้เท่าไร
อึก
มู่เฉินกลืนน้ำลายรู้สึกถึงฝ่ามือที่เย็นเฉียบ เขาไม่คิดว่าจะมีสัตว์ครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษทรงพลังลึกลับเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่ในจุดลึกของลาวา มิน่าล่ะถึงไม่มีอสรพิษเพลิงวิญญาณอยู่ในบริเวณนี้!
สายตาไร้อารมณ์ของสัตว์ครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษเบนมาหยุดที่ร่างของมู่เฉิน มันไม่มีสติปัญญาใดๆ มีเพียงจิตสังหารและความรุนแรง
มู่เฉินสูดอากาศเข้าปากคำใหญ่ วินาทีต่อมาร่างเทพสุริยะข้างใต้ก็สลายไป ขณะเดียวกันเขาก็พุ่งตัวหลบหนีราวกับภูตผี
สัตว์ครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษสีแดงมีพลังที่ตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถต่อกรได้ มู่เฉินรู้ว่าหากไม่หนีไปตอนนี้ ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกับอสรพิษเพลิงวิญญาณ
แม้เขาจะรู้สึกปวดใจกับแก่นเพลิงวิญญาณอายุสี่ร้อยปี แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ชัดว่าชีวิตเขาสำคัญกว่า
มู่เฉินหนีเอาชีวิตรอด ตอนแรกเขาตั้งใจจะหนีขึ้นไปด้านบน แต่หินลาวาที่ลอยอยู่กลับกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับเขาแล้ว สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้วิ่งเป็นเส้นตรงออกไป
ขณะวิ่งหนีสุดชีวิต หางตาของมู่เฉินก็กวาดไปทางด้านหลัง การเหลือบมองนี้ทำให้เขาโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น เพราะเขาเห็นไอ้ตัวครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษลึกลับพุ่งตัวผ่านลาวาไล่ตามมาติดๆ
ชัดว่ามันไม่คิดจะปล่อยเขาที่เป็นเหยื่อไป!
“นรกเอ๊ย!”
มู่เฉินสบถพลางขบฟันแน่น เขาไม่คิดเลยว่าการออกล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณ กลับมากลายเป็นเหยื่อแทน…
วาบ!
มู่เฉินเร่งความเร็วถึงขีดสุด เริ่มหนีอย่างบ้าคลั่ง ที่เบื้องหลังมีตัวครึ่งแมงป่องครึ่งอสรพิษสีแดงที่มีพลังน่ากลัวไล่กวดมาติดๆ
รังสีสังหารแผ่ออกมาจากส่วนลึกของลาวา บทบาทระหว่างผู้ล่าและผู้ถูกล่าสลับกันอย่างเงียบๆ