บทที่ 137 สั่งซื้อนม โดย EnjoyBook

บทที่ 137 สั่งซื้อนม

“พี่สะใภ้อะไรของคุณ? ทำไมก่อนหน้านี้ที่หล่อนอยู่คุณถึงไม่ทักทายหล่อน? ฉันเห็นคนแบบคุณมามากแล้ว รีบออกไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายหากจะเรียกคนมาจับคุณนะคะ!” พนักงานขายเอ่ยอย่างไม่แสดงท่าทีสุภาพอีกต่อไป

ในยุคนี้พนักงานขายถือเป็นอาชีพยอดนิยมและมีเกียรติอย่างยิ่ง

ต้องขอบคุณบุคลิกเฉพาะตัวของหลินชิงเหอที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอดูน่าเกรงขามตั้งแต่แรกเห็นและได้เห็นการกระทำของเธอ พนักงานขายจึงเต็มใจที่จะขายผ้าในราคาถูกลงให้ ไม่แปลกใจเลยที่จะได้ยินว่าเธอไม่ต้องการมัน แถมยังรู้สึกว่าเธออาจจะดูถูกของลดราคาอยู่ด้วยซ้ำ

แต่พอเป็นคนอื่น หล่อนก็ไม่ปรานีใด ๆ โดยเฉพาะกับเหล่าคนที่เหมือนจะมาจากชนบทยามได้เห็นครั้งแรก

นิสัยของหล่อนช่างก้าวร้าวนัก

ส่วนผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สะใภ้รองบ้านหลินของหลินชิงเหอหรอกเหรอ?

โดยปกติแล้วสะใภ้รองบ้านหลินไม่กล้าปะทะกับพนักงานขายโดยตรง หล่อนเองก็มาซื้อของเหมือนกัน และซื้อผ้าบางส่วนเพื่อจะมาตัดชุดใหม่ให้ตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ปะกับน้องสะใภ้ที่ตัดขาดจากครอบครัวทางแม่ไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นหล่อนก็ยังต้องอึ้งไปกับการใช้จ่ายของอีกฝ่าย

สวรรค์เถอะ ไหนเธอบอกว่าไม่มีเงินอย่างไรล่ะ? เธอซื้อของเยอะขนาดนี้ได้อย่างไรหากไม่มีเงิน ถ้าเดาไม่ผิด เกรงว่าของทั้งหมดนี้ดูท่าจะมีราคาเกิน 10 หยวนขึ้นไปด้วย

โดยเฉพาะนมผง 2 ถุงนั่น หนึ่งถุงก็ปาไปแล้ว 3 หยวน แม้แต่ทองยังไม่แพงขนาดนั้นเลย เธอยังกล้าซื้อโดยไม่ทันได้กระพริบตา!

เป็นเพราะแบบนี้แหละหล่อนถึงอยากจะตรวจสอบดู หากมีอะไรที่สามารถใช้ได้ หล่อนก็จะหยิบฉวยไป แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดนพนักงานขายดุเอา

หล่อนไม่กล้าอยู่นานกว่านี้และรีบออกจากร้านค้าสหกรณ์ในทันที ต่อให้หล่อนยืนกรานว่าจะเป็นพี่สะใภ้บ้านหลินของหลินชิงเหอ พนักงานขายก็คงจะไม่เชื่อ

เมื่อหลินชิงเหอซื้อของอื่น ๆ ที่เหลือเสร็จ เธอก็เห็นพี่สะใภ้รองบ้านหลินรอเธออยู่ที่หน้าร้านค้าสหกรณ์

ความจริงก็คือ หากสะใภ้รองบ้านหลินไม่โบกมือเรียกทันทีที่เห็นเธอ หญิงสาวก็คงจะเมินหล่อนไปแล้ว

ต่อให้หล่อนเรียกร้องความสนใจ หลินชิงเหอก็ไม่มีความตั้งใจจะไปหาแม้แต่น้อย​ เธอเดินผ่านหล่อนเข้าไปในร้านค้าสหกรณ์ทันที

“ผู้หญิงคนนั้นอยากดูของที่คุณซื้อไปน่ะค่ะ ฉันเลยคิดว่าหล่อนจะขโมยของของคุณ แล้วหล่อนก็บอกฉันด้วยนะคะว่าหล่อนเป็นพี่สะใภ้จากครอบครัวฝั่งแม่ของคุณ” พนักงานขายบอกเธอ

“ต้องขอบคุณคุณมากนะคะ ฉันไม่รู้จักหล่อนเลย ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาจากไหนด้วย ฉันคิดว่าหล่อนต้องรอฉวยโอกาสฉันอยู่แน่เลยค่ะ” หลินชิงเหอเหลือบมองสะใภ้รองบ้านหลินและเอ่ยด้วยเสียงดังลั่น

เรื่องนี้ทำให้สะใภ้รองบ้านหลินเดือดควันออกหู เธอพูดถึงหล่อนแบบนี้เลยเหรอเนี่ย!

“ฉันเห็นคนแบบนี้เยอะเลยล่ะค่ะ” พนักงานขายแสดงออกว่าหล่อนรับรู้

ก่อนที่โจวชิงไป๋จะกลับมา หลินชิงเหอก็ได้สนทนากับพนักงานขายคนนั้น และไม่คิดที่จะเดินออกมาสนทนากับสะใภ้รองบ้านหลินแต่อย่างใด

ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว พนักงานขายคนนี้จึงได้คุยกับเธออย่างออกรสชาติ ขณะที่ฟังวาจาฉะฉานของหลินชิงเหอนั้น พนักงานขายคนนี้ก็ไม่กล้าประเมินเธอไว้ต่ำต่อให้จะบอกได้ว่าเธอมาจากชนบทก็ตาม หล่อนเดาว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเป็นครูอาจารย์แน่

ไม่อย่างนั้นแล้วหญิงชาวไร่ชาวนาธรรมดาจะเอ่ยคำพูดฟังดูมีการศึกษาแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?

“คุณจะไม่ออกไปคุยกับหล่อนจริง ๆ เหรอคะ?” พนักงานขายถาม

“คุณยังไม่เห็นตอนที่หล่อนอาละวาดน่ะสิคะ ตอนนี้หล่อนแค่แกล้งทำตัวน่าสงสารเท่านั้นแหละค่ะ” หลินชิงเหอตอบ

“ดูภาพรวมของหล่อนแล้ว ฉันก็คิดว่าหล่อนไม่น่าคบเหมือนกันค่ะ” พนักงานขายเอ่ย

แต่สะใภ้รองบ้านหลินตัดสินใจที่จะยืนคอย หลินชิงเหอจึงเดินออกมาพร้อมกับนิ่วหน้าหลังประมาณเวลาว่าโจวชิงไป๋คงจะกลับมาในไม่ช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“คุณน้องจ๊ะ” สะใภ้รองบ้านหลินที่ยืนคอยอยู่ครึ่งชั่วโมงยังคงปั้นหน้ายิ้มให้

“มีอะไรเหรอคะพี่สะใภ้? ฉันตัดขาดจากตระกูลหลินโดยเด็ดขาดแล้ว ที่ฉันพูดเมื่อก่อนหน้านี้พี่เห็นว่าฉันล้อเล่นหรือไงคะ?” หลินชิงเหอปรายตามองอย่างเยาะเย้ย

สะใภ้รองตระกูลหลินกลั้วหัวเราะ “คุณน้องจ๊ะ อย่าล้อเล่นกันสิ คุณพ่อกับคุณแม่ที่บ้านยังพูดถึงน้องกันอยู่เลยว่าทำไมน้องถึงไม่กลับ ปีนี้อย่าเอ่ยคำพูดขุ่นข้องหมองใจกันเลยจ้ะ น้องกลับไปเถอะ”

“ฉันรู้จักนิสัยของพ่อแม่ฉันดีค่ะ ตัวฉันที่เป็นลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วก็เหมือนกับสาดน้ำออกไป ไม่มีค่าอะไรในสายตาของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องใจดำและโหดร้ายใส่ฉันในคราวก่อนเลย อีกอย่างหนึ่งฉันมีลูกชายสามคนต้องเลี้ยง ต่อให้ฉันมีความกตัญญูอยู่ ฉันก็ไม่มีพลังที่จะทำได้ พวกเขามีลูกชายตั้งหลายคน ทำไมถึงมาร้องขออะไรจากลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้วให้มาดูแลด้วยล่ะคะ ถ้าคนอื่นรู้เข้าพวกเขาจะกลายเป็นหมาหัวเน่าของคนในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้านนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงเรียบ

สะใภ้รองบ้านหลินไม่รู้เลยว่าน้องสามีจะน่าสะพรึงขนาดนี้ จากที่หล่อนเห็นก็คือ เธอวางแผนจะตัดช่องทางการติดต่อทั้งหมดจริง ๆ

“คุณน้องคะ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องการให้น้องเลี้ยงดูพวกเขาหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราก็คงจะแยกตัวออกไปแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่แค่คิดถึงน้องและอยากให้น้องกลับบ้านมาเยี่ยมเท่านั้นเองจ้ะ” สะใภ้รองบ้านหลินเอ่ยโน้มน้าว

“อย่าเลยค่ะ พวกเขาจำฉันได้แน่” หลินชิงเหอแค่นเสียง

ในตอนนี้เองโจวชิงไป๋ก็กลับมา หลินชิงเหอจึงหันไปพูดกับเขา “ฉันจะเข้าไปเอาของนะคะ!”

หลังพูดจบ หญิงสาวก็เดินเข้าไปในร้านค้าสหกรณ์เพื่อรับของที่ฝากไว้ ขณะที่พนักงานขายรู้สึกประหลาดใจ “สามีคุณเป็นทหารเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ คุณเองก็ต้องหานายทหารสักคนในวันข้างหน้านะคะ พวกเขาพึ่งพาได้จริง ๆ ค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้คำแนะนำกับฉันได้ไหมคะ?” พนักงานขายเอ่ยพลางหน้าแดงอย่างไม่คาดคิด

“คุณจะมาทำงานเมื่อไหร่คะ? ฉันจะได้กลับไปถามสามีให้ ครั้งหน้าฉันจะมาหาตอนที่คุณทำงานอยู่และบอกคุณในขณะที่ฉันอยู่ที่นี่นะคะ” หลินชิงเหอคิดว่าหญิงสาวคนนี้มีท่าทางก้าวร้าวเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วหล่อนไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร หล่อนรู้จักปกป้องของของลูกค้าและไม่ยอมให้คนอื่นมาแตะต้องเลย

พนักงานขายสาวให้คำตอบในทันที

“งั้นฉันจะถามให้เมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า

ส่วนจะได้ใครที่มาเป็นคู่ของพนักงานสาวคนนี้นั้น เธอไม่รู้เลย

เมื่อหญิงสาวเดินออกมา ก็พบว่าโจวชิงไป๋กำลังมีสีหน้าไร้อารมณ์ ขณะที่สะใภ้รองบ้านหลินมีรอยยิ้มฝืดประดับบนใบหน้า

“ไปกันเถอะค่ะ เราต้องกลับกันแล้ว” หลินชิงเหอเอ่ยขณะเดินถือของ

โจวชิงไป๋ส่งเสียงในลำคอแทนคำตอบและปั่นจักรยานพาเธอกลับหมู่บ้าน แล้วหลินชิงเหอก็ถามขึ้น “หล่อนบอกอะไรกับคุณเหรอคะ?”

“หล่อนบอกกให้ผมมาเยี่ยมบ้านตระกูลหลินในวันที่สองของปีใหม่น่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ

“แล้วคุณได้ตกลงไปหรือเปล่าคะ?” หลินชิงเหอถาม

“ไม่หรอก ผมเชื่อฟังคุณอยู่นะ” ชายหนุ่มตอบ

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็รู้สึกยินดี “เป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วค่ะ”

“คุณไม่มีแผนจะกลับไปเลยเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม

“ไม่กลับไปแล้วค่ะ เว้นแต่น้องชายสามไว้คนหนึ่ง ส่วนคนที่เหลือไม่มีใครดีเลย ฉันเคยตาบอดและติดต่อกับพวกเขา แต่ตอนนี้สายตาฉันดีขึ้นแล้ว ฉันต้องรักษาระยะห่างจากพวกเขาค่ะ” หลินชิงเหอพูด

โจวชิงไป๋ไม่ได้พูดอะไร มันก็ดีแล้วที่ภรรยาของเขาตัดสินใจในเรื่องพวกนี้ ภรรยาของเขาต้องการให้มันเป็นไปอย่างไรก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้นล่ะ

หลินชิงเหอถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนม ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบกลับมาว่า “มันจะมีขึ้นในปีหน้า”

ต่อให้เขาไม่ได้ถามอะไร ในปีหน้ามันก็จะมีโรงนมในย่านชนบท และถึงตอนนั้นก็จะมีคนส่งนม

“ราคาส่งนมมันเท่าไหร่เหรอคะ?” หลินชิงเหอถาม

“หนึ่งเหมาต่อขวด” โจวชิงไป๋ตอบ

“ถ้าเอาตามจำนวนคน เราควรจะสั่งมาสัก 2-3 ขวด แต่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่กันอย่างประหยัด หากทำเช่นนั้นพวกท่านก็คงจะไม่ยอมรับแน่นอน งั้นเราสั่งวันละ 2 ขวดแล้วกัน” หลินชิงเหอครุ่นคิด

แต่เธอรู้สึกว่าต่อให้สั่งมา 2 ขวด สามีภรรยาคู่นี้ก็ยังคงรู้สึกเสียดายเงินอยู่ดี

นมหนึ่งขวดราคาเท่ากับ 1 เหมา นม 2 ขวดก็เท่ากับ 2 เหมา นั่นหมายความว่าในเดือนหนึ่งต้องจ่ายค่านมเป็นจำนวนมากกว่า 6 หยวน

ในยุคนี้เงิน 6 หยวนไม่ถือว่าน้อยเลย ถือว่าเป็นเงินเดือนของคนบางคนได้เลยทีเดียว

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สะใภ้รองบ้านหลินมาตีหน้าซื่อทำอะไรแถวนี้คะ แม่ไม่หลงกลหรอกค่ะ

นอกจากจะเป็นแม่ค้าแล้ว ทำธุรกิจจัดหาคู่ก็น่าจะรุ่งนะคะแม่ ดูจากเสี่ยวเม่ยที่ได้สามีดีเป็นตัวอย่าง

ปล. ตอนนี้ผู้แปลจัดของเตรียมไหว้ตรุษจีนอยู่ค่ะ สภาพก็เลยจะเพลีย ๆ หน่อย แต่ไม่ปล่อยให้ขาดช่วงแน่นอนค่ะ

ไหหม่า (海馬)