ตอนที่168 บังเอิญ โดย Ink Stone_Fantasy

“ท่านประธานหลิว พูดอะไรแบบนั้นเล่า?”

เยี่ยเทียนรู้ดีว่าภูมิหลังของเกาเฉียนจิ้นนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่ได้ตั้งใจอยากให้เขารู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหลิวต้าจื้อจะพูดคำว่า “ปรมาจารย์” ออกมา อยากจะห้ามแต่ก็ห้ามไม่ทันแล้ว

“เยี่ย……ท่านประธานเยี่ย ทำ……ทำไมหรือ?” เห็นสีหน้าของเยี่ยเทียน หลิวต้าจื้อก็รู้ตัวเลยว่าพูดผิด

“ปรมาจารย์เยี่ย? ประธานเยี่ย? น้องเยี่ย สรุปคุณทำเกี่ยวกับอะไรกันแน่เนี่ย?”

ความสามารถในการดื่มเหล้าของเกาเฉียนจิ้นไม่เลว เหล้าครึ่งลิตรยังไม่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยน หูก็ยังไม่สูญเสียการใช้งาน คำพูดของหลิวต้าจื้อจึงได้ยินเข้าหูทั้งหมด

“ผมหรือครับ? เรียนไปได้ครึ่งทางก็พักการเรียนตอนนี้ไม่มีงานทำ คุณอย่าไปฟังคุณหลิวเยินยอผม ว่าแต่พี่เกาอยู่ต่างประเทศพี่ทำอะไรบ้างหรือ?” เยี่ยเทียนหัวเราะและเปลี่ยนประเด็นไปที่ตัวของเกาเฉียนจิ้นแทน

“พี่ทำเกี่ยวกับการเงิน……” เกาเฉียนจิ้นฉลาดพอตัว หลังจากพูดประโยคนั้นออกไปก็รู้ทัน “เฮ้ ไอ้น้อง นี่น้องไม่จริงใจนี่ เปลี่ยนเรื่องทำไม?”

ว่ากันตามตรง เกาเฉียนจิ้นรู้สึกสนใจในตัวของเยี่ยเทียนจริงๆ

เพราะเกาเฉียนจิ้นสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นเว่ยหงจวิน หรือเหลยอู้ผู้มีภูมิหลังในเขตปักกิ่งถิ่นชาววังอยู่บ้าง ต่างก็ปฎิบัติต่อเยี่ยเทียนแปลกๆ ความรู้สึกแบบนั้นมันเหมือนเคารพและมีความหวาดกลัวเล็กน้อย

“เฮ้อ พูดไปคุณก็ไม่เชื่ออีก ผมไม่มีงานทำจริงๆ ก่อนหน้านี้เปิดบริษัทได้ไม่นานก็ต้องปิดตัวลง ตอนนี้จึงไม่มีงานจริงจังทำเลย……”

เยี่ยเทียนส่ายหน้าไปมาไม่ยอมพูดมาก ถึงแม้คนอย่างเกาเฉียนจิ้นจะไม่เลวนัก แต่วิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์แห่งชาติยังคงจับตามองด้านความเชื่องมงายจากยุคระบอบศักดินาอย่างเข้มงวด และยังเป็นประเด็นอ่อนไหว เขายังไม่อยากถูกคนจดจำได้

“ไม่จริงใจ ไอ้หนุ่มนี่มันไม่จริงใจจริงๆ ได้ ไม่พูดก็ไม่พูด ปรมารจารย์เยี่ยใช่มั้ย? กลับไปเดี๋ยวฉันไปสืบเองก็ได้……”

เกาเฉียนจิ้นไม่ใช่คนช่างตื๊อไม่เลิกรา เห็นเยี่ยเทียนไม่ยอมพูดเลยเปลี่ยนประเด็นมองไปทางเว่ยหงจวิน พูดว่า “ท่านประธานเว่ย วันนี้ท่านก็เสียหายไปไม่น้อยเลยนะ หยกชิ้นนั้นมูลค่าไม่ถึงแปดแสนหรอกมั้ง?”

จู่ๆ ถูกเกาเฉียนจิ้นพูดถึงตัวเองอย่างไม่ทันตั้งตัว เว่ยหงจวินจึงหลุดปากตอบว่า “ใครว่าไม่ถึง? เพิ่มอีกเท่าหนึ่งก็ถึง……”

“เหล่าเว่ย คุณก็ไม่จริงใจนี่ เตือนห้ามไม่ให้ผมกับเหล่าหลิวยื่นมือเข้าไปเอี่ยว แล้วทำไมถึงกดราคาของล่ะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ คุณต้องเล่าเรื่องหยกชิ้นนี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมไม่ปล่อยคุณไปแน่……”

หลังจากได้ยินคำพูดของเว่ยหงจวิน เหลยอู้ก็ไม่คล้อยตามแล้ว เขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหยกชิ้นนี้มีบางอย่างซ่อนไว้ จึงอาศัยความแรงของเหล้าที่ดื่มไป หยิบหยกที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเว่ยหงจวินออกมา

“เฮ้ย อย่าล้มเชียว!”

เว่ยหงจวินลุกลี้ลุกลน ไม่สนใจอะไรแล้ว เอ่ยปากพูดออกมาว่า “นี่เป็นของของเยี่ยเทียน พวกคุณไปถามเขาเองสิ……”

“นี่มันเรื่องอะไรกันหรือครับ?” เห็นพวกเขามองมาที่ตัวเอง เยี่ยเทียนก็หัวเราะแห้งๆ ออกมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

“อะแฮ่ม! ทุกคนมองผมกันทำไม?”

เยี่ยเทียนกระแอมไอสองเสียง พูดขึ้นอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “ความจริงก็ไม่มีอะไรหรอก หยกชิ้นนี้ผ่านพิธีกรรมจากผู้มีบุญมาก่อน พกไว้กับตัว สามารถใช้ป้องกันภัยอันตรายได้ เพราะฉะนั้นราคาสูงจึงเป็นเรื่องปกติ……”

“เป็นของขลังหรือ?!”

เยี่ยเทียนยังพูดไม่ทันจบคำ ดวงตาของเกาเฉียนจิ้นก็ลุกวาว ลุกขึ้นไปแย่งหยกจากมือของเหลยอู้มาทันที พลิกไปก็พลิกมาและพูดว่า “ถ้านี่เป็นของขลังจริง แปดแสนถือว่าไม่แพง……”

พอได้ยินคำพูดของเกาเฉียนจิ้น เยี่ยเทียนก็ถามอย่างสงสัยว่า “พี่เการู้จักของขลังด้วยหรือ?”

เยี่ยเทียนรู้ว่าเกาเฉียนจิ้นไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่สิบขวบ และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสิบกว่าปี เขาจะรู้จักคำว่าของขลังได้อย่างไร? ต้องเข้าใจก่อนว่าถึงแม้จะอยู่ในประเทศ แต่ก็มีคนไม่มากรู้จักชื่อของของเล่นชิ้นนี้ โดยทั่วไปจะรู้แค่ว่าเป็นสิ่งของใช้ป้องกันตัวเท่านั้น

“รู้สิ ฉันยังเคยเห็นเลย แต่ว่าของแบบนี้ฉันแยกไม่ออกหรอก เอาเป็นว่านี่คือของขลังจริงหรือเปล่า ฉันเองก็บอกไม่ได้”

เกาเฉียนจิ้นถือหยกเล่นในมือสักพัก พูดต่อว่า “มันเป็นเรื่องเมื่อปีที่แล้ว เวลานั้นมีผู้อาวุโสจากฮ่องกงท่านหนึ่งไปยังอเมริกา ในคณะเดินทางยังมีหลานสาวของเขาตามไปด้วยอีกคน ฉันเป็นคนต้อนรับพวกเขาเอง

ตอนอยู่บนทางด่วน รถที่เด็กสาวตระกูลถังนั่ง จู่ๆ เกิดขัดข้องพลิกคว่ำทั้งคัน พวกคุณรู้มั้ยหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ?” พอพูดถึงตรงนี้ เกาเฉียนจิ้นก็หยุดพูดแสร้งทำเป็นเรื่องลึกลับ

“เป็นยังไงต่อหรือ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?” สาวๆ อย่างอวี๋ชิงหย่ากับหลงเสวี่ยเหลียนต่างเบิ่งตาโต

“บนรถมีสามคน คนขับรถกับคนติดตามคุณผู้หญิงตระกูลถังตายคาที่ แต่ถังเสี่ยวเหม่ยกลับไม่เป็นอะไร……”

พอนึกถึงเรื่องในอดีต ดวงตาของเกาเฉียนจิ้นก็แสดงความหวาดกลัวออกมา หยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ จากนั้นจึงเล่าต่อ “แต่ว่าน้ำเต้าหยกที่ถังเสี่ยวเหม่ยใส่ติดตัวตลอดกลับแหลกสลาย พวกเธอรู้หรือเปล่า น้ำเต้าหยกชิ้นนั้น…….ก็คือของขลังนั่นเอง”

ตอนนั้นหลังจากช่วยคนออกมาจากในรถแล้ว เกาเฉียนจิ้นเห็นผู้อาวุโสคนนั้นเก็บหินหยกที่แตกกลับไปราวกับเป็นของล้ำค่า ถามไปถามมา ถึงได้รู้ว่าหินหยกชิ้นนั้นช่วยชีวิตของเด็กสาวคนนั้นไว้

เพราะเรื่องนี้ทำให้เกาเฉียนจิ้นรู้จักคำว่า “ของขลัง” ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะไม่เชื่อเรื่องผลสัมฤทธิ์ของของขลัง แต่ในใจของเขายังคงจำชื่อนี้ได้อย่างขึ้นใจ

“ของดีเนี่ย ป้องกันภัยอันตรายได้จริงๆ ผมว่านะเหล่าเว่ย ของชิ้นนี้คุณให้ผมเถอะ ผมจ่ายหนึ่งล้านเป็นไง?”

“เหล่าหลิว ของชิ้นนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านนะ ท่านประธานเว่ย ผมให้สองล้านว่ายังไง?”

หลังจากเกาเฉียนจิ้นพูดเรื่องนั้นจบ เหลยอู้กับหลิวต้าจื้อก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันใด

มีรถยนต์คันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ สามคนที่นั่งคันเดียวกันตายไปสอง อีกคนหนึ่งกลับไม่เป็นอะไรเลย นี่ไม่ใช่เพราะของขลังสัมฤทธิ์หรอกหรือ? ของที่สามารถช่วยชีวิตได้ เงินเยอะแค่ไหนก็คุ้มค่า

“ไม่ขาย สิบล้านผมก็ไม่ขาย คุณสองคนเลิกคิดไปเลย……”

เว่ยหงจวินเงื้อมมือไปแย่งหยกที่มือของเกาเฉียนจิ้นกลับมา ไม่ได้เก็บเข้ากระเป๋าเสื้อผ้าแต่กลับกำไว้ในมือ ทำสีหน้าแปลกๆ มองไปที่เกาเฉียนจิ้น พูดว่า “ท่านประธานเกา ผู้อาวุโสที่คุณพูดถึงเมื่อกี้ ชื่อถังเหวินหย่วนใช่มั้ย?”

ทีแรกเด็กสาวที่เกาเฉียนจิ้นพูดถึงเมื่อครู่แซ่ถัง ต่อมาหยกที่แตกก็เป็นน้ำเต้าหยก ทำให้เว่ยหงจวินนึกถึงชิ้นที่เยี่ยเทียนขายไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“ท่านผู้เฒ่าถังนั่นแหละ ทำไมหรือ? ท่านประธานเว่ยก็รู้จักด้วยหรือ?”

เกาเฉียนจิ้นผงกหัว ถังเหวินหย่วนกับผู้อาวุโสบ้านเขามีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง และที่เกาเฉียนจิ้นสามารถทำงานอยู่แวดวงการเงินในอเมริกาได้อย่างมั่นคง ช่วงแรกเป็นเพราะได้ความกรุณาของท่านผู้เฒ่าถัง

“เคยเจอ เคยเจอครั้งหนึ่ง……”

หลังได้ยินคำพูดของเกาเฉียนจิ้น สีหน้าของเว่ยหงจวินก็ยิ่งแปลกประหลาดกว่าเดิม มือขวาที่กำหยกไว้ยิ่งออกแรงกำแน่นขึ้นอีก เหลือบมองไปทางเยี่ยเทียน

“ทำไมล่ะ? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับน้องเยี่ยหรือ?”

ถึงแม้ทุกคนจะดื่มเหล้าเข้าไปแล้ว แต่พวกผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ มีใครบ้างไม่ใช่คนหูตาไวมองทุกอย่างทะลุทะลวงไปหมด สายตาที่เผลอมองของเว่ยหงจวิน ทำให้ทุกคนหันไปมองที่ตัวเยี่ยเทียนพร้อมๆ กัน

“เฮ้อ น้ำเต้าหยกชิ้นนั้นของท่านผู้เฒ่าถัง ผมเป็นขายเองครับ……”

โลกช่างบังเอิญอะไรขนาดนี้ เยี่ยเทียนเองก็ไม่อยากปิดบังอีกต่อไป แต่เมื่อของขลังที่ขายออก ได้ช่วยชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งไว้ เขาก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน

“อะไรนะ?!”

ทันทีที่เยี่ยเทียนพูดออกไป นอกจากหงเว่ยจวินแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็นั่งไม่ลง รวมถึงหลงเสวี่ยเหลียนกับน้าสาวของเธอต่างลุกกันขึ้นมา

ตอนแรกเจ้าของเรื่องคือเกาเฉียนจิ้น และทุกคนก็ฟังเป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่ง แต่ว่าพระเอกของเรื่องกลับกลายเป็นคนคนหนึ่งในวงเสียอย่างนั้น ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

โดยเฉพาะเหลยอู้กับหลิวต้าจื้อ สายตามองไปที่มือขวาของเว่ยหงจวินตลอดเวลา อยากจะเดินเข้าไปแย่งมา ผลสัมฤทธิ์ของสิ่งที่เยี่ยเทียนปล่อยมือไป ต้องไม่แย่ไปกว่ากันอย่างแน่นอน

“น้องเยี่ย นี่……สรุปแล้วน้องทำเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”

ในที่สุดเกาเฉียนจิ้นก็ไม่อาจต้านความสงสัยของตัวเองได้อีกต่อไป เขาคิดไม่ถึงว่าหยกแตกที่ถูกท่านผู้เฒ่าถังเก็บรักษาราวสมบัติล้ำค่า แท้จริงแล้วกลับได้มาจากเยี่ยเทียน

“ของขลังนั่นท่านอาจารย์มอบให้กับผม เหลืออยู่แค่ไม่กี่ชิ้น พวกคุณก็อย่าไปใส่ใจนักเลย……”

เยี่ยเทียนส่ายหน้าไปมา ก่อนอื่นต้องตัดความอยากได้ของพวกเขาออกไปก่อน จากนั้นพูดต่อว่า “พี่เกา ไม่ใช่เพราะน้องมีใจจะปิดบัง แต่น้องเป็นคนที่สืบทอดนรลักษณ์ศาสตร์เสื้อป่าน คนยุคสมัยใหม่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ น้องจึงกลัวว่าพี่จะ……”

แม้เยี่ยเทียนจะพูดยังไม่จบ แต่ความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว คุณชายเกาพอจะฟังออก อีกฝ่ายกลัวคนอื่นมองว่าตัวเองกำลังเผยแพร่ความเชื่อจากระบอบศักดินา เพราะฉะนั้นจึงปิดเงียบไม่ยอมพูด

“เฮ้ย น้องเยี่ย พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ?”

หลังเกาเฉียนจิ้นฟังคำพูดของเยี่ยเทียน ก็พูดต่ออย่างไม่เห็นด้วยนัก “ตอนฉันอยู่ไชน่าทาวน์ที่อเมริกา ฉันรู้จักคนแวดวงเดียวกับเธอไม่น้อยเลยนะ บางคนก็เป็นสายลัทธิเต๋าจริงๆ……”

วัฒนธรรมโบราณของประเทศจีนสูญหายไปครั้งใหญ่ ในช่วงแรกของปลายราชวงศ์ชิงจนถึงยุคสาธารณรัฐจีน ผู้คนมากมายล้วนเข้าใจผิดในอัตลักษณ์ของชาติ อีกทั้งหลังจากก่อตั้งสาธารณรัฐจีน ยังมีภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ที่สุดอีกครั้ง ทำให้ผู้มีความเชี่ยวชาญในวิชาแทบจะสาบสูญไปจนสิ้น

แต่ว่าในเขตชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล และมาเก๊า ฮ่องกง ไต้หวัน อีกทั้งในแถบตะวันออกเฉียงใต้ ศาสตร์ทำนายฮวงจุ้ยของจีนกลับได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกัน เกาเฉียนจิ้นยังนับว่ารู้จักคนดังอยู่ไม่น้อย

“หรือครับ? ถ้าผมพอมีเวลาจะไปทำความรู้จักสักหน่อย……”

หลังจากได้ยินคำของเกาเฉียนจิ้น คิ้วของเยี่ยเทียนกระตุกขึ้น เขาและอาจารย์อยู่ในยุทธภพมานานหลายปี เคยไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าของหลี่ซั่นหยวนมาบ้าง แต่ว่าคนสูงวัยเหล่านั้นเสียชีวิตกันไปเกือบหมดแล้ว อีกทั้งคนรุ่นหลังกลับไม่ได้สืบทอดวิชาของพวกเขาเลยสักคน

พอได้ยินเกาเฉียนจิ้นพูดว่าในต่างประเทศมีการสืบทอดต่อๆ กันมา ทำให้เยี่ยเทียนมีความคิดจะไปดูสักครั้ง ต้องเข้าใจด้วยว่านับตั้งแต่อาจารย์จากโลกนี้ไปแล้วก็ไม่มีใครพูดคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิชาอีกเลย

“เรื่องนี้ง่ายออก?”

เกาเฉียนจิ้นได้ยินแล้วก็หัวเราะ พูดขึ้นว่า “อีกไม่กี่วัน น่าจะประมาณอาทิตย์หน้า ไชน่าทาวน์ที่ซานฟรานซิสโกมีผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกำลังจะมา ก่อนฉันกลับไม่นานครูคนนั้นบอกฉันว่าฉันมีภัยติดตัว ครั้งนี้จึงมาช่วยฉันขจัดภัยนี้ออก……”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” เยี่ยเทียนอึ้งไปชั่วขณะ เขาร่ำเรียนวิชามาหลายปีและยังได้สืบทอดวิชาของอาจารย์ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่ามีคนเดินทางระยะไกลถึงขั้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยคนอื่นขจัดภัย

…………………………