ตอนที่ 599 ช่วยไม่ได้ / ตอนที่ 600 เจ็บขา

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 599 ช่วยไม่ได้ 

 

 

 

 

 

“เหตุใดกัน?” ฉู่เกอไม่พอใจ แล้วถามกลับว่า “เมื่อคืนพี่ก็แอบไปที่จวนหลิงอ๋องไม่ยอมกลับมาเหมือนกันไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วเหตุใดข้าจะไปไม่ได้?” 

 

 

เมื่อคืนไม่กลับมา? 

 

 

เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นก็ทำเหมือนนึกเรื่องอะไรขึ้นมาได้ พลันหันไปมองหน้ากัน 

 

 

อวี้อาเหราก้มหน้าลงอย่างห่อเ**่ยว แล้วหันไปมองเจาเอ๋อร์กับเมี่ยวอวี้อย่างอับอาย พวกนางคิดมาตลอดว่าเมื่อคืนฉู่ป๋ายกลับไปนานแล้ว ทว่าเมื่อได้ยินฉู่เกอว่าเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้กลับไป แล้วเมื่อคืนเขาไปอยู่ที่ไหน? แน่นอนว่าต้องอยู่ในห้องของนางแน่ 

 

 

จากนั้น คนก็คงเอาไปพูดกันทั่ว 

 

 

ฉู่ป๋ายเม้มปาก แล้วเงยหน้าขึ้น “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ต่อไปก็อยู่ให้ห่างๆ เขาเสีย” 

 

 

“ทำไมเล่า?” ฉู่เกอไม่ค่อยเข้าใจนัก ที่ฉู่ป๋ายว่าแน่นอนว่าเขาต้องหมายถึงอวี้จื้อแน่ เหตุใดเขาต้องพูดว่าให้อยู่ห่างจากอวี้จื้อด้วย พวกเขานั้นแทบไม่เคยพบกันมาก่อนเลย เหตุใดต้องพูดถึงเขาด้วย แล้วทำไมต้องไม่พอใจถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? 

 

 

“คนอื่นไม่รู้ไม่เป็นไร แต่เจ้านั้นควรรู้อยู่แก่ใจ” ฉู่ป๋ายมองเข้าไปในตาของนาง วาจาแปลกๆ ที่ชวนให้คนสงสัย เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉู่เกอก็ชะงักไปทันที จากนั้นก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางสองพี่น้องอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก 

 

 

ราวกับมีเรื่องอะไรที่นางไม่รู้ แต่คงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอวี้จื้อแน่ 

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาก็นางก็ลึกล้ำลงอย่างอดไม่ได้ ดูแล้วอวี้จื้อคงไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่ายๆ เป็นแน่แท้ 

 

 

ความรู้สึกเช่นนี้ นางก็ยิ่งอยากจะรู้ยิ่งนัก ว่าอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไรกันแน่ 

 

 

ฉู่เกอที่นิ่งเงียบไป ทันใดนั้นก็พยักหน้าลงอย่างเย็นชา มองไปทางฉู่ป๋าย “ที่ท่านพูด ข้าเข้าใจแล้ว” 

 

 

อวี้อาเหราชะงัก อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าเข้าใจอะไรหรือ” 

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์” ฉู่เกอปรายตามองไปสักครู่ ในสายตามีความโศกเศร้าที่ไม่อาจอธิบายขึ้นมาได้ นางค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นมา “ท่านอย่าได้ถามเลย หากอยากจะรู้จริงๆ ท่านก็ไปถามพี่ชายของข้าเถิด ดูสิว่าเขาจะกล้าบอกหรือไม่” 

 

 

หลังจากพูดจบแล้ว ก็หมุนตัวแล้วเดินจากไป 

 

 

อวี้อาเหราชะงัก ไม่ทันได้กล่าวตอบ รู้สึกว่าฉู่เกอมีท่าทีแปลกๆ ไป 

 

 

เมื่อถอนสายตาออกจากเงาร่างที่เดินจากไป นางก็หันไปมองฉู่ป๋าย เลียริมฝีปากที่แห้งผากของตัวเอง เมื่อเห็นเขาก้มหน้า อีกทั้งยังเงียบขรึมและเย็นชาไม่พูดไม่จา หัวใจของนางก็สงบลง แล้วเอ่ยปากขึ้นมาอย่างลองเชิง “เมื่อครู่นี้ฉู่เกอพูดอะไรกัน พวกเจ้ามีเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้หรือ?” 

 

 

ฉู๋ป๋ายไม่กล่าวอะไร ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น สายตาเอาแต่จ้องมองพื้น 

 

 

อวี้อาเหราคิดขึ้นมาได้ “หรือเกี่ยวกับน้องสามของข้า?” 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ป๋ายก็เหมือนมีปฏิกิริยาตอบโต้ แล้วเงยหน้าขึ้นมา 

 

 

มุมปากของอวี้อาเหราโค้งขึ้น “ดูท่าแล้วคงจะใช่สินะ” 

 

 

ฉู่ป๋ายมองนาง ไม่พูดไม่จา และไม่ได้ปฏิเสธ 

 

 

“เจ้าไม่ชอบน้องสามของข้าหรือ? ทำไมกันเล่า” อวี้อาเหราจ้องมองสีหน้าของเขาอย่างถี่ถ้วน ไม่ยอมให้เล็ดลอดไปแม้แต่เล็กน้อย แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง 

 

 

ฉู่ป๋ายชะงักไป จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “จริงแท้ทีเดียว ข้าไม่ค่อยชอบที่เขากับเกอเอ๋อร์อยู่ใกล้กันมากเกินไป เจ้าลองคิดดูสิว่าเกอเอ๋อร์เป็นธิดาเอกของจวนเซิ่นอ๋อง แต่น้องชายของเจ้าเป็นเพียงบุตรที่เกิดจากอนุเท่านั้น และต่อไปการแต่งงานของเกอเอ๋อร์ก็อาจจะไม่ใช่หน้าที่ของข้าที่จะจัดการเป็นธุระให้ได้ เหมือนกับเจ้าที่เป็นธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง แต่ก็อยู่ในสถานะที่ไม่อาจจัดการเรื่องของตัวเองได้ มิใช่หรือ?” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 600 เจ็บขา 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้า เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ แต่เขาจะไม่พอใจอวี้จื้อเพราะเขาเป็นเพียงบุตรอนุเท่านั้นน่ะหรือ? 

 

 

ฉู่ป๋ายสนใจเรื่องพวกนี้ด้วยหรืออย่างไรกัน 

 

 

นางเห็นแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก 

 

 

แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบางๆ ของฉู่ป๋ายแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แม้ว่าจะพูดไป เขาก็คงไม่ตอบเป็นแน่ 

 

 

อวี้อาเหราไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นางมองเห็นท่าทีเย็นชาของเขา แล้วจึงพูดว่า “ข้ากลับก่อนแล้วกัน” 

 

 

“อืม” ฉู่ป๋ายปรายตามอง เมื่อนางกำลังจะหมุนตัวกลับ ก็ยื่นขวดยาจากอกไปให้ เมื่อยื่นออกไปแล้วก็พูดว่า “เจ้าใช้ยาขวดนี้ก่อนเถิด อีกสักครู่ข้าจะไปจวนหลิงอ๋องเสียหน่อย ช่วงนี้ขาของหลิงอ๋องไม่ใคร่ดีนัก ข้าจะได้ไปช่วยฝังเข็มให้เขาเสีย” 

 

 

“ขาของเสด็จพ่อเป็นอะไรหรือ” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เมื่อนึกย้อนไปแล้วจึงเห็นว่าหลิงอ๋องยังเดินเล่นกับพวกนางอยู่ ไม่เหมือนกับคนขาเจ็บเลยแม้แต่น้อย เหตุใดฉู่ป๋ายถึงดูออกเล่า?  

 

 

หรือว่าเขาปิดบังพวกนางอยู่… 

 

 

ฉู่ป๋ายมองนางอย่างแปลกใจ “เจ้าไม่รู้หรือ” 

 

 

อวี้อาเหราส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ไม่เคยได้ยินเสด็จพ่อพูดถึงมาก่อน และไม่เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงด้วย” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงไม่รู้” ฉู่ป๋ายเองก็ส่ายหน้า 

 

 

ในใจของอวี้อาเหรานิ่งงัน จากนั้นก็ถามต่อว่า “แล้วใครบอกเจ้ากัน” 

 

 

“องครักษ์ข้างกายของหลิงอ๋อง” ฉู่ป๋ายคิด แล้วจึงตอบออกมา 

 

 

อวี้อาเหราไม่พูดอะไรออกมาอีก หากเป็นองครักษ์ข้างกายของหลิงอ๋องพูดขึ้นมาเช่นนี้ แน่นอนว่าคงไม่ผิดแน่ เช่นนั้นก็คงใช่ หลิงอ๋องเจ็บขา แต่กลับปิดบังเอาไว้ แต่เหตุใดต้องปิดบังเอาไว้ไม่ยอมบอกด้วยเล่า? หรือว่ากลัวพวกนางจะเป็นกังวล? 

 

 

เมื่อคิดไปคิดมา ก็มีเพียงเหตุผลข้อนี้เท่านั้นที่จะอธิบายได้ 

 

 

ฉู่ป๋ายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วมองไปที่นาง เลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด?” 

 

 

“ก็ได้” อวี้อาเหราจึงเดินออกไป 

 

 

เมื่อเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นฉู่เกอนั่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอก กำลังก้มหน้าลงดูดอกไม้ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองมาที่พวกนาง เมื่อเห็นทั้งสองเดินมาแล้ว นางก็ถามขึ้นนิ่งๆ “พวกท่านจะไปที่ใดกัน” 

 

 

“กลับจวนหลิงอ๋อง” อวี้อาเหราว่า 

 

 

ฉู่เกอชะงักไป แล้วมองไปทางฉู่ป๋าย “แล้วท่านจะไปทำไม” 

 

 

“เขาบอกว่าหลิงอ๋องอยากพบเขาเพราะเรื่องอาการป่วยที่ขา ดังนั้นจึงจะไปด้วย” อวี้อาเหราตอบแทนฉู่ป๋าย 

 

 

ฉู่เกอรีบยืนขึ้นในทันที แล้วจึงเดินเข้ามาหา “ท่านพี่ไม่ให้ข้าไปที่จวนหลิงอ๋อง แต่ท่านกลับไปเองหรือ ไม่ได้ ข้าก็จะไปด้วย” 

 

 

อวี้อาเหรามองสองพี่น้องเงียบๆ 

 

 

ฉู่ป๋ายเงยหน้าขึ้น “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งรับปากว่าจะไม่ไปอยู่เลยมิใช่หรือ” 

 

 

“เมื่อครู่นี้ข้าเพียงรับปากว่าจะอยู่ห่างๆ จากเขา แต่ท่านลุงหลิงอ๋องเคยพูดอยู่เสมอว่าอยากให้ข้าไปเที่ยวเล่นที่จวนหลิงอ๋อง และพี่ก็ไปด้วย พี่เหราเอ๋อร์ก็จะกลับ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าไปด้วยไม่ได้หรือ” ฉู่เกอพูด มุมปากเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มเหมือนเดิม 

 

 

ฉู่ป๋ายไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงถลึงตาจ้องมอง ใช้สายตาเพื่อบอกว่าเขาไม่ยอมรับแน่ 

 

 

ฉู่เกอรีบกอดแขนของอวี้อาเหราในทันที จ้องมองฉู่ป๋าย จากนั้นก็หันไปอ้อนอวี้อาเหรา “พี่เหราเอ๋อร์ ท่านดูสิเขาก็ชอบดุข้าอยู่เรื่อย ท่านลุงหลิงอ๋องให้ข้าไป หากข้าไม่ไป เขาก็จะมองว่าข้าไม่มีมารยาทน่ะสิ? ข้าเพียงไปเที่ยวเล่นที่จวนหลิงอ๋อง แล้วคนก็อยู่ตั้งมากมายเช่นนี้ จะทำอะไรได้เล่า”