ตอนที่ 333 ตอนนั้นสายตาของผมไม่ดี + ตอนที่ 334 ทางฝั่งนี้ก็โวยวายขอหย่าเช่นกัน

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 333 ตอนนั้นสายตาของผมไม่ดี + ตอนที่ 334 ทางฝั่งนี้ก็โวยวายขอหย่าเช่นกัน โดย Ink Stone_Romance

 ตอนที่ 333 ตอนนั้นสายตาของผมไม่ดี

เสียงพูดของจี้เจี้ยนโปเพิ่งจะดังขึ้นมาไม่ทันไร อู่เจิ้งหงก็ตะโกนขึ้นมา “จี้เจี้ยนโปคุณยังจะกล้าพูดออกมาอีกเหรอ?”

“คุณพูดน้ำเสียงอย่างนี้อีกแล้วนะ อู่เจิ้งหง ผมพอแล้วจริงๆ กับการที่คุณชอบพาลไม่มีเหตุผล จิตใจคับแคบอย่างกับคนประสาท มองใครก็ว่าเป็นนังจิ้งจอกทุกคน ถ้าใช้ชีวิตกับคุณต่อไป ช้าเร็วผมคงประสาทหลอนแน่ เราหย่าขาดกัน!”

อู่เหมยสะดุ้งตกใจ เธอไม่คิดว่าจี้เจี้ยนโปจะพูดเรื่องหย่าร้างขึ้นมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คนในตระกูลอู่ก็พากันตกตะลึง ถึงแม้ครอบครัวอู่เจิ้งหงจะทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังดีจนพวกเขาไม่ได้กังวลเรื่องสองคนนี้จะหย่าร้างกันสักนิด จี้เจี้ยนโปให้ความสำคัญกับอาชีพการงาน ตราบใดที่อ้างเรื่องตำแหน่งงานอยู่ต่อหน้าเขา จี้เจี้ยนโปก็จะไม่หย่าร้าง

แต่ตอนนี้มันเกิดเรื่องอะไรกัน!

หรือว่าจี้เจี้ยนโปไม่อยากเป็นรองศาสตราจารย์แล้ว?

อู่เจิ้งหงโกรธจนตาแดง เธอกล่าวตำหนิ “จี้เจี้ยนโป คุณถูกนังจิ้งจอกล่อให้หลงใหลหมดแล้ว คุณคอยดูนะ วันนี้ปล่อยให้มันหนีไป แต่ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ฉันจะถลกหนังของมัน!”

อู่เหมยแอบโล่งใจอยู่เงียบๆ ในใจ ดูเหมือนอู่เจิ้งหงทำไม่สำเร็จ เพียงแต่จี้เจี้ยนโปคิดอย่างนี้ ไม่นึกเลยว่าจะกล้าพูดเรื่องหย่าออกมา?

จี้เจี้ยนโปก็เบาใจเช่นกัน ความเอือมระอาในใจที่มีต่ออู่เจิ้งหงยิ่งมากขึ้น ตอนแรกยังมีความกังวลอยู่บ้าง แต่พอเห็นการแสดงออกของคนในตระกูลอู่ เขาก็มีความมั่นใจแล้ว

‘ตำแหน่งรองศาสตราจารย์คือผลประโยชน์ของคุณที่ตระกูลอู่หลอกล่อไว้ ก็คือพวกเขาอยากให้คุณทรมานตลอดทั้งชีวิต ไม่อย่างนั้นลูกสาวที่โง่เหมือนหมูของพวกเขา จะคุมคุณ สามีที่เจ้าชู้ได้อย่างไร?’

ในหัวก็นึกขึ้นถึงคำพูดของผู้หญิงที่สวยและสดใสในช่วงบ่ายคนนั้นได้ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเธอเป็นพี่สาวของเหวินจิ้ง แถมยังบอกเขาว่าหากชอบเหวินจิ้งจริงๆ ก็ให้ไปจัดการเสือตัวเมียในบ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องไปรบกวนชีวิตที่เงียบสงบของเหวินจิ้ง

จี้เจี้ยนโปรักเฮ่อเหวินจิ้งอย่างใจจริง พอได้ยินว่าอู่เจิ้งหงวางแผนจะไปจัดการเฮ่อเหวินจิ้ง เขาก็โมโห บวกกับคำพูดเหล่านั้นที่เจ้าอิงหนานพูด เขาอยากจะอาละวาดที่นี่ให้หนักจริง ๆ  ก็เพื่อระบายความคับแค้นที่อยู่ในใจมาหลายปีออกมา

“อู่เจิ้งหง สิ่งที่ผมเบื่อที่สุดก็คือความประสาทของคุณ ผมไม่มีแม้กระทั่งอิสระในการคุยกับเพื่อนร่วมงานหญิง เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมพูดคุยกับผู้หญิงคนใด ในสายตาของคุณ พวกเขาก็คือนังจิ้งจอก คุณนี่ไร้เหตุผลจริงๆ!”

จี้เจี้ยนโปด่าจนสมใจ เขาสบายใจอย่างที่สุด แม้จะรู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนตัวเองดูไม่ออก แต่จะน้อยใจตัวเองไปทำไม?

อย่างไรซะ ตระกูลอู่ก็ไม่คิดจะช่วยเขาอีก แล้วทำไมอยู่ต่อหน้าอู่เจิ้งหงเขาจะต้องระมัดระวังตัวด้วย?

อู่เจิ้งหงแก้ตัวให้ตัวเอง “ฉันไม่ให้คุณคุยกับผู้หญิงตั้งแต่ตอนไหน? ฉันก็บอกคุณว่าอย่าไปเดินใกล้กับผู้หญิงสวยๆ เกินไป!”

จี้เจี้ยนโปมองหน้าบานๆ ของอู่เจิ้งหงอย่างเอือมระอา

เขาพูดเหน็บแนม “คุณยังหาผู้หญิงที่น่าเกลียดกว่าคุณได้เหรอ?

คำพูดเหล่านี้มีความเลวร้ายอยู่บ้าง อู่เจิ้งหงหน้าซีด คนในตระกูลอู่ก็หน้าบึ้งตึง พวกเขาไม่พอใจจี้เจี้ยนโปอย่างมาก

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่อู่เจิ้งหงเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นมาว่าเธอหน้าตาขี้เหร่ คำพูดของจี้เจี้ยนโปทำให้ความโมโหของเธอปะทุขึ้นมา เธอกรี๊ดขึ้นมาแล้วก็พุ่งเข้าใส่ เธอแยกเขี้ยวยิงฟัน อยากจะข่วนหน้าของจี้เจี้ยนโป แต่จี้เจี้ยนโปไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แค่ป้องกันแต่ไม่โต้ตอบ แค่มือข้างเดียวก็จับแขนของอู่เจิ้งหงเอาไว้ได้ เธอไม่สามารถขยับได้

“พ่อ แม่ เห็นแล้วใช่ไหม? ผมผ่านวันนี้ไปไม่ได้แล้ว ผมต้องหย่า!”

จี้เจี้ยนโปตัดสินใจเด็ดขาด ความเอือมระอาต่ออู่เจิ้งหงมันท่วมท้นเกินจะบรรยาย เขาไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว

ท่านแม่เฒ่าอู่แอบโกรธแค้นอยู่เงียบๆ ในใจ แต่ก็ทำได้แค่ทำหน้ายิ้ม เธอเตือนจี้เจี้ยนโปดี ๆ

“หน้าตาเจิ้งหงอาจจะเทียบกับผู้หญิงสวยๆ ข้างนอกเหล่านั้นไม่ได้ แต่พวกเธอสองคน ตอนนั้นก็ถูกใจกันเอง แค่นี้ก็อธิบายแล้วได้ว่าเจี้ยนโป เธอก็ยังมีความรู้สึกต่อเจิ้งหง…”

จี้เจี้ยนโปขัดจังหวะคำพูดของท่านแม่เฒ่า เขาพูดอย่างนอบน้อมและจริงใจมาก “ตอนนั้นผมสายตาไม่ดี แต่ตอนนี้ผมสายตาดีขึ้นแล้ว!”

……………………………………………………………………………………

ตอนที่ 334 ทางฝั่งนี้ก็โวยวายขอหย่าเช่นกัน

คำพูดของจี้เจี้ยนโปทำให้คนในตระกูลอู่ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน อู่เจิ้งหงโกรธจนตัวสั่น ถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะตระหนักได้ว่า จี้เจี้ยนโปคิดจะหย่าจริงๆ ไม่ได้ขู่เธอให้กลัว

อู่เจิ้งหงลนลาน อย่างที่เห็นว่าเวลาปกติเธอมีท่าทางขึงขัง ดุเหมือนกับเสือตัวเมีย แต่แท้ที่จริงแล้วมาจากความหวาดกลัวภายในใจของเธอ เพราะเธอกลัวว่าจี้เจี้ยนโปจะหย่าขาดกับตัวเธอเอง เพราะความกลัวจริงๆ เธอถึงอยากดึงเขาเอาไว้ให้แน่น แต่กลับใช้วิธีที่ผิด ผลที่ได้จึงตรงกันข้ามกับที่หวังไว้

อู่เหมยนั่งกับอู่เชา ทั้งสองคนนั่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ อย่างสนุกสนาน ไม่กระทบต่ออารมณ์ในการกินข้าวของพวกเขาเลยสักนิด

ท่านผู้เฒ่าอู่กับอู่เจิ้งต้าวอารมณ์เสียเพราะความกำเริบเสิบสานของจี้เจี้ยนโป แม้ว่าในใจจะเห็นใจเขา แต่ก็จนปัญญากับลูกสาว (น้องสาว) หากหย่าขาดกับจี้เจี้ยนโป เธอก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คงพยายามฆ่าตัวตายครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะอย่างไรก็ไม่ยอมหย่า

ดังนั้นตอนนี้ฝ่ายที่ถูกกระทำคือตระกูลอู่ เมื่อในตอนนี้มันไม่มีอะไรที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว จี้เจี้ยนโปไม่สนใจเรื่องตำแหน่งรองศาสตรจารย์ที่กวนใจเขาอีกต่อไปแล้ว ตระกูลอู่บีบบังคับเขาไม่ได้อีกแล้ว กลับยังต้องพูดดีๆ กับเขาเสียด้วยซ้ำ

หากไม่เกินที่คาดเดาไว้ ทางตระกูลอู่ก็รับปากว่าจะประเมินให้เขาได้เป็นรองศาตราจารย์ให้เร็วที่สุด เมื่อก่อนพอจี้เจี้ยนโปได้ยินแล้ว ก็จะไม่กล้ากำเริบเสิบสาน แต่ตอนนี้เขากลับไม่เป็นอย่างนั้น เขาพูดอย่างไม่แยแส

“ตอนนี้ผมไม่สนว่าจะได้เป็นรองศาสตราจารย์หรือไม่ เดี๋ยวพอหย่าขาดกันแล้ว ผมก็จะกลับไปสอนหนังสือที่บ้านเกิด เหมือนกับพี่รองที่เป็นครูมัธยม ก็อิสระดี ไม่แน่ว่าอาจจะได้เป็นครูต้นแบบประจำอำเภอด้วยนะ!”

จี้เจี้ยนโปหยุดไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจพลางกล่าว “หลายปีมานี้ผมไม่ได้กลับบ้านเกิดเลย ไม่ได้ไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่เมื่อกลับแล้วก็จะได้แสดงความกตัญญูพอดีเสียที!”

พูดถึงพ่อแม่ของจี้เจี้ยนโป คนตระกูลอู่ก็มีส่วนผิดอยู่บ้าง อู่เจิ้งหงแต่งงานกับจี้เจี้ยนโปหลายสิบปีแล้ว แต่ได้กลับไปบ้านเกิดของเขาแค่ครั้งเดียว แม้กระทั่งจี้เหวินฮุ่ยกับน้องชายก็เช่นกัน ปกติแล้วจี้เจี้ยนโปจะหาเวลากลับไปสองสามวัน จริงๆ แล้วอู่เจิ้งหงทำไม่ถูก

อู่เหมยดูละครอย่างมีความสุข พลางกินซี่โครงหมูไปหลายชิ้นจนปากมันแผล็บ

อู่เชาพูดกระซิบ “เธอว่าคุณอาหญิงกับอาเขยจะหย่ากันจริงๆ ไหม?”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่นิสัยและลักษณะท่าทางแบบนั้นของอาหญิงเรา ดูยังไงก็ไม่ยุติธรรมกับอาเขยจริงๆ จิ๊จิ๊ อาเขยทนได้ยังไงตั้งหลายปี!”

อู่เหมยพูดเกินจริง ตี๋ชิวเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ ได้ยินชัดเจน อดหัวเราะไม่ได้ เด็กน้อยพูดจาไม่มีปิดกั้น แต่พวกเขาก็พูดถูกจริงๆ จี้เจี้ยนโปคู่กับอู่เจิ้งหงไม่ยุติธรรมจริง ๆ

ตี๋ชิวเยวี่ยกับอู่เหมยมีความคิดตรงกัน ไม่ว่าพวกคุณจะโวยวายแค่ไหน เธอก็ไม่พูดอะไรสักคำ

แท้จริงแล้ว อู่เหมยรู้ว่าหย่าขาดกันไม่ได้ จี้เจี้ยนโปแค่วางมาดใหญ่โตให้คนกลัวเท่านั้น ปากพูดว่า ไม่ลำบาก แต่เอาเข้าจริงๆ ถ้าเขาต้องไปสอนหนังสือที่บ้านเกิด คงแทบจะร้องไห้ด้วยซ้ำไป

ทว่าคนที่อยู่ในเกมจะมองไม่ทะลุ แต่คนที่อยู่นอกเกมจะมองได้ทะลุปรุโปร่ง อู่เหมยมองออก คนตระกูลอู่ตกหลุมพรางเสียแล้ว พวกเขากลัวจี้เจี้ยนโป ยิ่งมีเพื่อนร่วมทีมที่โง่อย่างอู่เจิ้งหง สุดท้ายอย่างไรก็แพ้ให้จี้เจี้ยนโป

อู่เจิ้งต้าวรับปากว่าช่วงสองสามวันนี้จะนัดคณบดีของคณะจี้เจี้ยนโปกินข้าว เพื่อปรึกษาเรื่องตำแหน่งรองศาสตราจารย์ แม้ว่าจี้เจี้ยนโปมีสีหน้าไม่สนใจ แต่ในใจกลับดีใจ

คณบดีของคณะเขากับอู่เจิ้งต้าวเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ขอเพียงอู่เจิ้งหงยอมออกหน้า ปีนี้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของเขาต้องได้รับการเสนอขึ้นไป ผู้หญิงเมื่อตอนบ่ายคนนั้นพูดถูก

การขอหย่าร้างของครอบครัวอู่เจิ้งหง ตอนนี้ถือว่าหยุดไว้ชั่วคราว ผลลัพธ์เช่นนี้ อู่เหมยไม่แปลกใจเลยสักนิด หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็ขอตัวลากลับบ้าน เตรียมไปนินทากับจ้าวอิงหนานต่อ

เฮ่อเหวินจิ้งยังอยู่ที่บ้านตระกูลสยง หลังจากที่ได้ฟังอู่เหมยเล่าเกินความจริง เธอรู้สึกหวาดกลัวสุดๆ แอบดีใจที่ไม่ได้ไปทำงาน เธอถูกจ้าวอิงหนานล้างสมอง ตอนนี้เธอความรู้สึกลุ่มหลงต่อจี้เจี้ยนโปน้อยลงไปมาก รู้สึกเหมือนกับฝันไป

ตอนนี้เธอตื่นจากฝันแล้ว

เฮ่อเหวินจิ้งเตรียมสอนอู่เหมยเต้นคลาสสิกด้วยความคึกคัก ทั้งยังจะให้อู่เหมยทำท่าเคลื่อนไหวพื้นฐานหลายท่า

………………………………………………………………….