บทที่ 54 เรื่องที่เจ้าของร้านไม่แนะนำ โดย Ink Stone_Fantasy
ตั้งแต่ที่คุณวิคเตอร์หนีไปแล้ว เยียร์เกอร์พบว่าตัวเขาได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นไม่น้อยเลย
แม้ว่าเขาจะถูกโซ่เหล็กล่ามเอาไว้กับกำแพง แต่ความยาวของโซ่เหล็กก็เพียงพอให้เขาไปถึงโต๊ะที่ตั้งอยู่ในห้องใต้ดินได้
อ้อ ใช่แล้ว เขายังหยิบอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะได้อีกด้วย
นอกจากถูกควบคุมตัว…อืม อย่างน้อยก็ยังมีให้กินให้ดื่ม นี่ถือว่าดีมากแล้วล่ะนะ!
เยียร์เกอร์จำต้องปลอบใจตัวเองแบบนี้ เขาซักไซ้คนที่คุมตัวเขาไม่หยุดว่าคุณวิคเตอร์ไปไหนกันแน่ หรือเขาถูกทำร้ายหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้คำตอบเลย
เยียร์เกอร์คิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีขนาดไหน จะปลอบใจตัวเองยังไง ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น
โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ ข้างนอกมีเสียงปืนดังขึ้น หลังจากคนที่คุมตัวเขารีบวิ่งไปแล้ว ความไม่สบายใจนี้ก็แทบจะหายไปทันที
เพราะตั้งแต่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น เสียงปืนนัดที่สองนัดที่สามก็ดังขึ้นตามมา
เหมือนมีใครใช้อาวุธสู้กันอยู่ข้างนอก!
“มีคนอยู่ไหม? ปล่อยผมออกไปที! ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เยียร์เกอร์อดร้องตะโกนเสียงดังไม่ได้
ปังๆ ปังๆ!
“มีใครอยู่ไหม?”
เยียร์เกอร์ออกแรงลากโซ่เหล็กที่พันธนาการตัวเองไว้ แต่ด้วยมันถูกตอกตะปูไว้กับกำแพงแน่นหนามาก เขาจึงออกไปไม่ได้
เยียร์เกอร์เผยให้เห็นสีหน้าลังเล…แต่สุดท้ายเหมือนเขาจะตัดสินใจได้แล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าไปครั้งหนึ่ง แล้วใช้สองมือจับโซ่เหล็กขึ้นมาพร้อมกับออกแรงลากดึง
เขากัดฟันอย่างแรง…จนแขนของเขามีกล้ามเนื้อปูดขึ้นมา
จู่ๆ ฟันของเขาก็คมขึ้นเล็กน้อย ลูกตาทั้งสองเกิดการเปลี่ยนแปลง หูก็แหลมยาวเหมือนถูกอะไรดึงไว้ อีกทั้งเล็บมือก็ค่อยๆ แหลมคมด้วยเช่นกัน…ราวกับเป็นกรงเล็บสัตว์
“อ๊า!”
เยียร์เกอร์คำรามเสียงต่ำ แล้วโซ่เหล็กก็ขาดสะบั้นไปตามเสียง
จากนั้นสภาพร่างกายผิดปกติของเขาก็หายไปทันที เยียร์เกอร์หายใจเข้าลึกๆ เร็วๆ อยู่หลายครั้ง หลังจากปรับอัตราการเต้นหัวใจของตัวเองแล้ว ถึงเดินมาตรงประตูทางเข้าห้องใต้ดิน เขาเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไปดูรอบหนึ่ง แล้วถึงได้ออกไป
ความจริงเขากำลังดีใจ ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีคนคุมแล้ว
…
…
“เพราะอะไรเยฟิมถึงยังมีคนพาหนีไปได้?!”
น้ำเสียงเหมือนถามเพื่อตำหนิ
ลั่วชิวมองแอนนาที่กำลังถามเชิงตำหนิตัวเขาเอง เขาไม่ตอบแต่กลับย้อนถามว่า “เพราะอะไร เยฟิมจะให้คนช่วยหนีไปไม่ได้ล่ะครับ?”
แอนนากำลังมองดูสถานการณ์ที่วุ่นวายนั้น พอรถ SUV จากไปแล้ว ตำรวจพวกนั้นก็ยังไม่กล้าเดินออกมาจากตรงที่ซ่อนตัว
เธอกัดฟันพูดว่า “พวกคุณไม่ได้มาเพื่อจัดการเยฟิมเหรอ? แต่คุณกลับมองเขาหนีไปโดยไม่ทำอะไรเลย?”
“คุณแอนนา” ลั่วชิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมว่าคุณเข้าใจตรงไหนผิดไปหรือเปล่าครับ?พวกเราไม่เคยพูดว่าจะจัดการเยฟิม ก่อนหน้านี้ไม่มี…ต่อไปถ้าไม่มีเหตุผลอะไรก็ไม่มีทางทำแบบนั้นครับ”
“แต่นี่เป็นการแก้แค้นที่ยูริต้องการ!”
“พวกเรามอบพลังอำนาจในการแก้แค้นให้เขาแล้ว” ลั่วชิวส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ นั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลงระหว่างเราครับ”
แอนนามองอย่างเกลียดชังแวบหนึ่ง แล้วเบือนสายตาหนีไป
เธอรู้ว่าทุกคำที่คนคนนี้พูดนั้นเป็นความจริง…พวกเขาแค่ช่วยให้ความปรารถนาเป็นจริง แต่ไม่ได้ครอบคลุมถึงเรื่องอื่นหลังจากนั้น
เขายอมจ่ายไปแล้ว…แต่กลับไม่อาจได้รับผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง
ทั้งๆ ที่พยายามแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจไปถึงผลลัพธ์ที่คาดการณ์เอาไว้ เหมือนโชคชะตาเล่นตลก
แอนนากัดฟันพูดขึ้นทันที “ยูริหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว…ฉันไม่ยอมให้เขาแลกทุกอย่างแล้วได้ผลลัพธ์แบบนี้แน่นอน…คุณบอกฉันมา ว่าเยฟิมจะหนีรอดได้ไหม!”
หลังลั่วชิวเงียบไปสักพัก ก็เอ่ยถามทันที “ความหมายของคุณแอนนาคืออยากรู้อนาคต ใช่ไหมครับ?”
“หมายความว่าอะไร?” แอนนาขมวดคิ้ว
ลั่วชิวตอบว่า “ที่คุณแอนนาอยากรู้คือเยฟิมจะหนีไปได้หรือไม่สินะครับ แต่ผมรู้ว่าความหมายที่แท้จริงของคุณคือ เยฟิมจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปในที่ที่อยู่นอกกฎหมายโดยปลอดภัยได้หรือไม่…ใช่ไหมครับ? โปรดให้อภัยที่ผมพูดมาก เพราะว่าผมจำเป็นต้องเข้าใจคำขอของลูกค้าให้แน่ชัด”
แอนนาพยักหน้าหงึกๆ
แอนนามีเวลาเถียงเรื่องอนาคตหรือไม่ใช่อนาคตกับลั่วชิวที่ไหนกัน เธอจึงถามอย่างร้อนใจว่า “ฉันไม่สนว่าจะใช่อนาคตหรือไม่ ฉันต้องการรู้ผลลัพธ์!”
“ขอโทษครับ” ลั่วชิวส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากขายให้คุณ…แต่เกรงว่าคุณแอนนาจะไม่สามารถจ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดได้ แม้ว่าคุณจะทุ่มปริมาณการแลกเปลี่ยนของคุณด้วยวิญญาณที่มีทั้งหมด อีกทั้งผมจำเป็นต้องบอกคุณว่า ถึงแม้จะหยั่งรู้อนาคต แต่อนาคตก็อาจเปลี่ยนแปลงไปตาการกระทำของผู้หยั่งรู้ได้ ดังนั้นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการหยั่งรู้อนาคต…ตัวผมไม่แนะนำเลย”
อย่าว่าแต่แอนนา…ขนาดลั่วชิวเองก็ยังอยากซื้อข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตเลย
เพียงแต่…แม้แต่เจ้าของร้านอย่างเขาก็จ่ายค่าแลกเปลี่ยนไม่ไหว
นับประสาอะไรกับคนธรรมดาคนหนึ่ง
“ไม่ต้องพูดแล้ว! พูดจนจบนี่ก็เป็นแค่ข้ออ้างที่คุณไม่ยอมลงมือทำ! ที่บอกว่าขายให้ได้ทุกอย่าง ที่แท้ก็เป็นแค่เรื่องลวงโลก!”
แอนนาไม่รู้เลยว่าในคำพูดนี้แฝงส่วนที่น่ากลัวเอาไว้ และยิ่งไม่รู้ว่าการหยั่งรู้อนาคตนั้น เบื้องหลังไปเกี่ยวข้องกับสิ่งใดกันแน่
เธอเป็นแค่หญิงสาวธรรมดามากๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งละทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างไปเพื่อการแก้แค้น เธอคิดแค่ว่าอีกฝ่ายใช้นี่เป็นข้ออ้างไม่ยอมช่วย
ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เธอก็ตั้งคำนิยามให้เจ้าของสมาคมประหลาดผู้นี้ว่าปีศาจที่ละโมบทุกสิ่งทุกอย่างของมนุษย์
ปีศาจ…ไม่ต้องลงแรงก็ได้มาง่ายๆ จ่ายน้อยแต่ได้กำไรมหาศาล ใช้วิธีนี้จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“หากคุณแอนนาคิดแบบนี้จากใจจริง พวกเราก็ไม่คิดโต้แย้ง เพราะพวกเราเข้าใจความร้อนใจของลูกค้าดี” ลั่วชิวส่ายหน้าไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้มากความ จึงพูดเสียงเบาๆ ว่า “แต่ผมบอกคุณได้ว่า ที่เยฟิมอยากไปตอนนี้คือที่ไหน อืม วางใจได้ ส่วนนี้ไม่คิดค่าตอบแทนครับ คุณจะมองว่าเป็นของแถมก็ได้นะครับ”
“ไปที่ไหน?” แอนนารีบถาม
“คฤหาสน์ครับ”
…
…
เสียงปืน เสียงร้องโหยหวนดังมาไม่ขาดสาย
ภายในตัวคฤหาสน์ ลูกน้องดีคาปี้ในชุดสูทสีขาวหลายคนกรูกันตามยูริและพ่อบ้านเอดการ์วิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งในนั้นกำลังตั้งใจฟังสถานการณ์จากวิทยุสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
“สมควรตาย! พวกแกหยุดคนที่บุกเข้ามาคนเดียวก็ไม่ได้!พละกำลังของพวกแกถูกผู้หญิงที่นี่รีดออกไปหมดแล้วเหรอ?!!”
“เจ้าสองคนนี้ไม่ใช่คนครับ!คล่องแคล่วจนเหมือนหมาล่าเนื้อ! แถมการยิงปืนยังแม่นยำมาก!คนของพวกเราแทบจะตายในนัดเดียว!”
“พยายามยื้อไว้! พวกเราต้องส่งตัวนายท่านออกไปให้ได้ก่อน แม้พวกแกต้องตายก็ต้องยื้อคนเอาไว้ให้ได้!”
“อ๊า*!*”
แกร็ก*!!*
เสียงกระแสไฟฟ้าดังเสียดหูมาจากวิทยุสื่อสาร เสียงการติดต่อของอีกฝ่ายขาดหายไปแล้ว!
“เอเคอร์! เอเคอร์! ตอบด้วย! เอเคอร์!”
ชายชรามองวิทยุสื่อสารในมือของตัวเองด้วยสีหน้าย่ำแย่ เขารู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“รีบไปเถอะ” เอดการ์พลันพูดเสียงขรึม “อย่าให้การเสียสละต้องสูญเปล่า”
แต่พ่อบ้านก็กังวลบางอย่าง แม้คฤหาสน์นี้จะไม่เหมือนกับกองบัญชาการใหญ่ที่ตระกูลดีคาปี้ดูแลอยู่ที่โมรอคโคแต่อย่างน้อยการ์ดที่นี่ก็มีไม่น้อยเลย
แค่ผู้ที่บุกรุกเข้ามาคนเดียว ไม่ถึงขนาดต้องส่งเจ้านายหนีไปเลย ก่อนหน้านี้เอดการ์คิดแบบนี้
แต่เหมือนผู้บุกรุกเข้ามาในบริเวณที่ไม่มีคน ฆ่าคนมาตลอดทาง ทำลายแนวป้องกันของคฤหาสน์ด้วยระยะเวลาสั้นๆ สิ่งนี้เลยทำให้เอดการ์ต้องคิดถึงปัญหาด้านความปลอดภัยของยูริเอาไว้เป็นพิเศษ
“ท่านครับ ทำไมท่านยังไม่ใส่เสื้อกันกระสุนอีก?” เอดการ์มองยูริแวบหนึ่ง
หลังจากลากตัวยูริออกมาจากห้องหนังสือแล้ว เขาก็พบว่ายูริไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ พ่อบ้านวัยชรารู้สึกถึงความประหลาดจากเขา
นี่หมายความว่ายูริไม่ได้กำลังกลัว…ถึงขนาดบอกได้ว่าไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย
บางทีเขาคงไม่สนใจอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
แล้วยูริก็พูดช้าๆ ว่า “ไม่ต้องหรอก เรื่องหนีก็เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว…แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าใครมันกล้าบุกเข้ามากันแน่”
ปัง*!*
ประตูถูกเตะเปิดออกทันที