ตอนที่ 466 คุณนายใหญ่มา / ตอนที่ 467 เธอควรเรียกฉันว่าแม่

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 466 คุณนายใหญ่มา

 

 

           โชคดีที่เขากลับถึงบ้านเร็ว เธอจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

 

 

           เธอเอนกายพิงเขาพลางเอ่ย “คุณไปไหนมาคะ?”

 

 

           สีหน้าเขาไม่เปลี่ยน มือยังคงหวีผมให้เธอช้าๆ เหมือนเดิม “ผมสั่งให้คนไปสืบประวัติอินรุ่ยน่ะ”

 

 

           “อืม ฉันก็คิดว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เขาเป็นลูกครึ่งใช่ไหมคะ?” เธอต่อคำพูดเขาอัตโนมัติ

 

 

           พูดจบพลันรู้สึกถึงอายบรรยากาศรอบตัวเขาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าเขาถมึงทึง จึงเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “คุณกำลังหึงเหรอคะ?”

 

 

           ไม่ใช่มั้ง เธอแค่พูดถึงเขานิดเดียวเอง จำเป็นต้องมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ด้วยหรือ?

 

 

           เขาครางเสียงฮึ “คุณคิดว่าเขาหล่อมากใช่ไหม?”

 

 

           คำว่าลูกครึ่งมักจะเป็นตัวแทนของคำว่าสวยหล่อเสมอ ไม่เชื่อก็ลองไปดูหน้าตานายแบบนางแบบระดับโลกดูสิ ส่วนใหญ่มีแต่ลูกครึ่งทั้งนั้น

 

 

           เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ฉันพูดแค่นิดเดียวเอง คุณได้ยินฉันชมเขาจากคำไหนไม่ทราบ?”

 

 

           “ผมฟังคุณตลอดแหละ” จิ้นหยวนก้มศีรษะลงแล้วหยิกแก้มเธอเบาๆ “คุณมันเป็นยัยตัวร้าย รอให้คลอดลูกออกมาก่อนเถอะ คอยดูซิว่าผมจะลงโทษคุณยังไง”

 

 

           เธอส่ายศีรษะพลางยิ้มอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “จอมขี้หึง”

 

 

           จิ้นหยวนครางเสียงฮึแล้ววางหวีในมือลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นจูงมือเธอพลางเอ่ย “ไป ผมเห็นในครัวเตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลย ผมพาคุณไปทานข้าวนะ”

 

 

           “ค่ะ” เธอลูบหน้าท้องตนเองเบาๆ เดินตามเขาลงบันไดไป

 

 

           ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่ายังมีเรื่องอะไรอีก โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ แต่เรื่องกินน่ะเรื่องใหญ่สุด

 

 

           วันเวลาค่อยๆ หมุนผ่านอย่างช้าๆ ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

 

 

           อินรุ่ยหนีไปได้อีกครั้งจนหายเข้ากลีบเมฆ ส่วนตัวบงการอย่างหร่วนเซียงเซียงก็ตายไปแล้ว ทำให้จิ้นหยวนพอจะโล่งใจไปได้บ้าง

 

 

           คราวนี้เขาไม่กล้าชะล่าใจเรื่องความปลอดภัยของเธออีก เขาส่งบอดี้การ์ดสี่คนคอยคุ้มครองเธอโดยไม่ฟังคำคัดค้านของเธอสักนิด และกำชับนักหนา หากเธอออกนอกบ้านจะต้องให้พวกเขาติดตามเธอไปด้วยทุกครั้ง

 

 

           ตอนแรกเฉียวซือมู่ไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่เธอเถียงไม่ชนะจิ้นหยวน ทำให้ต้องยอมรับชะตากรรมอย่างจำยอม

 

 

           จิ้นหยวนกลับเข้าสู่ชีวิตการทำงานที่ยุ่งเหยิงอีกครั้ง เขาออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านดึกเหมือนเดิม ส่วนเฉียวซือมู่ที่ยังคิดจะออกไปทำงานนอกบ้านก็ต้องพับโครงการเอาไว้ก่อนอย่างไม่มีกำหนด

 

 

           เธอไม่ค่อยพอใจนัก แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องล่ะ

 

 

           ตอนนี้เธอเองก็ขี้เกียจออกจากบ้านแล้ว ได้แต่หมกตัวอยู่แต่ในบ้านโดยไม่มีอะไรทำไปวันๆ แม้จะน่าเบื่อ แต่ถือว่าชีวิตสงบสุขดี

 

 

           แต่เธอใช้ชีวิตสงบสุขได้เพียงไม่นาน ชีวิตแสนสงบสุขก็ต้องจบสิ้นลงเพราะใครคนหนึ่ง

 

 

           วันนั้น เธอเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้าน ไม่นานก็เห็นสาวใช้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน “คุณนาย คุณนาย คุณนายใหญ่มาหาคุณค่ะ”

 

 

           “อะไรนะ?” เธอตะลึงนิ่งอึ้งชั่วครู่กว่าจะเรียกสติกลับคืนมาได้ “อ้อ รู้แล้ว ฉันไปเดี๋ยวนี้แหละ”

 

 

           คุณนายใหญ่ที่เธอพูดถึงน่าจะหมายถึงฉินเพ่ยหรง คุณแม่ของจิ้นหยวนล่ะมั้ง?

 

 

           เธอสาวเท้าจะรีบตามไป แต่กลับถูกสาวใช้รั้งแขนเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยวค่ะ คุณพ่อบ้านกำชับว่าห้ามคุณทำอะไรเร็วเกินไป มันไม่ดีต่อลูกในท้อง คุณลืมไปแล้วเหรอคะ?”

 

 

           เธอกลอกตาอย่างเซ็งๆ “ฉันลืมไปแล้วจริงๆ ด้วย แต่เธอกลับจำได้แม่นเลยนะ”

 

 

           เธอนิสัยดีมาก ปฏิบัติต่อคนรับใช้ในบ้านอย่างอ่อนโยนเสมอ จนบรรดาสาวใช้ทั้งหลายไม่กลัวเธอเลยสักนิด ได้ยินเธอพูดเช่นนั้นจึงหัวเราะเบาๆ “นั่นเป็นเพราะคุณพ่อบ้านสั่งให้พวกเราท่องความรู้พื้นฐานต่างๆ ให้ขึ้นใจนี่คะ อีกอย่าง พี่สาวของฉันมีลูกตั้งสองคน ฉันเคยช่วยพี่สาวเลี้ยงหลานด้วยนะคะ ก็ต้องรู้เรื่องพวกนี้ดีนะสิคะ”

 

 

           “จริงเหรอ? ถ้างั้นเธอก็ต้องมีประสบการณ์เยอะแยะเลยนะสิ?”

 

 

           “ก็แน่นอนนะสิคะ จะบอกอะไรให้นะคะ…”

 

 

           ทั้งสองเดินกันไปคุยกันไปอย่างช้าๆ

 

 

 

 

ตอนที่ 467 เธอควรเรียกฉันว่าแม่

 

 

           สวนดอกไม้อยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์พอสมควร ต้องใช้เวลาเดินหลายนาที วันนี้เธอยังถูกสาวใช้บังคับให้เดินช้าๆ อีก เพราะฉะนั้น ตอนที่เดินกลับไปถึงคฤหาสน์ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีแล้ว

 

 

           เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย เมื่อก่อนฉินเพ่ยหรงทำตัวกับเธอแย่มาก ตอนนี้เธอมาถึงช้าขนาดนี้ ฉินเพ่ยหรงจะต้องโกรธเธอมากแน่

 

 

           เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินเพ่ยหรงดวงตาเป็นประกายวาบทันทีที่เห็นหน้าเธอ รีบถลาเข้าไปหาเธอและจับมือเธออย่างกระตือรือร้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “โธ่ พวกเขาบอกว่าเธอไปเดินเล่น ฉันกะว่าจะไปหาเธอเองอยู่เลยนะเนี่ย เธอจะรีบกลับมาทำไม ระวังจะเหนื่อยล่ะ มาๆๆ รีบนั่งพักก่อนเร็ว”

 

 

           เอ่ยพลางจูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาอย่างระแวดระวัง จากนั้นยิ้มตาหยี “เด็กคนนี้นี่ ท้องแล้วก็ไม่บอกที่บ้านสักคำ ต้องรอให้พวกเราได้ยินจากคนอื่นก่อนถึงจะรู้เรื่อง จริงๆ เลย เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ทำไมต้องทำเป็นคนอื่นคนไกลด้วยก็ไม่รู้”

 

 

           ที่แท้ฉินเพ่ยหรงมาที่นี่ก็เพราะรู้เรื่องที่เธอตั้งครรภ์แล้วนั่นเอง เธอกับจิ้นหยวนไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้พอดี เดาว่าหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นคนรายงานเรื่องนี้ให้พวกเขารู้ อย่างไรเสียที่นั่นก็เป็นโรงพยาบาลในเครือ จิ้นซื่อ กรุ๊ป นี่นะ

 

 

           เธอคิดๆ แล้วส่ายศีรษะเบาๆ “อาหยวนห้ามไม่ให้ฉันบอกค่ะ บอกว่าลูกยังเล็กเกินไป รอให้โตอีกหน่อยค่อยบอกค่ะ”

 

 

           พวกเธอมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้ แต่ตอนนี้พวกเธอยังเผยเหตุผลนั้นออกมาไม่ได้

 

 

           ดวงตาฉินเพ่ยหรงฉายแสงแรงกล้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาทั้งคู่จับจ้องหน้าท้องเธอเป็นประกายวิบวับ จนเธออยากจะหนีไปให้ไกลๆ

 

 

           โชคดีที่ดูเหมือนฉินเพ่ยหรงจะรู้สึกตัวว่าการกระทำของตนนั้นเกินเลยไปหน่อย จึงรีบปรับสายตาให้เป็นปกติ ท่าทางกระตือรือร้นจนเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องบาดหมางระหว่างทั้งสองคนมาก่อน “เด็กโง่ พวกเราไม่ใช่คนนอกซะหน่อย ทำไมจะบอกไม่ได้ล่ะ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน รู้อะไรๆ มากกว่าพวกเธอ เพราะฉะนั้น ต่อไปฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง อาหยวนเป็นผู้ชาย ไม่รู้หรอกว่าต้องดูแลเธอยังไง จริงไหม?”

 

 

           ฉินเพ่ยหรงพูดจายืดยาวอย่างกระตือรือร้นจนเฉียวซือมู่ไม่มีโอกาสเอ่ยแทรก เธอร้อนใจมาก พอฉินเพ่ยหรงพูดจบปุ๊บ เธอก็เอ่ยยิ้มๆ ปั๊บ “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณป้าเองก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ตอนนี้หนูแข็งแรงดี ดูแลตัวเองได้ค่ะ”

 

 

           “ทำอย่างนั้นได้ยังไง? คนท้องไม่เหมือนคนทั่วไปนะ เรื่องกินเรื่องอยู่ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นได้เสียใจไปทั้งชีวิตแน่”

 

 

           ฉินเพ่ยหรงโต้กลับทันทีด้วยท่าทีเด็ดขาด

 

 

           เฉียวซือมูมองดูท่าทางกระตือรือร้นของฉินเพ่ยหรง แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าที่ฉินเพ่ยหรงกระตือรือร้นมากขนาดนี้ก็เพราะลูกในท้องตนเท่านั้น แต่เธอก็อดดีใจไม่ได้

 

 

           คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ เธอหักหน้าฉินเพ่ยหรงไม่ลงหรอก

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเห็นท่าทางเธอแล้วตาเป็นประกายวาบ รีบจับมือเธอแน่น “ดูสิ ฉันซื้อของมาเยอะแยะเลยนะ เธอจะได้กินบำรุงร่างกายไง มาดูสิว่าชอบอะไรบ้าง จะได้สั่งให้ทางครัวเขาไปทำมาให้”

 

 

           เฉียวซือมู่เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีของเยอะแยะมากมายวางอยู่บนโต๊ะ

 

 

           ฉินเพ่ยหรงหยิบของออกมาทีละชิ้นๆ เพื่ออวดเธอ “นี่เป็นรังนกสีเลือดที่ดีที่สุดเลยนะ ดีต่อสุขภาพของผู้หญิงมาก ลูกในท้องจะได้ตัวขาวๆ อ้วนๆ ส่วนนี่เป็นโสมอายุร้อยปีเชียวนะ เป็นของดีมาก แล้วยังมี…”

 

 

           เธออวดของบำรุงที่ตนนำมาเยี่ยมเฉียวซือมู่ทีละอย่างๆ อย่างกระตือรือร้น