บทที่ 79 ความลับของเราสองคน

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

ส่วนที่ 4 The truth is bound to come to light anyway.

(ถึงอย่างไรความจริงย่อมต้องปรากฏ)

หญิงสาวที่เลือกคู่ผิด ท้ายที่สุดก็ได้รับการลงทัณฑ์ที่โหดร้าย

นั่นคือเรื่องราวของเปโตรนิยา ลอว์รา เลอ โกรเชสเตอร์

ตอนเห็นผู้ชายคนนั้นครั้งแรกเปโตรนิยาก็หลงใหลไปกับความรู้สึกที่สร้างขึ้นเอง หัวใจรู้สึกวูบวาบราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ภายใน ชายหนุ่มรูปงามและเพียบพร้อมทำให้สองตาของนางมืดบอด หัวใจของนางหยุดเต้น เปโตรนิยาที่ยังเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนต่อโลกจึงไม่นึกสงสัยและเชื่อว่าชายคนนั้นคือเนื้อคู่ของตน

‘หากข้าได้เป็นเจ้าสาวของชายคนนั้น…’

เพราะข่าวลือเรื่องคนรักของจักรพรรดิที่ลือกันอย่างหนาหูทำให้ไม่มีควิเนสคนใดปรารถนาที่จะเป็นเจ้าสาวของจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงเปโตรนิยาที่ต้องการตำแหน่งนั้น

เดิมทีเลดี้วาเซียร์ได้รับคัดเลือกให้เป็นจักรพรรดินี แต่ที่สุดแล้วบิดาของนางก็วิ่งเต้นเพื่อให้นางถูกคัดออก จากนั้นเปโตรนิยาก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีอย่างราบรื่น

เปโตรนิยาดีใจจนเนื้อเต้นที่ทุกอย่างเป็นไปตามพรหมลิขิต ทว่า ความสุขนั้นก็พังทลายลงหลังจากแต่งงานกันได้ไม่ถึงครึ่งวัน สามีของนางปฏิบัติกับนางอย่างเย็นชาและบอกนางว่าอย่าคาดหวังความรักจากเขา สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปกกกอดอนุภรรยาตั้งแต่คืนแรกของการแต่งงาน

แต่ก็ไม่เป็นไร นางรักเขา และยิ่งไปกว่านั้นนางเป็นอัครมเหสี เขาไม่มีทางทอดทิ้งภรรยาหลวงได้ เปโตรนิยาคิดอย่างชะล่าใจ

นางไม่ได้รับความรัก และตระกูลของนางก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับฟ้าเหมือนกับตระกูลของอดีตจักรพรรดินีอลิซา ที่ยืนของนางค่อยๆ แคบลง ในขณะเดียวกันหญิงคนรักของจักรพรรดิก็คอยแต่จะหาทางสั่นคลอนตำแหน่งของนาง ความเย็นชาและเมินเฉยของสามีตลอดจนชีวิตในรั้วในวังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงทำให้นางเริ่มเหนื่อยล้าขึ้นทุกที

อุปนิสัยที่เคยสงบเสงี่ยมค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีทีละน้อย แม้ว่านางจะรู้ตัวแต่ก็ยากจะหันหลังกลับ นางสาปแช่งตัวเองที่กลายเป็นนางมารร้าย แต่ในขณะเดียวกันนางก็ไม่อาจหยุดตัวเองได้ แม้นางจะสาปแช่งตัวเองอยู่เสมอแต่นางก็ยังคงกระทำสิ่งที่เลวร้ายต่อไป

และนั่นยิ่งทำให้จักรพรรดิไม่ชายตามองนาง คนที่เคยอยู่เคียงข้างนางก็ทยอยจากไปหรือไม่ก็ปกป้องนางจนตัวตาย ซึ่งนั่นก็รวมถึงมีร์ยาและราฟาเอลาด้วย

ในที่สุดนางก็ได้รู้ความลับทั้งหมดของเขาและนั่นทำให้นางรู้ว่าเขาและนางมิใช่พรหมลิขิตของกันและกัน เขามีบาดแผลที่ลึกล้ำเกินกว่าที่นางจะยอมรับและมอบความรักให้ได้ นางไม่สามารถโอบอุ้มบาดแผลของเขาไว้ได้

ยิ่งได้รู้จากสามีว่าอนุภรรยาคนนั้นยอมรับและมอบความรักให้เขาได้ นางก็ยิ่งตระหนักได้อีกครั้งว่าผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เป็นคู่แท้ของเขา ส่วนความรักในวัยแรกแย้มของนางเป็นเพียงความรู้สึกอันถือดีของสาวน้อยเท่านั้น นางคิดผิดและหลงผิด แต่ต่อให้เสียใจแค่ไหน ตอนนี้นางก็เป็นผู้หญิงของจักรพรรดิไปเสียแล้ว

อนุภรรยาคนนั้นเป็นคนฉลาด เป็นนางมารร้ายที่เหนือกว่านางขุมหนึ่ง ในที่สุดนางก็ถูกผู้หญิงคนนั้นป้ายสีจนถูกปลดจากตำแหน่งจักรพรรดินี แม้กระทั่งตระกูลของนางก็ล่มสลายไปด้วย บิดามารดาและน้องสาวฝาแฝดที่นางรักต้องมารับโทษไปกับนาง นางแหลกสลายไปพร้อมกับหยาดน้ำค้าง[1]บนกิโยตีน หลังจากที่นางตายแล้ว ครอบครัวของนางก็คงต้องพบจุดจบเช่นเดียวกัน

ในวินาทีสุดท้ายของชีวิต นางคิดว่าชีวิตของตนช่างเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความแค้น หากได้เกิดใหม่อีกครั้ง หากทำเช่นนั้นได้ ไม่สิ หากได้ย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะเจอเขา นางจะไม่ผูกสัมพันธ์กับเขาอีก นางจะไม่ชายตามองเขา จะใช้ชีวิตอย่างคนไม่รู้จักกัน และเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอย่างสิ้นเชิง

นางหลับตาลงอย่างรวดร้าวพร้อมกับตั้งปณิธานในใจ

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนางก็ย้อนเวลากลับมาแล้ว หลังจากขอบคุณพรจากพระเจ้าได้เพียงไม่นานนางก็ต้องพบกับความสิ้นหวังอีกครั้งเพราะคราวนี้น้องสาวของนางกลายเป็นจักรพรรดินี

เปโตรนิยารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าแพทริเซียก็ย้อนเวลากลับมาเช่นกัน และที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้นก็เพื่อช่วยพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องคนนี้ น้ำตาของนางหลั่งริน นางรู้สึกผิดต่อแพทริเซียอย่างมาก

จากคนที่เคยร่าเริงสดใสกลับกลายเป็นคนหม่นหมอง นางตั้งปณิธานเอาไว้แล้ว ในเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ สิ่งที่นางต้องทำมีเพียงการเปลี่ยนอดีต ไม่สิ เปลี่ยนอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น เปโตรนิยาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ให้โศกนาฏกรรมซ้ำรอยอีกในชาตินี้

นางตั้งมั่นว่าจะต้องช่วยน้องสาวให้ได้ โชคดีที่แพทริเซียเป็นคนฉลาด ไม่ได้โง่เขลาเหมือนนาง และไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากนางขนาดนั้น บางครั้งแม้นางจะเห็นอยู่กับตาว่าแพทริเซียไม่มีความสุข แต่นางก็ทำได้แค่ปวดใจเท่านั้น

หากจะมีจุดที่พอจะปลอบประโลมนางได้ก็คงเป็นการที่น้องสาวของนางเป็นผู้ใหญ่มากกว่านางและจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างสุขุม เห็นดังนั้นนางจึงตระหนักได้อีกครั้งว่านิสัยของนางไม่เหมาะที่จะเป็นจักรพรรดินี

นางเคยเจ็บปวดเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของความรักที่คิดไปเองว่าเป็นพรหมลิขิตมาแล้วครั้งหนึ่ง นางจึงคิดว่าตนคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว คงไม่มีผู้ชายคนไหนมาหลงรักนาง และนางก็เชื่อว่าตัวเองเข็ดขยาดกับความรัก แต่พระเจ้าก็เล่นตลกทำให้นางต้องหวั่นไหวอีกครั้ง

“ข้าตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกพบ เลดี้ ข้ารักเลดี้ครับ”

ชายคนหนึ่งสารภาพรักกับนาง หากเป็นเมื่อก่อนนางคงจะดีใจและตอบรับความรักนั้น แต่นางกลัว กลัวว่าชายคนนี้จะเป็นเหมือนกับนางที่เข้าใจผิดว่าความรักแบบเด็กๆ เป็นความรักที่แท้จริง และหากเป็นเช่นนั้นนางอาจจะต้องเจ็บปวดอีกครั้งและอาจทำให้เขาเจ็บปวดไปด้วย

“ข้าคงรับความรู้สึกนั้นไว้ไม่ได้ค่ะ”

ด้วยเหตุนั้นนางจึงปฏิเสธ หลีกหนี และหลบเลี่ยง จนกระทั่งหญิงชราช่วยเตือนสตินาง

“อย่าหนีอีกเลย”

จงอยู่กับปัจจุบัน Carpe diem (คาเพเดียม) หลังจากได้ฟังคำนั้น เปโตรนิยาก็ตั้งใจจะแสดงความกล้าออกมาอีกครั้ง ต่อให้ชาตินี้นางจะต้องผิดหวังกับความรักอีกครั้งก็ตาม แต่ใครจะรู้ ครั้งหน้าพระเจ้าอาจจะส่งนางย้อนเวลากลับมาอีกก็เป็นได้ เปโตรนิยาตัดสินใจแล้ว นางจะต้องดึงความกล้าออกมา

ในระหว่างนั้นเองโอกาสที่นางจะได้ช่วยเหลือน้องสาวก็มาถึง โรสมอนด์ หญิงชั่วคนนั้นสับเปลี่ยนดอกไม้ที่แพทริเซียเตรียมไว้เป็นดอกซัลเวียที่จักรพรรดิเกลียด มิหนำซ้ำยังลงมือในวินาทีสุดท้ายก่อนจะถึงพิธีมอบดอกไม้! เปโตรนิยาตัดสินใจแล้วว่านี่เป็นโอกาสที่นางจะต้องก้าวออกมา

“ในที่สุดก็ได้พูดออกไป”

และผลของมันก็คือ

“ข้าเองก็ย้อนเวลากลับมาเหมือนเจ้า”

ความสำเร็จ

***

ไม่มีทางที่แพทริเซียจะไม่ตกใจ นีย่าก็ย้อนเวลากลับมาเหมือนข้า! แพทริเซียมองเปโตรนิยาด้วยความแววตาสับสน

“จริงหรือ” นางถาม

“อืม”

“เจ้าพูดจริงหรือ”

“ก็บอกว่าจริงอย่างไรเล่า”

แม้จะถามซ้ำ แต่เปโตรนิยาก็ยังคงยืนยันคำเดิม

“พระเจ้าช่วย ทำไมเรื่องแบบนี้…” แพทริเซียอุทาน

“เป็นความลับของเราสองคนนะ ริซซี่”

“แน่นอนอยู่แล้ว…ข้ายังไม่เคยบอกใครเลย”

แพทริเซียทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้าเหม่อลอย เปโตรนิยามองน้องสาวด้วยความสงสารพลางอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

“ข้าย้อนเวลากลับมาหลังจากที่เจ้าได้เป็นจักรพรรดินีแล้ว เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้สึกผิดต่อเจ้ามาก”

“ต่อให้เจ้าย้อนเวลากลับมาก่อนหน้านั้นข้าก็จะทำเหมือนเดิม ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ นีย่า”

“…ขอบใจนะ” เปโตรนิยาฝืนกล่าวเสียงสะอื้น “เปลี่ยนที่กันไหม คนอยู่กันเยอะเลย”

ทั้งสองคนย้ายไปสนทนากันที่ระเบียง แพทริเซียอุทานอย่างตกใจเป็นระยะระหว่างที่ฟังพี่สาวเล่า แต่ที่นางตกใจที่สุดย่อมเป็นตอนที่ได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

“พระเจ้าช่วย” นางอุทานออกมาอีกครั้ง “นีย่า ขอบใจเจ้าจริงๆ หากไม่มีเจ้าป่านนี้คงเกิดเรื่องไปแล้ว”

เพราะคนผู้นั้นเกลียดดอกไม้นั้นมากจริงๆ เปโตรนิยาได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

“โชคดีที่ไม่สายเกินไป”

“เป็นฝีมือโรสมอนด์ใช่หรือไม่”

“ใช่”

เปโตรนิยาพยักหน้า เห็นดังนั้น สีหน้าของแพทริเซียก็พลันโกรธเกรี้ยว

“ให้ตายสิ…”

“อย่าโมโหไปเลย ริซซี่ เรื่องก็จบด้วยดีแล้วมิใช่หรือ”

“…นั่นสินะ นิล เจ้าพูดถูก” แพทริเซียตอบเสียงสั่นก่อนจะถามต่อ “ขอกอดสักครั้งได้ไหม”

“ทำเหมือนคนเพิ่งพบหน้ากันไปได้”

แม้จะพูดเหมือนรู้สึกแปลกๆ แต่เปโตรนิยาก็ขยับตัวเข้าไปในอ้อมกอดของแพทริเซีย และแล้วน้ำตาของนางก็ไหลออกมาขณะที่พูดกับอีกฝ่าย

“ที่ผ่านมาเจ้าคงลำบากมากสินะ ริซซี่”

“นิล…”

“จากนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าเอง”

“…ขอบใจนะ” แพทริเซียเค้นเสียงพูด “โชคดีเหลือเกินที่มีเจ้าอยู่ด้วย”

***

-เพี๊ยะ

โรสมอนด์ตบหน้าคลารา สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ นางโกรธอย่างเงียบๆ

“ไยจึงเป็นเช่นนี้เล่า คลารา นี่เจ้าพลาดมากี่ครั้งแล้ว”

“…ขอประทานโทษค่ะ มาร์เชอเนส”

อันที่จริงนี่หาใช่ความผิดของคลารา นางทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแต่เปโตรนิยาดันแทรกเข้ามากลางคันเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นคลาราก็คล้ายคนไม่มีอะไรจะแก้ตัว นางต้องทำให้โรสมอนด์หายโกรธเสียก่อน

“ถ้าเลดี้โกรเชสเตอร์ไม่เข้ามาขวาง”

“…เฮ้อ ใช่ เจ้าพูดถูก” โรสมอนด์ตอบรับอย่างพูดไม่ออก “แล้วนางนั่นมันรู้ได้อย่างไรกันแน่”

“เรื่องนั้นข้าเองก็สงสัยค่ะ มาร์เชอเนส”

คลาราสั่งให้คนงานเปลี่ยนกล่องดอกไม้ก่อนจะนำเข้าไปในงาน เปโตรนิยารู้เรื่องนั้นได้อย่างไรถึงได้เตรียมดอกไม้มาแก้สถานการณ์ได้ คลาราส่ายหน้า นี่เป็นเรื่องที่นางไม่อาจรู้ได้ ในตอนนั้นเองโรสมอนด์ก็พึมพำอย่างเหม่อลอย

“หรือว่า…”

“คะ?”

“ไม่มีอะไร ไม่แน่นางอาจจะรู้อะไรมา” โรสมอนด์สั่งคลาราเสียงแข็ง “หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่องจะยิ่งยุ่ง คลารา เจ้าเขียนจดหมายถึงแจนยูเอรีเดี๋ยวนี้ บอกให้นางระวังตัวให้มากขึ้น เปโตรนิยารู้เรื่องทุกอย่างแล้ว”

***

“เปโตรนิยา”

เปโตรนิยาหันไปตามเสียงเรียก

“รอธซี”

“หาตั้งนานแน่ะครับ”

“ขอโทษค่ะ” เปโตรนิยาเอ่ยขอโทษหน้าเจื่อน แต่นางก็มีเรื่องให้ใช้แก้ตัว “มีธุระด่วนน่ะค่ะ”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะครับ เกี่ยวกับพระจักรพรรดินีหรือครับ”

เปโตรนิยาพยักหน้าเงียบๆ รอธซีกล่าวด้วยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ

“ข้ามิได้จะตำหนิ เพียงแต่เป็นห่วงเท่านั้นครับ”

“ข้ารู้ค่ะ โร”

รอธซีได้ยินดังนั้นก็งุนงง เปโตรนิยาจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“เรียกว่าโรได้ไหมคะ”

“ได้สิครับ นีย่า ข้าดีใจยิ่ง”

รอธซียิ้มกว้างเหมือนดอกไม้บาน แต่เพียงครู่เดียวหลังจากนั้นเขาก็เร่งเร้าเปโตรนิยา

“ข้าอยากเต้นรำกับเลดี้ครับ”

“เอ่อ…”

นั่นสิ จะว่าไปแล้วนางยังไม่เคยเต้นรำกับอีกฝ่ายเลยสักครั้ง

“จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ” หญิงสาวพึมพำ

“ครับ ครั้งแรก” รอธซีตอบรับอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวเสริม “แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ในอนาคตก็ยังมีเวลาอีกมาก”

หากข้าไม่ต้องย้อนเวลาอีกครั้ง ข้าคงได้ใช้เวลาร่วมกับชายผู้นี้อีกมาก เปโตรนิยาคิดเช่นนั้นพลางยิ้มเศร้า ไม่มีเรื่องให้ต้องย้อนเวลาอีกแล้ว นางพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกหดหู่กับความจริงที่ว่าช่วงเวลานี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่แล้วของนาง

“ใช่ค่ะ ยังมีเวลาอีกมาก” เปโตรนิยาตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

ถึงอย่างไรข้าก็ขออยู่กับปัจจุบัน เปโตรนิยาคิดในใจ


[1] น้ำค้างในที่นี่มาจากสำนวน น้ำค้างในลานประหาร (형장의 이슬) น้ำค้างเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้ามืดและมักจะสลายหายไปในตอนเช้าที่อุณหภูมิสูงขึ้น จึงใช้เปรียบเปรยกับชีวิตที่เปราะบางของมนุษย์ที่มีเกิดย่อมมีดับ และใช้เปรียบเปรยกับผู้ที่เสียชีวิตโดยการถูกประหารชีวิต