ตอนที่ 402 เกือบทำความลับรั่วไหล

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ดวงตาถังซีมีแววแปลกใจ เธอมองหน้าเฮ่อหว่านโจวอย่างประหลาดใจ ถามว่า “คุณคือ…” 

 

 

เฉียวเหลียงซึ่งปลอมตัวเป็นบอดีการ์ดเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้ว กล่าวอย่างเย็นชา “คุณผู้ชาย กรุณาออกไปด้วย เราไม่รู้จักคุณ” 

 

 

เฮ่อหว่านโจวไม่ยอมไปง่ายๆ อย่างแน่นอน เขาหรี่ตามองถังซีด้วยรอยยิ้มกว้าง “ซีซี คุณจำผมไม่ได้หรือ เราสองคนเคยเรียนด้วยกันที่ฮาร์วาร์ดไงล่ะ! คุณเคยกล่าวสุนทรพจน์ในนามนักศึกษาใหม่ ในวันเปิดเทอม และเราได้จับมือกันในวันนั้น” เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเอง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าบอกนะ ว่าคุณลืมใบหน้าอันหล่อเหลานี้!” 

 

 

สีหน้าเฉียวเหลียงเข้มขึ้น ถังซีพูดไม่ออก เธอได้กล่าวสุนทรพจน์ในนามนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา แต่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเฮ่อหว่านโจวแต่อย่างใด 

 

 

แล้วนี่เขาเข้ามาคุยกับเธอทำไม 

 

 

เมื่อเห็นท่าทางของเธอเฮ่อหว่านโจวก็ยักไหล่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ว่า “เอาละ ดูเหมือนคุณจะจำผมไม่ได้” จากนั้นเขาก็ถามราวกับว่าสนิทสนมกับถังซี “ผมถามหน่อยสิว่าคุณจะไปไหน ซีซี” 

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว เฮ่อหว่านโจวยักไหล่ “โอเค ผมไม่ควรถามคำถามนี้ ขอผมเชิญคุณไปทานอาหารค่ำซักมื้อได้ไหม เราสองคนพักโรงแรมนี้เหมือนกัน ผมคิดว่าเราคงได้พบกันอีก” 

 

 

ถังซีชะงัก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะคะ ฉันกำลังจะไปสนามบิน” 

 

 

เฮ่อหว่านโจวขมวดคิ้ว “สนามบินเหรอ” โหรวโหรวบอกว่าจะคุยกับถังซีบ่ายวันนี้ไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนเธอจะถูกถังซีปฏิเสธแล้วล่ะ 

 

 

“คุณครับ กรุณาถอยออกไปให้พ้นด้วย” เฉียวเหลียงกล่าวอย่างเย็นชา 

 

 

เฮ่อหว่านโจวมองหน้าเฉียวเหลียง เลิกคิ้ว และหันไปมองถังซีที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซีซีครับ ถึงแม้บอดีการ์ดของคุณจะรูปหล่อ แต่เขาดูหน้าตาไม่รับแขกเลยนะ คุณอาจทำให้คนอื่นขุ่นเคืองได้เพราะเขา ผมขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนบอดีการ์ดโดยเร็วที่สุด” 

 

 

ฮ่าๆ… 

 

 

ถังซีเกือบระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เฮ่อหว่านโจวนี่ช่างตลกเหลือเกิน เธอพยักหน้าให้เฮ่อหว่านโจว และกล่าวว่า “ขอบคุณนะที่เตือนฉัน ลาก่อนค่ะ” เธอมองหน้าเฉียวเหลียง ซึ่งหรี่ตาจ้องหน้าเฮ่อหว่านโจว แล้วก้าวขึ้นรถ 

 

 

ถังซีหันมามองเฮ่อหว่านโจวที่ปิดประตูรถให้เธอด้วยรอยยิ้ม ถังซีพยักหน้าขอบคุณเขา จากนั้นเฉียวเหลียงก็ขับรถออกไป 

 

 

ตลอดการสนทนาทั้งหมดถังซีแทบไม่ได้พูดอะไรเลย เธอดูสูงส่งและไม่แยแสผู้คน 

 

 

เฮ่อหว่านโจวเฝ้ามองรถที่ขับออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก “โอ พระเจ้า! ถังซีพักอยู่โรงแรมเดียวกับพวกเรา นี่เฉียวเหลียงกับโหรวโหรวเคยเจอเธอในโรงแรมบ้างหรือเปล่า ฉันเพิ่งคุยกับถังซี เธอดูสวยสง่าและสูงส่งเหลือเกิน! เธอพูดกับฉันไม่ถึงยี่สิบคำ!” 

 

 

ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งหนิงเหยี่ยนหาวดังเข้ามาในโทรศัพท์ “ไม่น่าแปลกใจที่นายเปิดบริษัทด้านงานบันเทิง ฉันคิดว่านายคงตื่นเต้นยิ่งกว่าเฉียวเหลียงแฟนเก่าถังซีเสียอีก เรื่องใหญ่อะไรนักหนาเหรอ ที่เธอพักอยู่โรงแรมเดียวกับเราเนี่ย” 

 

 

“ฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จนกระทั่งได้เห็นเธอ เธอจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอ็มไพร์ แล้วไปจบปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด เมื่อกี้ฉันบอกเธอเรื่องนี้ แต่เธอจำฉันไม่ได้เลย! แล้วเธอยังทำท่าเหมือนฉันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎอีกด้วย!” 

 

 

“ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนี้” น้ำเสียงหนิงเหยี่ยนดูเหนื่อยล้า เขาถามอย่างหมดความอดทน “นายไม่เหนื่อยเลยหรือไง เพิ่งนั่งเครื่องบินมาแปดชั่วโมง แต่ดูนายไม่เหนื่อยเลย ฉันต้องบอกว่าฉันชื่นชมในพลังอันเหลือเฟือของนายจริงๆ” 

 

 

“อย่ามัวเสียเวลาไปกับการนอนสิ!” เฮ่อหว่านโจวกล่าวอย่างตื่นเต้น “ยังไงก็ตามฉันคิดว่าโหรวโหรวต้องโน้มน้าวเธอไม่สำเร็จแน่ๆ เมื่อกี้ถังซีเพิ่งบอกว่าเธอกำลังจะไปสนามบิน เธอจะไปจากปารีสแล้ว…” 

 

 

หนิงเหยี่ยนถอนหายใจ “นายไม่น่าเป็นประธานบริษัทธุรกิจบันเทิงเลย น่าจะไปเป็นปาปารัสซีมากกว่า งานนั้นเหมาะกับนายที่สุด” พูดจบเขาก็วางสาย เฮ่อหว่านโจวไม่อยากนอน แต่เขาต้องนอน 

 

 

ถังซีเลือกนัดฉินซินหยิ่งที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่ลอเรนซ์จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ ถังซีส่งพิกัดที่ตั้งร้านไปให้ฉินซินหยิ่ง หลังจากพบกับฉินซินหยิ่งที่นี่แล้ว เธอจะซื้อชุดที่ร้านใกล้ๆ สวมไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำของลอเรนซ์ 

 

 

ถังซีนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะตามลำพัง ส่วนเฉียวเหลียงนั่งโต๊ะถัดไป รออยู่ประมาณยี่สิบนาทีฉินซินหยิ่งก็ยังไม่มา ถังซีหยิบโทรศัพท์ออกมาตรวจดูไมโครบล็อกและพบว่า ‘ถังซีและฉินซินหยิ่ง’ ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกค้นหามากที่สุด ถังซีเลิกคิ้ว เมื่อครู่นี้ประเด็นนี้หายไปจากรายการที่มีการค้นหามากที่สุดแล้ว คงเป็นเพราะฉินกรุปใช้มาตรการประชาสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ประเด็นนั้นได้กลับมาปรากฏในรายการอีกครั้ง 

 

 

ดูเหมือนชาวเน็ตจะรังเกียจพฤติกรรมของฉินซินหยิ่งมาก 

 

 

ถังซียิ้มมุมปาก ดวงตาเธอมีประกายเยือกเย็น ฉินซินหยิ่ง ดูเหมือนว่าอาชีพของเธอจะพังพินาศแล้วล่ะ 

 

 

เธอวางโทรศัพท์ลงข้างๆ ตัว แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นฉินซินหยิ่งกำลังมองเธออยู่ที่ประตู เธอละสายตาอย่างไม่แยแส ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้วและกำมือแน่น เธอเดินเข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงกันข้ามถังซี ซึ่งเลิกคิ้วมองฉินซินหยิ่งและถามว่า “ทำไมถึงอยากเจอฉัน” 

 

 

ฉินซินหยิ่งกำมือแน่น มองหน้าถังซี เม้มริมฝีปาก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอ้อนวอน “เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม ช่วยชี้แจงกับผู้คนหน่อยว่าภาพสเก็ตช์พวกนั้นไม่ใช่ของเธอ แต่เป็นของฉัน ถึงยังไงเธอก็มีภาพสเก็ตช์งานออกแบบอีกตั้งมากมาย ภาพสเก็ตช์พวกนั้นไม่มีความหมายสำหรับเธอหรอก ยกให้ฉันได้ไหม ถือว่าให้ฉันเป็นทานเถอะนะ ได้ไหม ขอต้นฉบับตัวจริงให้ฉันเถอะนะ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำขออย่างไร้ยางอายของฉินซินหยิ่ง ถังซีก็ยิ้มให้อย่างเยือกเย็น เธอมองฉินซินหยิ่งอย่างเย้ยหยันและหรี่ตาลง “ยกให้เธอเหรอ ให้เธอเป็นทานงั้นเหรอ เธอเป็นขอทานหรือไง หรือว่าฉันเป็นพระมาโปรดเธอ ทำไมฉันต้องยกให้เธอด้วยล่ะ” 

 

 

ฉินซินหยิ่งหายใจเข้าลึกๆ “แต่เธอไม่ต้องการภาพสเก็ตช์พวกนั้นแล้วนี่ ทำไมถึงไม่ยกให้ฉัน เธอกำลังแก้แค้นฉันที่ฉันรักเฉียวเหลียงใช่ไหม เธอต้องการทำลายฉันใช่ไหม เธอกลายเป็นคนใจร้ายใจดำไปตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่าลืมสิว่าที่เธอสูญเสียเฉียวเหลียงไปไม่ใช่เพราะฉัน แต่เป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อเซียวโหรวแย่งเขาไปจากเธอ! เธอควรไปแก้แค้นหล่อน!” 

 

 

“ฮ่าๆ…” ถังซีหัวเราะเบาๆ เอนพิงไปด้านหลัง ยกขาขึ้นไขว่ห้าง หรี่ตาลงมองฉินซินหยิ่ง แล้วเค้นน้ำเสียงกร้าว “แก้แค้นเหรอ ฉินซินหยิ่ง ฉันไม่เคยคิดว่าเธอควรค่าพอที่ฉันจะแก้แค้นหรอก ฉันจะบอกให้นะ เพราะเธอขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉันไปจริงๆ ฉันก็แค่จะพูดความจริง เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”