เมิ่งฉีกล่าวบรรเทาความหนักใจของเถ้าแก่เหล่านั้นว่า “ต่อไปจะมีข้ามาดูแลรับผิดชอบร้านค้าเหล่านี้ ถ้าพวกเจ้ามีเรื่องอะไรก็เข้ามาหาข้าก็พอ”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนโล่งอก หลังจากที่กล่าวขอบคุณกันไม่หยุดแล้วก็แยกย้ายกันออกไป
ภายในห้องจึงเหลือเพียงเถ้าแก่ร้านแพรไหมกับพนักงานเท่านั้น แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวก็วางถ้วยน้ำชาลง กล่าวกับเถ้าแก่ว่า “ช่วงนี้พวกเจ้าปรับลดราคาผ้าไหมพวกนี้ลงแล้วขายออกไป อีกหลายวันข้าจะเอาสินค้าใหม่ให้พวกเจ้า ส่วนพวกเจ้าถ้าคิดจะอยู่ต่อก็ทำงานให้ดี ถ้าไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปได้ตอนนี้เลย”
หางานทำไม่ใช่เรื่องง่าย หลายวันที่ผ่านมาเถ้าแก่กับพนักงานต่างก็ขมวดคิ้วคิดหนัก เพราะคิดว่าจะไม่ได้ทำงานนี้อีก เวลานี้พอได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็ดีใจเสียแทบแย่ ต่างก็รับประกันว่าตัวเองจะอยู่ทำงานนี้อย่างดีที่สุด
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า แล้วก็บอกที่อยู่ของจวนให้เถ้าแก่รู้ กล่าวกับเขาว่า “พวกเจ้าไม่ต้องมาทุกวัน เจ้าดูแลรับผิดชอบร้านนี้ทั้งหมด นี่เป็นที่อยู่ของบ้านข้า ถ้ามีเรื่องอะไรที่จัดการไม่ได้เจ้าก็ส่งคนมาแจ้งให้ข้าทราบก็พอ”
เถ้าแก่จดจำอย่างดี กล่าวด้วยความเคารพว่า “แม่นางวางใจได้ ข้าจะไม่ทำลายความไว้ใจของท่านเด็ดขาด”
“เป็นเช่นนี้ก็วิเศษที่สุด ถ้าพวกเจ้าจัดการกับผ้าไหมพวกนี้ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ถึงวันสิ้นปีข้าจะมีของรางวัลมอบให้พวกเจ้า ทุกคนได้รับเงินสามถึงห้าตำลึงต่างกันไป”
ไม่ต้องพูดถึงพนักงานเลย ขนาดเถ้าแก่ที่ทำงานให้กับพระชายารองมานานหลายปีก็ยังไม่เคยได้รับเงินรางวัลแม้แต่แดงเดียว พอได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวบอก ทุกคนต่างก็รู้สึกยินดีไม่น้อย เถ้าแก่ถามขึ้นว่า “แม่นางต้องการให้พวกเราลดราคาลงกี่ส่วนขอรับ?”
“สามถึงสี่ในสิบส่วนเถอะ จะกี่ส่วนให้เฉพาะเจาะจงไปนั้นก็ให้เจ้าตัดสินใจเอง เจ้าทำงานมานานมีประสบการณ์มากพอ ข้ามีคำขอเพียงข้อเดียว ไม่ว่าจะขายได้มากน้อยกี่ตำลึงก็ตามพวกเจ้าอย่าโลภ จะต้องทำบัญชีตามความเป็นจริง ถึงตอนนั้นข้าจะมาตรวจสอบบัญชี ถ้าข้ารู้ว่าบัญชีของพวกเจ้าไม่ถูกต้องแล้วล่ะก็ พวกเจ้าก็น่าจะรู้นะว่าจะมีจุดจบเช่นไร”
เหตุการณ์เมื่อสักครู่ยังติดตาพวกเขาทุกคนอยู่ และความโลภก็เป็นห้ามของเถ้าแก่ร้านทุกคน ถ้าถูกคนรู้เข้า ไม่เพียงแต่จะมีจุดจบที่ไม่ดี แต่ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าใช้ตัวเอง เถ้าแก่รู้เหตุผลข้อนี้ดี กล่าวรับรองขึ้นทันควันว่า “แม่นางสบายใจได้ขอรับ เรื่องที่ท่านเป็นห่วงไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเมิ่งฉี เดินไปขึ้นรถม้าแล้วก็ออกเดินทางมุ่งกลับจวน
เถ้าแก่กับพนักงานต่างก็ส่งพวกเขาออกจากร้านด้วยความเคารพ มองดูรถม้าที่วิ่งไกลออกไป แล้วจึงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง เถ้าแก่กำชับพวกพนักงานว่า “เจ้านายคนใหม่ของเราเป็นผู้ที่ร้ายกาจมาก ต่อไปพวกเจ้าต้องทำงานให้ดี มิเช่นนั้นใครก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้”
ฉากเมื่อสักครู่นี้พวกพนักงานต่างก็เห็นเต็มๆ ตา จึงรู้ดีว่าเถ้าแก่บอกเพราะว่าหวังดีต่อพวกเขา ต่างก็พยักหน้าหงึกหงัก
ภายในรถม้า เมิ่งฉีกลับต่อว่าเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “เจ้าดูเจ้าสิ เป็นสาวเป็นแส้แล้วยังชอบลงไม้ลงมือเหมือนแต่ก่อน…”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รอให้เขาพูดจบ ชูมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วก็ร้องว่าโดนใส่ร้าย “พี่รอง ข้าถูกใส่ร้าย ท่านก็เห็นแล้วว่าตั้งแต่ต้นจนจบข้ายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ทั้งหมดเป็นฝีมือของชิงหลวนกับจู๋หลีต่างหากล่ะเจ้าคะ”
เมิ่งฉีทั้งขำทั้งโมโห “ที่พวกนางลงมือก็เป็นเพราะเจ้าสั่ง แล้วจะต่างกับที่เจ้าลงมือเองตรงไหน?”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบกลับว่า “แตกต่างสิเจ้าคะ นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าตอนนี้ข้าที่เป็นน้องสาวของท่านเป็นกุลสตรีแล้ว”
เมิ่งฉีทั้งโมโหทั้งหัวเราะ ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้าทะเล้นยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา “พี่รองเจ้าคะ พวกเราซื้อกิจการตั้งหลายอย่างในครั้งเดียว มีแค่เราสองคนนั้นดูแลไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ มีเพียงต้องยืมกำลังให้พวกเขาช่วยเราดูแลถึงจะไหว แต่พวกเขาต่างก็รู้ว่าท่านเป็นคนที่มาจากที่อื่น เวลานานไปอาจจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดได้ เดิมทีข้าคิดจะจัดการพวกเขาสักตั้ง ในเมื่อคนพวกนั้นเผอิญมาหาเรื่องถึงที่ ประจวบเหวาะกับที่ข้าจะเชือดไก่ให้ลิงดู เป็นเช่นนี้แล้วพวกเขาก็จะช่วยเราดูแลกิจการกันแต่โดยดี อีกอย่างก็ทำให้คนอื่นที่มีแผนร้ายต่อกิจการของเขาจะได้เลิกคิดที่จะทำเช่นนั้น”
เมิ่งฉียิ้มลูบศีรษะของนาง “พี่รองรู้ความคิดของเจ้า แต่เจ้าทำเช่นนี้อีกไม่กี่วันเรื่องก็กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ถึงตอนนั้นถ้าเจ้าแต่งงานกับอี้เซวียนจริง เหล่าคุณหนูฮูหยินจะใช้เรื่องนี้มาประณามเจ้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้าด้าน กางมือยักไหล่แล้วยิ้มอย่างไม่ยอมรับ “ข้าไม่ได้ทำอะไรนี่เจ้าคะ ข้าก็แค่ยืนอยู่ที่นั่นมองดูสาวใช้ทุบตีคนโดยไม่ห้ามเท่านั้นเอง”
เมิ่งฉีลูบศีรษะของนางอีก “เจ้านี่นะ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวแกล้งทำหน้าผีใส่เขาอย่างดื้อรั้น เมิ่งฉีหัวเราะเสียงดังตลกท่าทางของนาง
นอกรถม้าชิงหลวนกับจู๋หลีได้ยินเสียงหัวเราะของเมิ่งฉีอย่างมีความสุขก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถึงประตูหน้าจวน พอลงจากรถม้าก็เห็นฮั่วเซียงผิงที่เป็นสาวใช้ของฮั่วเซียงหลิงยืนอยู่ที่หน้าประตูกำลังยื่นหน้าเข้าไปมองภายในจวน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองอย่างขำๆ แล้วถามขึ้นว่า “แม่นางเซียงผิง ที่เจ้ามีวันนี้มีธุระอะไรหรือ?”
ฮั่วเซียงผิงสะดุ้งตกใจจากเสียงของนาง รีบหันกลับมาทันที สองมือถืออะไรบางอย่างซ่อนไว้ข้างหลัง น้ำเสียงตื่นเต้นพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “คะ คุณหนูเมิ่ง ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทางที่พยายามปิดบังอะไรของนาง ยิ้มแล้วเดินไปหานางตรงหน้า “วันนี้ทำธุระเสร็จเร็ว ข้ากับพี่รองก็เลยกลับ” พูดไปก็มองที่หน้าประตูไปด้วย แล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “หลี่เอ้อร์ล่ะ ทำไมไม่อยู่เฝ้าที่หน้าประตู?”
“อ๋อ” สาวใช้รีบพูดขึ้นว่า “ข้ามาหานายน้อยเหวินเจ้าค่ะ เขาจึงไปช่วยตามให้ น่าจะใกล้ออกมาแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวแกล้งยิ้มพร้อมกับเรียกนาง “มีธุระอะไรแม่นางเซียงผิงก็เข้ามาคุยข้างในเถอะ”
เซียงผิงรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน ชี้ไปที่รถม้าข้างนอกแล้วรีบพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนูเมิ่ง คุณหนูของเราให้ข้าเอายาชั้นดีมาให้นายน้อยเหวินเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวส่งให้นายน้อยเหวินแล้วข้าก็จะกลับไปรายงาน”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้บังคับนาง กล่าวว่า “อีกประเดี๋ยวเหวินเปียวน่าจะออกมาแล้ว แม่นางเซียงผิงรอไปนะ ข้าจะเข้าไปก่อนแล้ว”
ฮั่วเซียงผิงพยักหน้าอย่างร้อนรน
เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีจึงเดินเข้าไปในจวน
ฮั่วเซียงผิงมองข้างหลังของพวกเขาแล้วก็ถอนหายใจ รู้สึกว่ามือที่ถือจดหมายอยู่มีเหงื่ออกมาจนเย็นชื้นไปหมด
เหวินเปียวพอได้ยินคนเฝ้าประตูมาเรียกก็คิดว่ามีธุระสำคัญถึงได้มาหาเขา รีบร้อนเดินตามคนเฝ้าประตูออกไปข้างนอก มองเห็นเมิ่งฉีกับเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาก็ชะงักฝีเท้า ทักทายพวกเขาทั้งสองด้วยความเคารพ “แม่นาง คุณชายรอง พวกท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ”
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวดูไม่ดี บอกกับเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พบเซียงผิงเสร็จแล้วก็มาหาข้าที่เรือนด้วย”
เหวินเปียวเห็นท่าทางของนางที่ดูเหมือนไม่สบายใจ คิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น รีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “แม่นางมีธุระอะไรก็สังข้ามาได้เลย ข้าไปทำเดี๋ยวนี้”
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวค่อยดูดัขึ้นมาบ้าง มองเขาอย่างมีความนัยแอบแฝงแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินกลับเรือนของตัวเองไป
เหวินเปียวรู้สึกไม่เข้าใจ มองคนเฝ้าประตูอย่างมึนงง
คนเฝ้าประตูก็ไม่เข้าใจความหมายของเมิ่งเชี่ยนโยว มองหน้าเขาอย่างมึนงงเช่นกัน
ฮั่วเซียงผิงเห็นเหวินเปียวก็ตะโกนเรียกเขาที่หน้าประตู “นายน้อยเหวิน!”
เหวินเปียวรู้สึกตัวแล้วก็เดินไปถึงประตูอย่างเชื่องช้า
พอฮั่วเซียงผิงเห็นเขาดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ตัวเองมาก็รู้สึกดีใจ ขนาดน้ำเสียงยังฟังดูดีใจขึ้นหลายส่วน “นายน้อยเหวินเจ้าคะ คุณหนูของเราให้ข้าเอายาชั้นดีมาให้อีก”
เหวินเปียวตอบกลับอย่างง่ายๆ ว่า “ขอบใจคุณหนูของพวกเจ้าที่ระลึกถึง ข้าเกือบจะหายดีแล้ว ยาพวกนี้เอากลับไปดีกว่า”
ฮั่งเซียงผิงโบกมือเป็นพัลวัน กล่าวทันควันว่า “คุณชายเหวิน ข้าเป็นเพียงสาวใช้ ถ้าทำงานที่คุณหนูมอบหมายไม่สำเร็จกลับไปต้องโดนลงโทษ ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลยนะเจ้าคะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไปที่รถม้าอย่างฉุกละหุก ถือยาขึ้นมากอดไว้ในอกแล้วก็รีบวิ่งกลับอย่างรวดเร็ว แล้วก็เอายาทั้งหมดส่งให้กับมือของเหวินเปียว
เหวินเปียวไม่มีทางเลือกจึงต้องรับทั้งหมดนั้นไว้
สุดท้ายฮั่วเซียงผิงเอาจดหมายวางไว้ด้านบนของยา กระซิบพูดเบาๆ ว่า “นายน้อยเหวินเจ้าคะ นี่เป็นจดหมายที่คุณหนูของเรามอบให้ท่าน ท่านต้องอ่านอย่างละเอียดนะ”
—————————-
* ชั้นวางต้นไม้(花架子)เป็นคำอุปมาว่าข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง