องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 597 เยี่ยมเยียนในพระราชวัง
ฉีเฟยอวิ๋นคุยเรื่องสัพเพเหระกับพระพันปี พระพันปีผู้ไม่เห็นหน้าเจ้าห้าก็หดหู่ใจเล็กน้อย ฉีเฟยอวิ่นพลันพูดเอาอกเอาใจ ทั้งยังรับปากจะพาเจ้าห้าเข้าวังมาอยู่กับพระพันปีหนึ่งคืนอีกด้วย พระพันปีจึงอารมณ์เบิกบานขึ้นเล็กน้อย
หนานกงเย่มาถึงก็ได้ยินว่าจะพาบุตรชายเข้าวัง เขาก็ไม่ชักช้า ปล่อยให้ฉีเฟยอวิ๋นรั้งอยู่ในพระราชวัง ส่วนตัวเองก็กลับไปรับบุตรมาในบัดดล
ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้อยากตามไปรับบุตรชายเข้าวัง เนื่องจากร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน จึงอยู่คุยกับพระพันปีต่อและยังถือโอกาสแอบกระซิบวิธีการอยู่ร่วมกับเจ้าห้าให้แด่พระพันปีด้วย
เจ้าห้าเป็นคนขี้หึง หากทำอะไรผิดใจหน่อยก็จะชักสีหน้าให้ทันควัน
คุยไปสักพัก ฉีเฟยอวิ๋นก็พูดอ้อมๆให้พระพันปีฟัง พระพันปีรับฟังก็พอจะเข้าใจบ้างแล้ว พระนางได้ข้อสรุปว่า ไม่จำเป็นต้องมีวาจามากมาย เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่ต้องพูดสิ่งใดเลย แค่อุ้มเจ้าห้าอยู่เงียบๆเป็นพอ
เจ้าห้าชอบให้อุ้มยิ่งนัก
หนานกงเย่พาบุตรทั้งโขยงมาถึงพระราชวังอย่างเร็วไว ฉีเฟยอวิ๋นคำนวณเวลาเสร็จสรรพก็ออกไป โดยมีไห่กงกงกับแม่นมอีกสองคนร่วมทางด้วย
หนานกงเย่ลงจากรถม้าพลันอุ้มเจ้าห้าให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มลูกแล้วอดหอมแก้มไม่ได้ หนานกงเย่อุ้มมาคนหนึ่ง ที่เหลือก็ให้คนอื่นอุ้มเข้าวังด้วยกัน
พระพันปีเห็นหลานก็ดีใจยกใหญ่ พระองค์ทำตามคำบอกใบ้ของฉีเฟยอวิ๋น โดยอุ้มหลานแต่ละคน คนละหนึ่งรอบพร้อมกับกล่าวชื่นชมไม่หยุดหย่อน
สุดท้ายพระองค์ก็อุ้มเจ้าห้ามา พระพันปีอุ้มเจ้าห้าแบบไม่ยอมวางมือ เดินอุ้มวนไปเวียนมาอยู่ภายในพระตำหนักเฉาเฟิ่ง
ฉีเฟยอวิ๋นมองออก พระพันปีไม่ใช่ลำเอียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เพียงอุ้มบุตรคนอื่นแค่ครู่เดียวและชื่นชมไม่กี่ประโยคเท่านั้น ทว่าเมื่ออุ้มเจ้าห้ากลับไม่ยอมปล่อยมือ ทั้งยังไปไกล ด้วยเกรงว่าหลานคนอื่นได้เห็นได้ยินแล้วจะน้อยเนื้อต่ำใจ
ไห่กงกงที่ติดตามอยู่ด้านข้างก็ชอบอกชอบใจเจ้าห้าเป็นพิเศษ เด็กๆที่เหลืออีกสี่คนล้วนน่ารักกันหมด ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อมีเจ้าห้าอยู่ก็มักจะมองข้ามพวกเขา
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสงสารบุตรที่เหลือ จึงอยู่เล่นเป็นเพื่อนบุตรที่เตียงแกะสลักลายดอกสาลี่ของพระพันปี
ลูกๆทั้งหลายก็ล้วนพึงพอใจ ขอเพียงมีมารดาอยู่ด้วย อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ
พระพันปีอุ้มเจ้าห้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะมีโอกาสอยู่กับมารดา
ยามที่เจ้าห้าอยู่ด้วย พวกเขาล้วนเป็นบุตรของแม่นมทั้งสิ้น
ข่าวสมาชิกครอบครัวทั้งเจ็ดชีวิตของพวกเขาเข้าพระราชวังมาถูกลือกระฉ่อนทั่วทั้งวัง มู่เหมียนได้ยินว่าฉีเฟยอวิ๋นพาบุตรมาก็รีบแต่งองค์ทรงเครื่อง ก่อนจะมุ่งหน้าไปพระตำหนักเฉาเฟิ่ง จักรพรรดิอวี้ตี้ก็เสด็จมาจากพระตำหนักบำรุงฤทัยด้วย กระทั่งพระมเหสีหวาก็ยังอดใจมาดูเด็กๆไม่ได้ เมื่อเด็กๆส่งยิ้มให้พระนาง พระนางก็ยิ้มแก้มปริอย่างชื่นมื่นเช่นกัน
พระตำหนักเฉาเฟิ่งจึงครื้นเครงขึ้นมา เวลารัตติกาล ทว่าก็ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ต่างตั้งหน้ามาดูเด็กๆกันหมด
“พี่หญิงดูสิยิ้มให้ข้าด้วย หน้าตาดีมากเลยเพคะ” พระมเหสีหวาอุ้มเจ้าสามไม่หยุด พลางรู้สึกว่าหน้าตาคนในอ้อมแขนละม้ายคล้ายคลึงกับท่านอ๋องตวนมาก
พระพันปีทอดพระเนตรปราดหนึ่ง ก่อนจะรับสั่งว่า “เจ้าเป็นเสด็จย่าไทเฟยของเขา ย่อมต้องยิ้มให้เจ้าแน่”
“ใช่เพคะ พี่หญิงทรงรู้สึกไหมว่าองค์ชายสามหน้าตาเหมือนอ๋องตวนนะเพคะ?” พระมเหสีหวารับสั่งอย่างเบิกบาน
พระพันปียังคงอุ้มเจ้าห้าดุจเดิม พลางมองเจ้าสามปราดหนึ่ง “ใช่หรือ?”
พระพันปีลอบคิดในใจ นี่บุตรของอ๋องเย่นะ ไฉนจึงเหมือนอ๋องตวนล่ะ พระมเหสีหวาดูผิดแล้ว
พระมเหสีหวาไม่ยอมเลิกรา จึงได้ยินพระมเหสีหวารับสั่งต่อว่า “พี่หญิง บุตรที่เหมือนท่านลุง ท่านอามีถมเถไปเพคะ หม่อมฉันดูแล้วองค์ชายสามเหมือนอ๋องตวนเพคะ พระองค์ทรงทอดพระเนตรพระจักษุ พระนาสิก และพระขนงสิเพคะ เหมือนอ๋องตวนยามเด็กมากเลยเพคะ”
พระพันปีรู้สึกคับอกคับใจ เจ้าไม่มีหลานเป็นของตัวเอง เลยคิดจะเอาของข้าเป็นของตัวเองหรือ?
ช่างเถอะ ข้ามีหลานเป็นโขยงแล้วนี้
มู่เหมียนก็อุ้มเดินเล่นคนหนึ่ง
ครั้งนี้มู่เหมียนปรับร้ายให้กลายเป็นดีได้ล้วนเป็นความดีความชอบของฉีเฟยอวิ๋น ระหว่างพวกนางไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดมาก ทว่าก็รู้สึกดั่งพี่น้องในอุทรเดียวกัน
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้มอบของขวัญให้แก่เด็กๆเลย ครั้งนี้มู่เหมียนได้เตรียมไว้แล้ว นางมอบกำไลทองที่เฝ้าดูขั้นตอนการผลิตด้วยตัวเองแก่เด็กๆ ซึ่งกำไลทองนี้สามารถปรับขนาดเล็กใหญ่ตามใจชอบ และยังได้สลักชื่อ เจ้าใหญ่ เจ้ารอง เจ้าสาม ตามลำดับอีกด้วย
มู่เหมียนเอาไปสวมให้เด็กทุกครั้ง พร้อมกับไม่ลืมหอมมือเล็กนุ่มนิ่งด้วย
ยามนี้มู่เหมียนที่อุ้มเจ้าใหญ่กล่าวอย่างอิจฉาขึ้นมา “ข้ารู้สึกว่าเจ้าใหญ่ซื่อตรงน่ารัก เจ้าดูดวงตาสุกใสของเขาคล้ายกับดวงดาวที่สว่างแพรวพรายยามราตรี ข้าอิจฉาเจ้ามากเลย หากข้าคลอดได้ทีละมากๆอย่างนี้ก็คงจะดี บัดนี้เจ้ากับฉวนเอ๋อร์ล้วนมีบุตรกันหมดแล้ว ก็เหลือแต่ข้าที่ไม่มี ไม่รู้ว่าท้องของข้าจะดีหรือเปล่า หากมีโอรสกับฝ่าบาทได้ ข้าก็พอใจแล้ว”
เดิมทีมู่เหมียนแค่พูดไปแบบไม่มีเจตนาแอบแฝง ทว่าพวกพระพันปีกลับได้ยิน
พระมเหสีหวามองมู่เหมียนปราดหนึ่ง สตรีคนนี้ตรงไปตรงมาดี ทว่าเสียดายทั้งสองตำหนักไม่ใช่คนธรรมดา
พระมเหสีหวาส่งยิ้มให้พระพันปี “พี่หญิง ดูไม่ออกเลยว่าหรงเต๋อเฟยจะเป็นคนเปิดเผยเยี่ยงนี้เพคะ”
พระพันปีมองมู่เหมียนปราดหนึ่ง “ยังอายุน้อย เพียงมุทะลุตามวัย ทว่าความคิดนี้ถือเป็นเรื่องดี”
จักรพรรดิอวี้ตี้ที่อุ้มเจ้ารองอยู่เงียบๆ
ไทเฮาตั้งท้องเป็นพระธิดา พระสนมเอกเซียวก็เช่นกัน ซึ่งหมอหลวงเคยกราบทูลแล้ว
มู่เหมียนอยากมีพระโอรสจึงไม่ใช่ไม่มีเหตุผล
เมื่อทุกคนผลักกันพูดคำสองคำเสร็จ พระพันปีหลวงก็รับสั่งให้กลับไปอย่างยากเย็น จากนั้นก็รู้สึกอยากบรรทมแล้ว
บรรดาหลานๆออกไปในความพึงพอใจของพระพันปีหลวง และกำลังคิดว่าหากมีหลานอยู่เป็นเพื่อนพระนางสักคนก็คงจะดีไม่เบา
เมื่อตรึกตรองดูแล้ว พระพันปีจึงลุกขึ้นยืน “ไปอุ้มเจ้าห้ามา”
ไห่กงกงชะงักงัน กล่อมองค์ชายห้ายากจะตาย หากร้องขึ้นมาจะทำเยี่ยงใด?
“เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ?” พระพันปีรู้สึกเหลืออด
ไห่กงกงไปหาฉีเฟยอวิ๋น โดยยอมเสี่ยงว่าจะอาจจะโดนตำหนิติเตียนที่กล่อมองค์ชายห้าไม่ดีได้
เมื่อเดินมาถึงนอกพระตำหนัก จึงทูลอย่างนอบน้อมหนึ่งประโยค ซึ่งยังไม่ได้เข้าไป ทว่าฉีเฟยอวิ๋นก็อุ้มเจ้าห้าออกมาเสียแล้ว
ไห่กงกงรู้สึกอึ้ง ที่นี่คือพระตำหนักข้างในเขตตำหนักเฉาเฟิ่ง ถึงแม้จะไม่ห่างกันมากนัก ทว่าก็รู้สึกแปลกไม่น้อย หรือรู้ว่าเขาจะมา?
“บ่าวคารวะท่านอ๋องเย่กับพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ” สายตาไห่กงกงแหลมคม เห็นหนานกงเย่ตามออกมาจากข้างหลังด้วย
เวลานี้หนานกงเย่รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย เพราะเจ้าห้าไม่ยอมนอนสักที คล้ายกับไม่สบายตรงไหนสักที่หนึ่ง เมื่อครู่เจ้าอีกามาแล้วบอกว่าเจ้าห้าจะไปหาเสด็จแม่
ลูกคนนี้ก็แปลก ไปหาเสด็จแม่กลางดึกกลางดื่นทำไม ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าห้ายังไม่ยอมห่างจากอวิ๋นอวิ๋นอีกด้วย
“ดึกขนาดนี้กงกงยังไม่พักผ่อนอีกหรือ มีเรื่องกระไร?” หนานกงเย่อุ้มเจ้าเสือน้อยไว้ เนื่องจากจนปัญญา เพราะเจ้าเสือน้อยจะติดตามเจ้าห้าไปทุกที่ หากไม่ให้ตามมาด้วยจะโวยวายไม่หยุดแน่
เจ้าเสือน้อยโตไวมาก แค่ไม่กี่วันก็แข็งแรงขึ้นเยอะเลย
ยามที่เข้าวังได้มอบหมายให้อาอวี่ดูแลอยู่ในรถม้า ทว่าอาอวี่รายงานว่าดูไม่ไหว จึงไหว้วานให้คนเข้ามากราบทูล หนานกงเย่เลยไปอุ้มเจ้าเสือน้อยเข้ามา
ไห่กงกงรู้สึกหวาดกลัวเจ้าเสือน้อยยิ่ง มองดวงตาทั้งคู่ของเจ้าเสือน้อยทีไรก็มีอันต้องอกสั่นขวัญแขวนเมื่อนั้น
ไห่กงกงรีบตอบว่า “พระพันปีนอนไม่หลับพ่ะย่ะค่ะ อยากให้องค์ชายห้าไปอยู่เป็นเพื่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงเย่กับฉีเฟยอวิ๋นสบตากันครู่หนึ่ง อันที่จริงฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกปแปลกใจ ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอันใด สามีภรรยาต้องรับหน้าที่ดูแลบุตรชายร่วมกัน คนหนึ่งไปแล้ว อีกคนหนึ่งต้องอยู่ หากไปกันทั้งสองคนจะไม่มีคนดูแลบุตรที่เหลือ
ฉีเฟยอวิ๋นอุ้มเจ้าห้าพลันมองเจ้าเสือน้อยปราดหนึ่ง “เจ้าลงมา ให้ท่านอ๋องอยู่ดูแลเจ้านายน้อยคนอื่น”
เจ้าเสือน้อยร้องเสียง “โฮก” ทำให้ไห่กงกงตกใจกลัวจนเหงื่อซึม แล้วรีบกระเถิบถอยหลังไปหลายก้าว หนานกงเย่ปล่อยเจ้าเสือน้อยลง เจ้าเสือน้อยก็รีบตามฉีเฟยอวิ๋นพร้อมกับคำรามเสียง “โฮก”อย่างรื่นรมย์ ยามเดิน กระโปรงฉีเฟยอวิ๋นยาวจนลากพื้น ส่วนเจ้าเสือน้อยกระโดดโลดเต้นตามไปเบื้องหน้า
ไห่กงกงด้านข้างกลัวจนใจหายใจคว่ำ