“ มีการเคลื่อนไหวทางตะวันออก แต่ความแข็งแกร่งนั้น …. ”

ผู้เฒ่าหกมองไปยังแสงสีฟ้าที่ที่พุ่งตรงไปยังเป้าหมายของพวกเขาจากทิศตะวันออก และพูดอย่าเยือกเย็ย

“ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นคือสวรรค์เชวียน คนพวกนี้ทะเยอทะยายเล็กน้อย … พวกเขาจะไม่เป็นปัญหากับท่านเลยพี่สาม ดังนั้นพวกเราจะมุ่งหน้าไปทางใต้ ”

ผู่อาวุโสสาม พยักหน้าอย่างสุภาพขณะที่ เพื่อนของเขาสองคน อ้าแขนและพุ่งไปทางใต้ราวกับดาวตก

ผู้อาวุโสหก และผู้อาวุโสเก้าตัดผ่านพายุ และพุ่งตรงไปยังเป้าหมายใหม่ของพวกเขา ผู้อาวุโสหกอ้าปากและตะโกนออกไปเสียงดังกังวาล

“ เมืองพายุหิมะขาวขอทักทายพี่ฉีฉางเซียว และเฟ้ยเมิงเฉิน ! ”

ร่างของฉี่ฉางเซี่ยวหยุดกลางอากาศในทันที และเขาเริ่มมองอย่างว่างเปล่ามายังผู้อาวุโสจากเมืองพายุหิมะขาวทั้งสอง

“ นั่นพวกเจ้าหรือ ! ”

เฟ้ยเมิงเฉินหยุดและจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา

“ โลกช่างเล็กเหลือเกิน และไม่รู้เลยว่าเจ้าจะได้เจอใครในวันนี้ ข้าไม่เคยคิดว่าพวกเราจะได้มาเจอ ผู้อาวุโสสาม หก และเก้าจากเมืองพายุหิมะขาวที่นี่ ยินดีที่ได้พบท่าน ! ”

เขาตระหนักได้ว่ามีผู้อาวุโสสองคนจากสามคนมาพบกับพวกเขา และคนที่สามนั้นจะต้องมุ่งหน้าไปหาแกนเชวียน ซึ่งเป็นเหตุให้เขาเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง และหวังว่าฉี่ฉางเซียวจะเข้าใจความหมาย

แม้ว่าการต่อสู้แย่งชิงแกนเชวียนนี้จะเป็นงานที่ยากพอสมควร  แต่จะปล่อยให้คนของเมืองพายุหิมะขาวได้มันไปโดยไม่ถามอะไรเลยนั้นมันง่ายเกินไป มีผู้อาวุโสสามคนที่อยู่ในขั้นเทพเชวียน ซึ่งการจะต่อสู้กับพวกเขาหนึ่งหรือสองคนนั้นพอจะเป็นไปได้สำหรับฉีฉางเซียว แต่การจะรับมือกับพวกเขาทั้งสามนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยแม้ด้วยฝีมือในระดับเขา

ฉีฉางเซียวยิ้มขณะที่เขาพยักหน้า แต่ดวงตาระดับเทพเชวียนของเขานั้นยังคงจับจ้องไปยังผู้ที่เข้ามาขวางทางทั้งสองขณะที่เขาพูดอย่างสงบนิ่ง

“ หลบไป ! ”

“ ท่านกำลังจะไปใหนท่านพี่ ? ”

ผู้อาวุโสเก้ายิ้ม

“ บอกพวกเรามา เนื่องด้วยพวกเราเป็นเพื่อนเก่ากัน และหากพวกท่านทั้งสองมีเรื่องสำคัญ พวกเราจะช่วยหลีกทางให้หากพวกเจ้าต้องการ ”

“ ท่านคิดว่าท่านจะหยุดข้าได้อย่างนั้นหรือ ? ”

ฉีฉางเซียวคำรามทางจมูก

“ แม้แม้ฮั่นเฟิงฉือก็ไม่อาจที่จะมีความกล้าเช่นนี้ ! ”

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นเทพเชวียน แต่ฉีฉางเซียวนั้นเป็นหนึ่งใหนแปดยอดฝีมือ ซึ่งหมายความว่า ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นเทพเชวียน ในทางตรงกันข้าม ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสทั้งสามจากเมืองพายุหิมะขาวนั้นยังคงอยู่ในขั้นเทพเชวียนพื้นฐาน และนี่ความความแตกต่างอย่างมาก ! เดิมทีแล้ว ฉีฉางเซียวนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะพูดเช่นนี้ เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเขาเลย แต่เฟ้ยเมิงเฉินและคนอื่นๆนั้นจะเป็นกังวล พวกเขานั้นกลัวอย่างมากว่าจะโดนจัดการในระหว่างการต่อสู้

“ พี่ฉี อย่าได้มากความ พวกเราไม่เห็นผู้ใดอื่น และตอนนี้พวกเราก็ได้พบกันในยามราตรีที่น่ารื่นรมย์ และพร้อมกับฤดูใบไม้ร่วงที่มีฝนพรำนี้ ทำให้มันเป็นค่ำคืนที่ดี … พวกเราคงจะต้องนั้งลงก่อน และดื่มชาที่แสนพิเศษที่ข้าได้นำมาจากเมืองพายุหิมะขาว ”

ผู้อาวุโสหกกำลังพูดอย่างไร้สาระ เขายังเรียกพายุฝนกระหน่ำนี้ว่า ฝนพรำ และเรียกท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพายุนี้ว่า ความรื่นรมย์ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเชื่อเชิญ ราวกับชวนให้เพื่อนมาดื่มชา !

“ ฮ่าฮ่า … ”

ฉีฉางเซี่ยวหัวเราะออกมา เขาหัวเราะดังขึ้นและดังขึ้น ราวกับเขาจะแทนที่เสียงฟ้าร้องด้วยเสียงหัวเราะ !

มีเส้นสายของฟ้าผ่าฟุ่งผ่านท้องฟ้า แต่มันเผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดราวกับศพบนใบหน้าของทุกคน !

ฉีฉางเซี่ยวออกกระบวนท่าในเวลาเดียวกันที่แสงของฟ้าผ่าสว่างขึ้น และประทับฝ่ามือของเขาลงไปที่หน้ากของผู้อาวุโสหกและเก้า ในทันที !

“ ท่านนั้นมีค่าเพียงพอที่จะได้เป็น ยอดฝีมือ ท่านพี่ ! ”

ผู้อาวุโสหกและเห้าตะโกนสวนกลับมาในเวลาเดียวกันที่เขาทำการหลบการโจมตี

แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน พวกเขาทั้งคู่ก็รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถรับมือกับคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ได้ และทำได้แค่เพียงถ่วงเวลาไว้เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เฟยเมิงเฉินนั้นกำลังรออยู่ด้านข้างเพื่อหาจังหวะที่ดี ผู้อาวุโสหกและเก้าไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมพลังปราณทั้งหมด และออกกระบวนท่า !

พวกเขายิงมันออกไปในเวลาเดียวกัน แต่ก็พบว่าการโจมตีของพวกเขาไม่ได้ผล และร่างของพวกเขาลอยถอยหลังไปท่ามกลางสายฝน เฉี้ยง เฉี้ยง และทันใดนั้นกระบี่สี่เงินสองเล่มก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า

มันคือกระบี่บิน !

กำแพงหิมะปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่ชายทั้งสองเข้ามาขวางเส้นทางของเขาอีกครั้ง !

ฉีฉางเซี่ยวคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองจะไล่ตามฮั่นเฟิงฉีทันแล้ว นอกจากนั้น ทักษะด้านกระบี่ของพวกเจ้าก็ไปขึ้นระดับอาจารย์แล้ว ! ”

พวกเขาโจมตีด้วยกระบี่ แต่เขาก็สามารถหลบกระบี่เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

“ เป็นดั่งเช่นท่านพี่ว่า ข้าไล่ทันฝีมือของฮั่นเฟิงฉีแล้ว ”

ร่างของผู้อาวุโสหกเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติในท้องฟา ขณะที่ลมปราณทั้งหมดของเขารวมตัวกันและพุ่งพล่านออกมา

“ เช่นนนั้นไม่ต้องออมมือ ! ”

ฉีฉางเซียวคำรามขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว แม้ว่าผู้อาวุโสหกจะบอกว่าเขานั้นไม่ล้าหลังกว่าฮั่นเฟิงฉีแล้ว แต่เขาก็ยังคงตามหลังยอดฝีมือในชีวิตจริงอยู่ ดังนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขายังไม่เหมาะสมกับคนอย่างฉีฉลางเซียวเลยแม้แต่น้อย ร่างของพวกเราเริ่มหมดไปรอบๆในอากาศ ราวกับค้างความท่ามกลางท้อฟ้ายามค่ำคืน ก่อให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ทันใดนนั้นเอง ร่างของฉีฉางเซี่ยวก็หยุดลงกระทันหันกลางอากาศ จากเริ่มมีเงามากมายพุ่งออกมาจากร่างของเขาในทันที ทำให้เกิดภาพที่แปลกประหลาดและน่าสับสนขึ้นบนท้องฟ้า ราวกับว่ามีฉีฉางเซียวจำนวนหนึ่งอยู่ในทุกที่ … ในเลาเดียวกัน !

วูป !

มีเสียงแหลมแสบแก้วหูดังออกมาเมื่อร่างทั้งหมดนั้นร่วงลงมากระทบเข้ากับกำแพงหิมะ และทำลายมันนจนแตกเป็นชิ้นๆ !

ในเวลาเดียวกัน เฟยเมิงเฉิน พุ่งผ่านผู้อาวุโสหกราวกับความเร็วแสงและมุ่งหน้าไปสู่กระทุ่มขนาดเล็กนั้น !

เขาเลือกช่วงเวลาได้สุดยอด !

ผู้อาวุโสหกและเก้ามีเพียงตัวเลือกแค่สองทางในตอนนี้ หนึ่งหยุดเฟ้ยเมิงเฉิน หรือสอง หยุดการโจมตีของฉีฉางเซียวไม่ให้สังหารพวกเขา ! ไม่มีทางที่พวกเขาสามารถไปขัดขวางเฟ้ยเมิงเฉินได้ในขณะที่ปัดป้องการโจมตีของฉีฉางเซียว !

จวินโม่เซี่ยกำลังนั่งอยู่ในกระท่อมขนาดเล็กเพียงคนเดียว พร้อมกับหลับตาในขณะที่เขายังคงปล่อยพลังปราณเข้าไปในแกนเชวียนอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และพุ่งออกไปนอกกระท่อม มีรูปร่างรากฏขึ้นบนหลังคาของกระท่อมในตอนที่เขาพุ่งตัวออกไป และตามมาด้วยง ตู้ม และผู้อาวุโสผมสี่ขาวก็พุ่งตามเขาออกมา ในขณะที่กระท่อมสั่นสะเทือนเล็กน้อย และในที่สุดก็พังทะลายลงไป

ผู้อาวุโสสาม มองไปยังแกนเชวียนในมือของจวินโม่เซี่ย และจากนั้นเขายิ้มอ่าวอ่อนโยน และพูด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ นายท่าน คนไร้เดียงสาเช่นท่านไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนเพื่อรักษาวัตถุเช่นนั้นไว้ สิ่งที่ท่านถืออยู่เรียกว่าแกนเชวียน และหากท่านส่งมันมาให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตท่าน ชีวิตของท่านกับแกนเชวียน นายท่าน มันเป็นข้อตกลงที่ยุติธรรม ! ”

“ ยุติธรรม จริงหรือ ? แกนเชวียนนี่และชีวิตของข้ามันเป็นของข้า และข้าสามารถปกป้องพวกมันทั้งสองได้ ! นอกจากนั้น มียอดฝีมือที่มือชื่อเสียงเช่นท่านมากมายมายังเมืองเทียนเชียงเพื่อแกนเชวียน ข้าไม่คิดว่า ท่านจะเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมด ! ”

ใบหน้าของจวินโม่เซี่ยเริ่มบึ้งตึงเนื่องจากความคิดของเขา

ทำไมถึงมีเพียงคนเดียว ? คนที่เหลือไปตายอยู่ที่ใหนกัน ? อย่าบอกข้านะว่าข้าเปิดเผยแกนเชวียนนี่ผิดที่ !

ปากของเขาพึมพัมอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ เขาได้เผชิยหน้ากับยอดฝีมือเทพเชวียน !

ข้ามั่นใจว่าหากเขาตัดสินใจจะทำเช่นนี้ แกนเชวียนก็จะตกไปอยู่ในมือของเขาไม่ใช่ข้า ….

คนนี้ผู้นี้มายังที่นี่ได้อย่างง่ายดายจริงๆหรือ ? ทำไมคนอื่นถึงมาถึงที่นี่ได้ช้านัก ?

นายน้อยจวินรู้ว่าไม่มีพื้นที่ให้ผิดพลาดในตอนนี้ เนื่องจากมันเห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้จะไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้แกนเชวียน ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้นั้นมีมากกว่าเขามากนัก ซึ่งเห็นได้จากความเร็วในการมาถึงและทำลายกระท่อมที่อยู่เบื้อหลัง !

แม้ว่าเขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของชายผู้นั้นได้ เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาไม่สามารถรักษาแกนเชวียนนี้ไว้ได้

ดังนั้น หากเขาทำอะไรผลีผลามในเวลานี้ เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะจมลงอย่างเลวร้ายมากกว่าดี !

“ ผู้อาวุโสผู้นี้คือ ผู้อาวุโสที่สามจากเมืองพายุหิมะขาว ข้าเชื่อว่าคงจะมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ตราบใดที่เจ้ามอบแกนเชวียนนั้นให้ข้า ข้าสัญญาว่าเจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ! ”

ผู้อาวุโสสามเดินไปข้างหน้าในขณะที่เขายิ่มอีกครั้ง

ในฐานะเทพเชวียน ผู้อาวุโสสามสามารถบอกได้ว่า ปราณเชวียนของชายผู้นี้นั้นไม่สูงเลย และสามารถที่จะจับตัวชายคนนี้ได้ก่อนที่เขาจะสามารถก้าวออกไปได้

อย่างไรก็ตาม …

พลังมิใช่สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ ความฉลาดและไหวพริบก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องการ ! จวินโม่เซี่รู้ว่าการต่อสู้กับเทพเชวียนนั้นเป็นเหมือนการฆ่าตัวตาย !

ดังนั้นจวินโม่เซี่ยจึงต้องซื้อเวลา ให้นานพอที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นจะมาถึง !

ทันใดนนั้นก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นมาจากร่างของจวินโม่เซี่ย และเริ่มเข้มขึ้นอย่างช้าๆในขณะที่มันปกคลุมร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนยักษ์ในร่างของมนุษย์ที่ยืนอยู่กลาถนนที่เต็มไปด้วยสายฝน

“ เชวียนหยกสูงสุด ? ฮ่าฮ่า นั่นยังไม่เพียงพอ ”

ผู้อาวุโสสามพยักหน้าขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงสาร เขาตัดสินใจที่จะบังคับให้ชายผู้นี้ส่งแกนเชวียนมา เมื่อรู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือเชวียนหยก คนเช่นนี้ถือว่าเป็นยอดฝีมือชั้นดีในสายตาของคนธรรมดา แต่ในสายตาของยอดฝีมือเทพเชวียนนั้น พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าตัวตลก !

หรือบางทีอาจจะเป็นแค่มดปลวก !

ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างระมัดระวังมากนักเมื่อยังไม่รู้ถึงระดับความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ แต่ตอนนี้ เขาวางแผนเพื่อใช้กำลังบังคับให้ชายผู้นี้ส่งแกนเชวียนมาให้เขา !

ผู้อาวุโสสามมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะคว้าแกนเชวียนมาได้ในตอนที่เขาพุ่งออกไป และมันใจว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่สามารถทำลายแกนเชวียนได้ทันวลา หากเขาเลือกที่จะปกป้องตัวเอง !

แต่ในขณะนี้ เขาพบว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างมาก !

และแปลกมากพอที่ทำให้เขาไม่ขยับตัวไปใหน !

แสงสีเขียวที่ปกคลุมร่างกายของจวินโม่เซี่ยได้หายไปอย่างกระทันหัน แลัถูกแทนที่ด้วยแสงสีเหลือง ซึ่งหลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลภายในชั่วพริบตา ! จากนั้น มันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีนำตาลเข้ม และเริ่มสุกสว่างท่ามกลางสายฝน อย่างสวยและง่า !

เป็นเป็นไปได้อย่างไรกัน ?

ระดับปราณเชวียนของคนสามารถที่จะเปลี่ยนจาก หยกเชวียสูงสุดไปถึงขั้นปฐพีเชวียนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?

ผู้อาวุโสสามได้เดินทางไปเรียนรู้วิชาต่างๆมากมายในช่วงชีวิตของเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสิ่งที่แปลกประหลาดและลึกลับเช่นนี้ ! 

 ระดับปราณเชวียนที่แท้จริงของคนผู้นี้คืออะไรกันแน่ ?