แดนนิรมิตเทพ บทที่ 825
เล่ชิงชางรู้ว่าไม่สามารถปิดบังหยุนซานได้ และเขาก็ไม่ได้คิดที่จะปิดบังเช่นกัน

“ถูกต้อง เป็นเรื่องของหอการค้าโม่เจียจริง ๆ!”

หยุนซานหัวเราะและกล่าวว่า “พี่เล่ ผมเคยบอกพี่เกี่ยวกับเรื่องของหอการค้าโม่เจียแล้ว ขอเพียงแค่พวกเขาไม่ใช้กำลัง ตระกูลหยุนก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้”

“ยกโทษที่ผมไม่สามารถช่วยพี่ได้!”

เล่ชิงชางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหยุนซานปฏิเสธได้เด็ดขาดมาก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองตระกูลแล้ว ถึงแม้ว่าตระกูลหยุนจะเคยประกาศแล้ว แต่หยุนซานควรจะถามสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเล่ก่อนแล้วค่อยสรุป

แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เขาไม่ถามอะไร และปฏิเสธทันที

ด้วยความฉลาดหลักแหลมของเล่ชิงชางแล้ว เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของหยุนซาน

เล่ชิงชางมองหยุนซาน มีประกายแว่บเข้ามาดวงตาที่สังเกตยาก หัวเราะและกล่าวว่า “น้องหยุนซาน คำพูดเหล่านั้นเป็นการพูดให้บุคคลภายนอกฟังไม่ใช่เหรอ? นายจะถือเป็นเรื่องจริงจังทำไม?”

หยุนซานส่ายศีรษะ “ไม่! พี่เล่เข้าใจผิดแล้ว หอการค้าโม่เจียไม่ใช่ธุรกิจธรรมดา มียอดฝีมือคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ถ้าตระกูลหยุนตระบัดสัตย์ มันจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหยุนเสียหายอย่างหนัก กระทั่งอาจจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ ดังนั้นตระกูลหยุนจึงจำเป็นต้องรักษาสัญญา!”

คำพูดของหยุนซาน ทำให้เล่ชิงชางมั่นใจในความรู้สึกของตนเองมากยิ่งขึ้น

สีหน้าของเล่ชิงชางทรุดลงทันที “น้องหยุน ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราสองตระกูลแล้ว นายละเว้นสักครั้งได้ไหม?”

หยุนซานยังคงหัวเราะและกล่าวว่า “พี่เล่ อภัยให้ผมด้วย คราวนี้ผมไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ”

“หมายความว่าตระกูลหยุนเห็นคนตายต่อหน้า แต่ก็จะไม่ช่วยใช่ไหม?” เล่ชิงชางอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของหยุนซานหายไปเช่นกัน เขามองเล่ชิงชางและกล่าวว่า “พี่เล่ กล่าวหนักเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงการแข่งขันทางธุรกิจปกติเท่านั้น จะเอาชีวิตของพี่เล่ได้อย่างไร? พี่เล่ อย่าบีบบังคับให้คนอื่นทำในสิ่งที่ทำไม่ได้!”

เล่ชิงชางอยากจะหันหลังแล้วเดินจากไป แต่เมื่อเขานึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลเล่แล้ว ตอนนี้มีเพียงตระกูลหยุนเท่านั้น ที่สามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหาได้ เขาจึงทำได้เพียงระงับความโกรธของตนเอง และถามเบา ๆ ว่า “น้องหยุน ถ้าตระกูลเล่มีอะไรล่วงเกินตระกูลหยุน รบกวนบอกให้กระจ่างด้วย ระหว่างพวกเราสองคนไม่จำเป็นต้องใช้กลอุบายเล็ก ๆ พวกนั้นหรอก?”

หยุนซานยิ้มด้วยความเย็นชา มีความเกลียดชังประกายอยู่ในดวงตา ในที่สุดเขาก็พูดความในใจออกมา “นายไม่รู้หรือว่าลูกสาวตัวดีของคุณทำอะไรไว้ ยังต้องให้ผมพูดอีกเหรอ?!”

เล่ชิงชางเข้าใจทันที สีหน้าของเขาผ่อนคลายมากขึ้น “น้องหยุน ที่แท้เป็นเพราะเรื่องนี้เอง”

“ผมยอมรับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องผิดของลูกสาวผม และผมให้เฟิงเอ๋อร์ตักเตือนเธอแล้ว ถ้าเธอยังคงดื้อรั้นไม่ยอมรับผิดอีก ผมก็จะไปจับเธอกลับมาด้วยตนเอง”

“จับกลับมา?” หยุนซานเยาะเย้ย ความเกลียดชังในดวงตายิ่งหนาแน่นขึ้นไปอีก

เล่ชิงชางไม่รู้เหตุผลที่หยุนซานโกรธจริง ๆ เขาคิดว่าหยุนซานแค่ไม่พอใจกับวิธีลงโทษเล่หรูหั่วเท่านั้น

“ถ้าน้องหยุนคิดว่าลงโทษเบาเกินไป ผมก็จะกักขังเธอ แบบนี้คุณน่าจะพอใจแล้วใช่ไหม?!”

“กักขัง?” หยุนซานยังคงเยาะเย้ย

เล่ชิงชางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกว่าการลงโทษแบบนี้มันหนักแล้ว เธอแค่ติดต่อกับผู้ชายคนอื่นเท่านั้น? ก็ทำให้หยุนซานไม่พอใจมากขนาดนี้เชียวเหรอ?

“น้องหยุน ผมคิดว่าการลงโทษแบบนี้มันหนักมากแล้ว ถึงแม้หรูหั่วจะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับเทียนหลิง แต่พวกเราก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับชีวิตประจำวันของเธอใช่ไหม? เพราะถ้าทำเช่นนั้น มันจะมากเกินไป” เล่ชิงชางกล่าวแสดงความคิดของตนเองออกมา

“มากเกินไป?” หยุนซานนึกถึงหยุนเทียนหลิงที่นอนอยู่บนเตียง และกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต เขาคำรามออกมาว่า “เล่ชิงชาง คุณรู้ไหมว่าเป็นเพราะลูกสาวของคุณ ไปเล่นหูเล่นตาอย่างไร้ยางอายกับผู้ชายคนอื่น ทำให้เทียนหลิงถูกคนอื่นทำร้ายจนขาหักสองข้าง ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต!”