“พูดอีกที เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”
อีกด้านหนึ่ง โรสมอนด์ที่เพิ่งตื่นนอนกำลังซักถามคลาราเสียงเกรี้ยวกราด คลาราแจ้งข่าวแก่โรสมอนด์อีกครั้งอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มีข่าวว่าเมื่อวานพระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีร่วมหอกันค่ะ”
“ร่วมหอรึ เมื่อวาน? ได้อย่างไร? ทำไม?”
“เมื่อวานองค์จักรพรรดิมีอาการชัก…”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องปลุกข้าสิ!”
ปลุกแล้ว แต่… คลาราแก้ตัวด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“เมื่อวานก็มีคนจากตำหนักกลางมาที่นี่ แต่ท่านหญิงบอกว่าจะนอนต่อ ห้ามปลุก ก็เลย…”
“…”
บ้าเอ๊ย โรสมอนด์สบถ ถ้าเกิดเรื่องนั้นขึ้นก็เป็นไปได้ว่าจะมีการร่วมหอกันจริงๆ เมื่อจิตใจอยู่ในจุดที่อ่อนแออย่างถึงที่สุดจนต้องการที่พึ่งและความเมตตา… นอกจากนี้สองคนนั้นยังเคยร่วมหอกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่ทั้งคู่จะ…!
“กรี๊ดดดด!” โรสมอนด์กรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว
“มาร์เชอเนส ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ!”
“ทำไมอะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง”
แน่นอนว่าต่อให้ทั้งคู่ร่วมหอกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือจักรพรรดินีเป็นหมัน นั่นคือความจริง ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ แต่… โรสมอนด์แค่รู้สึกไม่สบอารมณ์ นางเคยคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว แม้ความสัมพันธ์จะไม่เป็นไปดั่งใจนึกแต่นางก็คิดว่าเขาจะอยู่เงียบๆ ไปอีกสักระยะหนึ่ง
‘ข้าตัดสินใจผิดอย่างนั้นหรือ’
“คลารา”
โรสมอนด์เรียกคลาราเสียงสั่นด้วยโทสะ คลารารีบตอบรับเพราะไม่อยากโดนลูกหลงมากไปกว่านี้
“ค่ะ มาร์เชอเนส”
“ติดต่อแจนยูเอรีให้นางว่าจ้างนักฆ่าที”
“ฝ่าบาท อีกแล้วหรือเพคะ”
แต่เรื่องคราวก่อนเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานเองนะเพคะ… คลาราอ้างอย่างคนขี้ขลาดแต่โรสมอนด์ก็ดื้อดึง
“เร็วสิ! มิเช่นนั้นข้าอาจจะพลาดตำแหน่งจักรพรรดินีไปตลอดกาลก็ได้ เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ”
“มาร์เชอเนสคะ หากท่านมองการณ์ไกลเรายังมีวิธีอื่นอีกมาก ทำไมถึงใช้วิธีอันตราย…”
“คราวก่อนล้มเหลวแต่ก็ไม่มีใครจับได้มิใช่รึ” น้ำเสียงของโรสมอนด์ช่างน่าขนลุก “คราวนี้ก็อย่าให้จับได้เป็นพอ คลารา ตราบใดที่ยังเป็นความลับก็เท่ากับไร้ความผิด”
“…ทราบแล้วค่ะ”
ความดื้อรั้นของโรสมอนด์ทำให้คลาราจำต้องพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าจะส่งจดหมายไปให้มาดามแจนยูเอรี แต่มาร์เชอเนสคะ แล้วเรื่องช่วงเวลา…”
“ก็ต้องดูก่อน บอกนางไปว่าเรื่องนั้นจะบอกทีหลัง ตอนนี้ให้อ้างชื่อข้าไปก่อน”
“ค่ะ มาร์เชอเนส ข้าจะจัดการตามนั้นค่ะ”
โรสมอนด์คิดจะใช้โอกาสนี้จบเรื่องทั้งหมด ความอดทนของนางกำลังจะถึงขีดสุด และอายุของนางก็เพิ่มมากขึ้นทุกที
***
“เห็นข้าเป็นคนรับใช้หรืออย่างไร”
แจนยูเอรีอ่านจดหมายแล้วแอบบ่นอยู่ในห้องของตัวเอง นางร่วมมือกับโรสมอนด์เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายก็จริง แต่หมู่นี้การกระทำของโรสมอนด์ชักจะมากเกินไปหน่อยแล้ว นางได้แต่บ่นพึมพำอย่างไม่มีทางเลือก
“เอาเถอะ เมื่อโรสมอนด์ได้เป็นจักรพรรดินีและข้าได้เป็นดัชเชส ปัญหาทุกอย่างก็จบ”
ทนอีกหน่อยจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็แล้วกัน แจนยูเอรีบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะเก็บจดหมายของโรสมอนด์ลงในกล่องเครื่องประดับเช่นเคย โรสมอนด์มักจะเขียนลงท้ายจดหมายว่า ‘เผาจดหมายนี้ทิ้งเสีย’ พูดบ้าๆ สำหรับคนที่รู้จักนิสัยของโรสมอนด์ดีกว่าใครเช่นนางไม่มีทางเชื่อคำพูดนั้นเด็ดขาด ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรกัน แจนยูเอรีแค่นหัวเราะ
โรสมอนด์เป็นคนที่พร้อมจะทิ้งนางในทันทีเมื่อนางตกที่นั่งลำบากหรือขอความช่วยเหลือ ไม่สิ ดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะโยนความผิดทุกอย่างมาให้นางก็เป็นได้
-ก๊อกก๊อก
ตอนนั้นเองใครบางคนก็เคาะประตูห้อง แจนยูเอรีร้อง ‘อุ๊ย’ ออกมาก่อนจะปิดฝากล่องและรีบตอบรับ
“ค่ะ เชิญค่ะ”
ประตูถูกเปิดเข้ามาตามด้วยร่างของพ่อบ้าน นางเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้าปกติ
“มีอะไรหรือ พ่อบ้าน”
“เลดี้โกรเชสเตอร์นำขนมหายากมา บอกว่าอยากจะรับประทานกับมาดามแจนยูเอรีขอรับ จะให้ข้าเรียนว่าอย่างไรดีขอรับ”
“ขนมหายากหรือ”
“ฟังว่าเป็นขนมรสเลิศที่ทำถวายราชวงศ์สปลอรีเท่านั้นขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ”
นี่นับเป็นข่าวที่ทำให้คนรักขนมหวานอย่างแจนยูเอรีตาลุกวาว นางฮัมเพลงพลางพยักหน้า
“ได้ เดี๋ยวข้าลงไป”
นางตื่นเต้นเสียจนลืมว่าต้องเก็บกล่องเครื่องประดับที่ซ่อนจดหมายไว้กลับเข้าที่และเดินลงบันไดไปทันที
“ตายจริง อร่อยมากเลยนะคะ”
แจนยูเอรีอุทานอย่างประทับใจก่อนจะกัดขนมที่เปโตรนิยานำมาเสียงดังกรวบ รสชาติหวานนิดๆ บวกกับความหอมมันช่างถูกปากแจนยูเอรีนัก เปโตรนิยายิ้มพลางกล่าว
“ทานเยอะๆ นะคะ มาดาม ถ้าต้องการข้าจะส่งมาให้อีกค่ะ”
“อุ๊ยตาย จริงหรือคะ”
“แน่นอนสิคะ”
ได้ยินดังนั้นแจนยูเอรีก็ยิ้มอย่างแปลกประหลาดและเอ่ยถาม
“ว่าแต่ทำไมจู่ๆ ถึงมาทำดีกับข้า…”
“ตายจริง จู่ๆ อะไรกันคะ มาดาม ข้าเสียใจนะคะ”
เปโตรนิยาแสดงความสามารถในการตีสนิทอย่างไม่มีเงื่อนไข เหมือนกับที่นางชอบใช้กับเลดี้คนอื่นๆ ในชาติที่แล้ว
“เดิมทีข้าก็อยากสนิทสนมกับมาดามอยู่แล้วนะคะ”
“กับข้าหรือคะ”
แม้แจนยูเอรีจะมองด้วยสายตาเคลือบแคลงแต่เปโตรนิยาก็ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ค่ะ มาดาม ก็มาดามงดงามออกขนาดนี้” เปโตรนิยาว่าพลางยกชาแดงขึ้นดื่ม ชาคีมุน*[1]*หรือเปล่านะ เปโตรนิยาพึมพำในใจก่อนจะพูดต่อ “ข้าชอบคนที่หน้าตางดงามน่ะค่ะ”
“ตายจริง ปากหวานนะคะ”
เพราะเป็นเพียงอนุภรรยา ชีวิตของแจนยูเอรีจึงถูกจำกัดอยู่แต่ในบ้านอย่างน่าอึดอัด การปรากฏตัวของเปโตรนิยาจึงไม่ใช่แค่เรื่องที่ไม่น่ายินดีเท่านั้น ตั้งแต่เปโตรนิยานำขนมมาให้ นางก็ค่อยๆ ลดความหวาดระแวงลง และเมื่อการสนทนาดำเนินไปถึงช่วงท้าย นางก็เริ่มพูดคุยกับเปโตรนิยาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“เพราะฉะนั้นชุดเดรสที่ข้าขอใต้เท้าซื้อมา…”
“อ๊ะ เดี๋ยวค่ะ” เปโตรนิยายิ้มอย่างงดงามพลางกล่าว “ขอโทษนะคะ มาดาม ดูเหมือนข้าจะดื่มชามากเกินไป”
ครั้นได้ยินน้ำเสียงแปลกๆ ของอีกฝ่าย แจนยูเอรีก็พยักหน้ารับรู้ว่าเปโตรนิยาต้องการจะพูดอะไร นางตอบอย่างใจกว้าง
“รีบไปรีบมานะคะ ข้าจะรอ”
“ขอบคุณค่ะ มาดาม”
เปโตรนิยาโค้งให้อย่างสง่างามก่อนจะรีบร้อนเดินขึ้นชั้นบนไปราวกับรีบไปเข้าห้องน้ำจริงๆ ระหว่างที่เปโตรนิยาไม่อยู่ แจนยูเอรีที่กำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยก็นึกสงสัยขึ้นมา
‘เดี๋ยวนะ…ห้องน้ำชั้นหนึ่งก็มีมิใช่หรือ’
แจนยูเอรีคิดมาถึงตรงนี้ก็รีบลุกจากที่นั่ง หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะเอาอีกแล้ว… แจนยูเอรีรีบขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง ในนั้นไม่มีใครอยู่ นางเร่งมือค้นกล่องเครื่องประดับ
“หนึ่ง สอง สาม สี่…”
จดหมายมีทั้งหมดสิบเจ็ดฉบับ โชคดีที่ไม่มีฉบับใดหายไป แจนยูเอรีถอนหายใจด้วยความโล่งใจก่อนจะปิดฝากล่อง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“…ทำอะไรอยู่หรือคะ”
แจนยูเอรีตกใจจนร้อง ‘กรี๊ด’ นางสงบจิตใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะก่อนจะมองไปที่เปโตรนิยาที่กำลังมองมาที่นาง
“ไม่ทานขนมอีกหน่อยหรือคะ” เปโตรนิยาถาม
“เอ่อ…ข้า…มีเรื่องต้องตรวจดูนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“อ้อ”
‘อย่างนั้นหรือคะ’ เปโตรนิยาพึมพำออกมาเบาๆ
“ห้องน้ำชั้นล่างก็มี…” แจนยูเอรีถามเปโตรนิยาด้วยน้ำเสียงอิหลักอิเหลื่อ
“…เอ่อ”
“ทำไมถึงขึ้นมาชั้นสองล่ะคะ”
แจนยูเอรีฝืนยิ้มพลางถาม ตอนนั้นเองเปโตรนิยาจึงทำท่าทีตกใจราวกับไม่รู้มาก่อนพร้อมกล่าว
“ตายจริง ข้าไม่รู้เลยค่ะ มาดาม”
“…”
“แต่คราวก่อนดัชเชสบอกว่าห้องน้ำอยู่ที่ชั้นสอง ข้าถึงได้รู้จักห้องน้ำชั้นสอง…ไม่รู้เลยค่ะว่ามีห้องน้ำข้างล่างด้วย”
“…”
“ข้าไม่อยากจะถามอะไรแบบนี้หรอกนะคะ…แต่ถ้ามาดามไม่พอใจ…”
“ไม่ค่ะ ไม่เลย” แจนยูเอรียิ้มอย่างเป็นธรรมชาติพลางกล่าว “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะคะ เลดี้ อย่าใส่ใจเลยค่ะ”
“ขอบคุณที่กรุณาค่ะ มาดาม”
เปโตรนิยายิ้มอย่างน่ารักและแสร้งขยับตัวเข้าไปกระแซะแจนยูเอรีอย่างสนิทสนม
“เอาล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราลงไปคุยกันต่อดีไหมคะ”
***
“นีย่าไปไหนเสียล่ะ”
แพทริเซียถามขึ้นขณะอ่านเอกสารอยู่ที่ตำหนักจักรพรรดินี และมีร์ยาก็เอ่ยตอบในทันที
“ไปคฤหาสน์ดยุกเอเฟรนีเพคะ”
“อ้อ” นางพึมพำอย่างเข้าใจ “คงวิ่งวุ่นอยู่กับการจัดการเรื่องนั้นกระมัง”
“อะไรหรือเพคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก” แพทริเซียตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเอ่ยถามเรื่องอื่น “ไม่มีข่าวคราวจากทางบ้านข้าบ้างเลยหรือ หมู่นี้ข้าละเลยครอบครัวไปมากทีเดียว”
แม้ว่ามาร์ควิสโกรเชสเตอร์ บิดาบังเกิดเกล้าของแพทริเซียจะเป็นขุนนางระดับสูงที่มีส่วนร่วมในทางการเมืองของส่วนกลาง แต่ท่านไม่ค่อยเปิดเผยตัวนัก เดิมทีท่านเป็นคนเช่นนั้นอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อบุตรสาวได้เป็นจักรพรรดินี ท่านก็ยิ่งเจียมตัว แพทริเซียทั้งรู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดต่อบิดาของตน
“อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงวันเกิดของท่านแม่แล้วสินะ”
แพทริเซียครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “ข้ากลับบ้านได้หรือไม่”
“ไม่มีปัญหาเพคะ ฝ่าบาท”
“อืม”
แพทริเซียคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ราฟาเอลา เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะออกไปข้างนอก ฝากเจ้าเตรียมการทีได้หรือไม่”
“แน่นอนเพคะ ฝ่าบาท”
แพทริเซียยิ้มและออกคำสั่งต่อไปอย่างเนิบช้า
“มีร์ยา ส่งจดหมายถึงท่านพ่อให้ที บอกว่าอีกสามวันข้าจะไปเยี่ยมที่บ้าน”
***
“จะให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านนี้อีกไม่ได้”
แจนยูเอรีพึมพำพลางเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง เลดี้เปโตรนิยา ผู้หญิงคนนั้นอันตราย สัญชาตญาณของแจนยูเอรีบอกอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับตอนที่ได้พบดัชเชสเอเฟรนีครั้งแรก ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นดัชเชสเอเฟรนียังตั้งตนเป็นศัตรูกับนางอย่างเปิดเผย แต่เปโตรนิยากลับไม่เป็นเช่นนั้น
นางเหมือนคนที่รอให้เหยื่อมาติดกับ… แจนยูเอรีเดินไปเดินมาทั่วห้องอย่างกระวนกระวายก่อนจะนำกล่องเครื่องประดับไปซ่อนไว้ในที่ที่ไม่สะดุดตาคน หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็คิดใคร่ครวญด้วยสีหน้าจริงจัง
“ดัชเชสเอเฟรนีจะกลับมาเมื่อใดนะ”
ให้ตายเถอะ อนุภรรยาจะกลายเป็นภรรยาหลวงสักทีช่างยากนัก ขณะที่แจนยูเอรีกำลังบ่นอย่างหงุดหงิด ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็เปิดประตูพรวดเข้ามาทำเอานางใจหายใจคว่ำ หลังบานประตูเป็นร่างของคนที่นางคาดไม่ถึง หลังจากมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร สีหน้าของแจนยูเอรีก็พลันสดใสขึ้น
“ตายจริง เจคอบ”
คนผู้นั้นคือบุตรชายตัวน้อยของนางนั่นเอง แจนยูเอรีรีบเข้าไปหาเจคอบและอุ้มเขาขึ้นมาแนบอกก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“มีอะไรหรือลูก มาหาแม่ทำไม”
แม้เจคอบจะเป็นบุตรของอนุภรรยาแต่ถึงอย่างไรเลือดของขุนนางชนชั้นสูงก็ไหลเวียนอยู่ในตัวเขา เจคอบจึงต้องได้รับการเลี้ยงดูจากแม่นม แจนยูเอรีซึ่งเป็นบุตรีของสามัญชนหาได้เข้าใจธรรมเนียมนั้น แต่นางก็ยอมทำตามแต่โดยดีเพื่อผลประโยชน์ในอนาคต
“ท่านแม่ จู่ๆ แม่นมก็ร้องไห้” เจคอบที่ยังเยาว์วัยงอแงกับมารดาของตน
“แม่นมน่ะหรือ”
นางถามอย่างสงสัย อิลเลนา แม่นมของเจคอบเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยร้องไห้ให้เห็นบ่อยนัก นางจึงถามเหตุผล
“ทำไมล่ะจ๊ะ”
“ไม่รู้ฮะ”
เจคอบส่ายหน้าพลางยักไหล่ แจนยูเอรีรู้ได้ในทันทีว่าในบ้านจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเป็นแน่ นางจึงเปิดประตูออกไป
“เกิดอะไรขึ้นหรือ พ่อบ้าน”
นางเรียกหาพ่อบ้านด้วยสีหน้าที่ติดจะเย็นชาเล็กน้อย พ่อบ้านมองนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเช่นเคย ไม่รู้ทำไม แต่นางไม่ชอบใจสีหน้านั้นเท่าใดนัก แจนยูเอรีจึงเอ่ยถามอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดุดันขึ้นเล็กน้อย
“ได้ยินว่าอิลเลนาร้องไห้ต่อหน้าลูกข้า ระวังหน่อยสิ เขายังเด็ก…”
“โปรดเข้าใจด้วยเถิด มาดาม”
น้ำเสียงของพ่อบ้านฟังดูห้วนอย่างประหลาด ปฏิกิริยานั้นทำให้แจนยูเอรีถึงกับสะดุ้งเฮือกโดยไม่รู้ตัว นางรับรู้โดยสัญชาติญาณว่าสถานการณ์ไม่ปกติจึงถาม
“…มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่หรือไม่”
“…”
พ่อบ้านไม่พูดอะไร เมื่อสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าส่วนของตาขาวที่เคยกระจ่างใสของเขาดูแดงขึ้น แจนยูเอรีรอคำตอบจากพ่อบ้านอย่างใจเย็น ไม่นานพ่อบ้านก็ขยับปากที่แห้งผากเพื่อเอ่ย
“คุณชาย…”
ในบ้านหลังนี้คนที่ถูกเรียกว่า ‘คุณชาย’ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเฮนรี ทายาทโดยชอบธรรมที่เกิดจากดัชเชสเอเฟรนี สัญชาตญาณของนางนางคาดเดาถึงเรื่องหนึ่งได้จึงเร่งเร้าพ่อบ้านให้พูดต่อ
“คุณชาย…? ทำไม? เกิดอะไรขึ้น”
“…เธอเสียแล้วขอรับ”
สิ้นคำของพ่อบ้าน วินาทีนั้นแจนยูเอรีทำได้เพียงกลั้นเสียงหัวเราะที่เกือบจะหลุดออกไปเอาไว้
[1] ชาคีมุน (อังกฤษ: Keemun จีน: Qímén-hóngchá (祁门红茶)) เป็นชาแดงชนิดหนึ่งของจีน มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นกล้วยไม้และกลิ่นผลไม้ และมีความฝาดเพียงเล็กน้อย