ตอนที่ 606: พบสาวงามอีกครั้ง

Crazy Leveling System

ตอนที่ 606: พบสาวงามอีกครั้ง

 

อี้เทียนหยุนทําการสํารวจดินแดนอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วในการบินสํารวจก็ไม่ได้เร็วนัก พริบตาก็สํารวจดินแดนได้ผืนหนึ่ง ทวีปเทียนหยุนนั้นมีอาณาเขตที่กว้างมาก หากคิดจะสํารวจให้เสร็จ จําเป็นต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เลยล่ะกว่าครบ

 

สมบัติของราชาศักดิ์สิทธิ์นั้นยังหาไม่เจอ แต่ว่าหลังจากที่สํารวจอาณาเขตส่วนใหญ่แล้ว ก็ทําให้เขาพบสายแร่จํานวนมาก แน่นอนเลยว่านี่คือขุมทรัพย์ใหญ่ เขาทําการบันทึกสายแร่ที่พบทีละสาย จากนั้นเมื่อกลับไปก็จะบอกให้กับเยู่ชิงเสวียนรู้ พร้อมกับสั่งให้คนมาขุด

 

พวกนี้สามารถนําไปหลอมเป็นศาสตราจํานวนมากได้ ส่วนหินวิญญาณหยกก็สามารถช่วยในการฝึกฝน หรือหลอมศาสตรา และอื่นๆ อาณาจักรขนาดใหญ่ต้องการทรัพยากรจํานวนมาก หากคิดจะฟังแค่เขาคนเดียว คงยากที่จะเติมเต็มความว่างเปล่านี้

 

โดยเฉพาะตอนนี้ที่ชื่อเสียงของเขาได้โด่งดังขึ้น แน่นอนว่าต้องมีผู้ฝึกตนจํานวนมากมาเข้าร่วมกับอาณาจักรเทียนหยุน พร้อมกับเพิ่มขุมอํานาจให้อาณาจักรยิ่งๆขึ้นไป แม้ว่าอาณาจักรเทียนหยุนจะยังใหม่ แต่เขาเชื่อว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานนักที่จะสามารถหยั่งเท้าอยู่บนโลกมนุษย์นี้ได้อย่างมั่นคง!

 

เมื่อถึงตอนนั้น เขาก็คงไม่จําเป็นอีกต่อไป และก็ไม่ต้องพึ่งเขาเพื่อเป็นอาณาจักรอันดับ 1

 

“ทวีปเทียนหยุนก็ดูหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวทวีปเทียนจิ้ง…”

 

เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็บินข้ามทะเลไป ระหว่างทางก็ทําการตรวจสอบไม่หยุด และก็พบว่ามีสมบัติจํานวนมากจริงๆ ยังไงก็ตาม สําหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไรนัก ไม่ได้มีแรงดีงดูดต่อเขาเท่าไหร่ ดังนั้น เขาจึงไม่ลงไปทําการเก็บกู้พวกมันขึ้นมาเป็นพิเศษ

 

หลังจากมาถึงทวีปเทียนจิ้ง เขาก็ทําการสํารวจต่อ ความเร็วที่ใช้ก็ไม่เร็วไม่ช้า ทั้งยังเกิดการเผาผลาญอย่างมหาศาล แต่สําหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงพักเล็กน้อยก็สามารถไปต่อได้

 

หลังจากที่ทําการสํารวจต่อ ขณะที่สํารวจไปถึงบริเวณปาที่ห่างไกล เขาก็พลันหยุดชะงักในทันที ไม่ใช่ว่าเขาเจอสมบัติที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ซ่อนเอาไว้ แต่เป็นเพราะเขาเห็นร่างที่คุ้นเคยสอง ร่างอยู่ที่นี่!

 

ก่อนหน้านี้ไม่นานที่เกาะโหมวหยุน เขาได้เจอกับร่างที่คุ้นเคยทั้งสอง ซึ่งก็คือ อวซีเชี่ยน และ จ้าวอวี่ ตอนนั้นพวกเธอได้เอ่ยเตือนเขาให้ระวัง ถือว่าเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง

 

และครั้งที่สองที่เจอก็คือตอนที่อาณาจักรใต้พิภพเรียกตัวไป และก็ตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก หากว่าเขาจําไม่ผิด สองคนนี้น่าจะเป็นคนของวังไปเหลียน

 

วังไปเหลียนเป็นขุมอํานาจชั้น 3 ที่ดี แต่เพราะเลือกข้างไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ได้ไปในงานฉลองครองราชย์ของเขา แม้แต่โอกาสในการได้รับเชิญก็ยังไม่มี แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกันที่นี่ ช่างถือเป็นโชคชะตาจริงๆ

 

สถานการณ์ของพวกเธอก็ไม่ได้ประหลาดนัก ทั้งสองคนกําลังถูกคนหกคนล้อมเอาไว้อยู่ ระดับของพวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับหลอมรวมขึ้นไปทั้งนั้น และผู้ที่มีระดับสูงสุดคือระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 2 ที่ 9

 

ส่วนระดับของพวกเธอนั้นอยู่เพียงระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 2 ที่ 3 ซึ่งถือว่าไม่ได้ต่ํานัก แต่หากเทียบกับฝั่งตรงข้ามแล้วถือว่าแย่กว่ามาก แต่ด้วยระดับของอี้เทียนหยุนในปัจจุบัน พวกนั้นไม่แม้แต่อยู่ในสายตา ระดับเท่านี้สําหรับเขา ไม่ต่างอะไรไปจากพวกมดปลวก แค่โบกมือออกไปเบาๆ ก็สามารถตบได้แล้ว

 

“คุณหนูอรี่กลับไปกับพวกเราดีๆดีกว่า ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าพวกเราหยาบช้า กระทําการรุนแรง หากถึงตอนนั้นได้แผลขึ้นมา นายน้อยของเราอาจจะไม่พอใจได้” ชายที่นํามาผู้มีระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 9 ยิ้มอย่างน่ารังเกียจ บนใบหน้ามีไฟสีดําเม็ดเป้ง ดูแล้วยิ่งทําให้น่ารังเกียจขึ้นไปอีก

 

แต่แม้ว่าหน้าตาจะน่ารังเกียจ แต่ระดับของเขาก็ไม่ต่ําจริงๆ เห็นได้ชัดว่ามาจากขุมอํานาจชั้น 3 ที่ดี ไม่ใช่ขุมอํานาจชั้น 3 ที่อ่อนแอ ไม่อย่างนั้น คงไม่มีผู้เชี่ยวชาญมากขนาดนี้

 

สถานการณ์ในทวีปเทียนจึงเป็นยังไง ทําไมเขาจะไม่รู้? แค่สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณออกมาได้ขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นขุมอํานาจชั้น 3 ชั้นเยี่ยมแล้ว

 

“นายน้อยฉีส่งเจ้ามาอย่างงั้นเหรอ พวกเราไปทําอะไรให้พวกเจ้ากัน?” อวี่ชีเชี่ยนขมวดคิ้ว ขณะที่ในมือกุมกระบี่แน่น ไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่น้อย

 

“ใช่ พวกเราไม่ได้พบนายน้อยฉีมากนัก ทําไมถึงต้องมาหยุดพวกเราที่นี่โดยเฉพาะด้วย คิดจะรวมหัวทําอะไรกัน?” จ้าวอวีแค่นเสียงออกมา ยังคงหัวร้อนเหมือนก่อนหน้าไม่เปลี่ยน

 

“ฮีซี่ ก็ไม่ได้จะทําอะไร ก็แค่อยากจะเชิญทั้งสองไปเป็นแขกที่ตระกูลเท่านั้น พวกเรา จะเป็นคนคุ้มกันพวกเจ้าเอง” ชายน่ารังเกียจยิ้มออกมา

 

“พวกเราไม่มีเวลาว่าง ต้องรีบกลับไปโดยเร็ว ท่านประมุขกําลังรอให้พวกเรากลับไปอยู่” อวีซีเชี่ยนพูดปฏิเสธ “ไว้โอกาสหน้า พวกเราจะไปเยี่ยมเยียนด้วยตัวเองทีหลัง”

 

พูดจบก็คิดจะพาจ้าวอวจากไป แต่ฝั่งตรงข้ามจะปล่อยพวกเธอไปได้ยังไง ต่างก็พากันรีบเข้ามาขวางพวกเธออย่างรวดเร็ว

 

“คุณหนูอรี่ ข้าไม่อยากจะพูดเป็นครั้งที่สอง หากว่าไม่ยอมกลับไปกับพวกเราดีๆ แล้วล่ะก็ อย่ามาโทษหากพวกเราจะหยาบคาย” ชายน่ารังเกียจสายตาเย็นชา หากยังปฏิเสธอีก เห็นได้ชัดว่าจะทําให้เขาไม่พอใจอย่างมาก

 

“งั้นวังโหมวเทียนของเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับวังไปเหลียนของพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” อวี่ชีเชี่ยนพูดอย่างจริงจัง

 

“ศัตรู? เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราได้อย่างงั้นเหรอ?” ชายน่ารังเกียจพูดอย่างดูถูก “ตอนนี้พวกเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรเทียนหยุน ครั้งก่อนนายน้อยฉีของพวกเรายังดื่มตั้งหลายแก้วกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองถือว่าดีมาก หากพูดอย่างไม่เกรงใจแล้วล่ะก็ ถ้านายน้อยฉีของเราไม่พอใจแล้วพูดกับมหาจักรพรรดิเทียนหยุนคําหนึ่ง เจ้าคิดว่าวังไปเหลียนของเจ้าจะเป็นยังไง?”

 

“อาณาจักรเทียนหยุน?”

 

สีหน้าของพวกเธอเปลี่ยนไป หากไม่เคยได้ยินชื่ออาณาจักรเทียนหยุนในโลกมนุษย์แล้วล่ะก็ถือว่าข้อมูลบกพร่อง ยังไงก็ตาม คําพูดนี้ก็ทําให้พวกเธอเชื่อจริงๆ เพราะว่าวังโหมวเทียนได้ไปยังเมืองเทียนหยุนครั้งหนึ่งจริงๆ แต่เรื่องที่จะมีสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรเทียนหยุนหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่แน่ใจนัก

 

แต่หากว่าเป็นจริง วังไปเหลียนของพวกเธอคงจะรับไม่ไหว แค่อาณาจักรเทียนหยุนส่งผู้ เชี่ยวชาญทั่วไปออกมา ก็สามารถถล่มวังไปเหลียนของพวกเธอได้อย่างราบคาบแล้ว

 

“ว่ายังไง หากพวกเจ้าทั้งสองมีสัมพันธ์อันดีกับนายน้อยฉีของพวกเราแล้วล่ะก็ เมื่อนั้น นายน้อยอาจจะยอมช่วยแนะนําเจ้า จากนั้น พวกเจ้าทั้งสองก็จะเป็นผู้กล้าของวังไปเหลียน!” ชายน่ารังเกียจพูดหลอกล่อด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นโอกาสที่หายาก หากพลาดแล้วก็ถือว่าพลาดเลย ตราบใดที่พวกเจ้ายอมรับการดูแลของนายน้อยฉี ทุกอย่างก็สามารถคุยกันได้!”

 

“ไร้ยางอาย!” อวี่ชีเชี่ยนพูดอย่างเย็นชา “พวกเราไม่ไป หากมีความสามารถ ก็เข้ามาจับพวกข้าเอง!”

 

พวกเธอไม่เลือกที่จะเชื่อฟัง เพราะพวกเธอสามารถจินตนาการได้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาได้ นั่นก็คือการถูกนายน้อยฉีทําให้มัวหมอง

 

“ได้ งั้นก็อย่ามาโทษหากนายน้อยฉีของพวกเราจะไปติดต่อกับทางฝั่งอาณาจักรเทียนหยุนก็แล้วกัน เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้วังไปเหลียนของเจ้าส่งใครออกมา ก็อย่าหวังว่าพวกเราจะไว้หน้า” ชายน่ารังเกียจหัวเราะเยาะออกมา “พวกเราอุตส่าห์อดทน แต่พวกเจ้ากลับไม่ไว้หน้า ไม่ยอมฉวยโอกาสเอาไว้! พวกเจ้าคิดว่าวังไปเหลียนจะสู้อาณาจักรเทียนหยุนได้อย่างงั้นเหรอ?”

 

ในใจพวกเธอรู้สึกหวั่นไหว หากอาณาจักรเทียนหยุนสั่งลงโทษมาจริงๆ พวกเธอก็จะกลายเป็นคนบาปของวังไปเหลียน การเลือกที่ประนีประนอมด้วยการส่งคนออกไป เป็นเรื่องที่หาได้ไม่ยาก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นตาของพวกเธอ

 

กนี้ก็ทําให้พวกเขาไม่ต้องลงมือ

 

ชายน่ารังเกียจกับพวกพากันหัวเราะอย่างชั่วร้าย แล้ว แค่ดูก็เห็นได้ถึงความหวั่นไหวของฝั่งตรงข้าม

 

“วังโหมวเทียนช่างพูดจาใหญ่โตจริงๆ ทําไมข้าถึงไม่รู้ล่ะว่าวังโหมวเทียนของพวกเจ้าจะมีสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรเทียนหยุน?” ในตอนนี้เอง ได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมา พร้อมกับมุมปากที่แขวนไปด้วยรอยยิ้มที่ดูเย็นชา

 

ไม่คิดเลยว่าวังโหมวเทียนจะใช้ชื่อของอาณาจักรเขาไปรังแกขุมอํานาจเล็กอื่นๆ เรื่องนี้ทําให้เขาไม่พอใจอย่างมาก