เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 576
ส่วนหยางเฟิงกลับมีสีหน้าเฉยเมย สายตานิ่งไม่สั่นคลอน

เหลิงฉานและคนอื่นๆ ก็เป็นเพียงฝูงมดเท่านั้น

ก็เหมือนกับแมวจับหนู เล่นให้พอก่อนแล้วค่อยจับกินทีหลัง

จะฆ่าช้าหรือฆ่าเร็ว เป็นเพียงเรื่องของเวลา ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความประสงค์ของหยางเฟิง

จุดประสงค์หลักของเขา

คือเพื่อขู่ให้นักบู๊นับหมื่นที่อยู่นี่ตกใจกลัว!

แล้วก็จริงๆ

ณ ตอนนี้ สายตาของนักบู๊นับหมื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ มองหยางเฟิงเปลี่ยนไปแล้ว

สายตาแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกังวล

ยิ่งไปกว่านั้น

มีนักบู๊ไม่น้อยถึงขั้นรู้สึกสิ้นหวังในใจ!

หยางเฟิงแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วพวกเข้าจะแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรได้อย่างไร?

“ฮิฮิ!”

ในเวลานี้

จู่ๆ ผู้คุมกฎสิบก็หัวเราะด้วยเสียงประหลาด

เขาหรี่ตาลง มองไปที่หยางเฟิงและกล่าวว่า “เก่งกาจมาก! เก่งกาจจริงๆ! สมกับที่เป็นเจ้าพันธมิตรบู๊ใต้ แม้แต่เหลิงฉานก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ดูเหมือนว่าคราวนี้ชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรต้องเป็นของเจ้าแน่!”

“ฮึ!”

หยางเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา

ไอ้ผู้คุมกฎสิบนี่แค่อ้าปาก ก็รู้เลยว่ามีเจตนาชั่วร้ายซ่อนอยู่

นักบู๊นับหมื่นที่อยู่ที่นี่ ล้วนมุ่งมั่นที่จะชิงเอาชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาครอบครอง

ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าเทพโลกบู๊!

แล้วก็จริงๆ

พอได้คำพูดของผู้คุมกฎสิบ

สายตาของนักบู๊ทุกคนที่มองไปยังหยางเฟิง ล้วนปรากฏความเคร่งขรึมดุดันขึ้นมา

หากสามารถทำลายหยางเฟิงได้

ความหวังที่แต่ละคนจะแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกรมาได้ก็จะเพิ่มขึ้น!

ศัตรูต้องเลือกฆ่าตัวใหญ่ก่อนอยู่แล้ว!

“ฮ่าๆ!”

หยางเฟิงหัวเยาะเย้ยขึ้นทันใด และพูดอย่างเหยียดหยาม “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้า ไอ้คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง!”

พอได้ยิน

ทุกคนต่างก็ตกใจ

แท้จริงแล้วในสายตาของทุกคน

คนของกุ่ยเหมิน เดิมทีก็ผีไม่ใช่คนไม่เชิงอยู่แล้ว!

แต่กุ่ยเหมินนั้นแข็งแกร่งทรงพลัง ลึกลับยากจะคาดเดา และยังมีสาวกนับไม่ถ้วนอีก

ยิ่งไปกว่านั้น!

คนของกุ่ยเหมิน จิตใจคับแคบ โหดร้ายไร้ความปรานี!

ใครก็ตามที่ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ล้วนมีจุดจบที่ไม่ดี!

แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับกุ่ยเหมินโดยตรง

แต่หยางเฟิงกลับกำเริบเสิบสานได้ขนาดนี้!

เมื่อกี้เพิ่งจะมีปัญหากับศูนย์พันธมิตรบู๊ไป

หลังจากนั้นก็พูดจาหยาบคายใส่กุ่ยเหมินทันที

หยางเฟิงไม่กลัวกุ่ยเหมินจะมาหาเรื่องเขาหรือ?

เพียงแวบเดียว

เมื่อคนของกุ่ยเหมินได้ยินสิ่งที่หยางเฟิงพูด ร่างกายของพวกเขาก็ขยับเล็กน้อย

แววตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากปรากฏให้เห็นความเยือกเย็นที่ลึกถึงกระดูก

ผู้คุมกฎสิบสีหน้าเยือกเย็น พร้อมพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หยางเฟิง อย่าโอหังให้มันมากเกินไป! ที่นี่มีพี่น้องชาวโลกบู๊อยู่นับหมื่น หรือเจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะสามารถเอาชนะคนนับหมื่นนี้ได้?”

หยางเฟิงยิ้มแล้ว

เขายิ้มอย่างไม่ยำเกรง

“ก็แค่ไอ้ขี้แพ้! ทำได้แต่ปากกล้าไปวันๆ! เจ้าลืมเรื่องที่เมืองกาสิโนไปแล้วหรือ?”

บี๊บ

ฝูงชนหยุดนิ่งทันที

แม้ว่าหยางเฟิงจะไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของหยางเฟิง!

เป็นถึงผู้คุมกฎสิบของกุ่ยเหมิน แต่ก็เคยพ่ายแพ้ให้หยางเฟิง!

ในตอนนั้น ที่เมืองกาสิโน

ผู้คุมกฎสิบออกหน้าเพื่อต้องการช่วยเหอเซิ่งหงหนี จึงได้ปะทะกับหยางเฟิง

แต่ก็พ่ายแพ้ต่อหยางเฟิงในหมัดเดียว

เดิมทีเรื่องนี้เป็นความลับ และไม่มีใครรู้เรื่องนี้

แต่ตอนนี้ถูกหยางเฟิงพูดถึงในที่สาธารณะแล้ว

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้น!

“ผู้คุมกฎสิบของกุ่ยเหมิน ที่แท้เคยพ่ายให้หยางเฟิง…”

“เป็นไปได้ยังไงกัน ผู้คุมกฎสิบแข็งแกร่งกว่าเหลิงฉานอีกนะ…”

“พระเจ้า! ความแข็งแกร่งของหยางเฟิงนี่ ยิ่งกว่าพลิกฟ้าสยบปฐพี…”

พริบตาเดียว

ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ

สายตาทุกที่คนมองไปยังหยางเฟิง ไม่ใช่หวาดกังวลอีกต่อไป แต่เป็นความกลัวที่อยู่ลึกด้านใน

ทั้งเหลิงฉานและผู้คุมกฎสิบ สองยอดฝีมือ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฟิง

เช่นนั้นแล้ว หยางเฟิงถือว่าเป็นการมีอยู่ที่น่ากลัวขนาดไหน?

ในเวลาเดียวกัน

สายตาของทุกคนที่มองดูผู้คุมกฎสิบก็เปลี่ยนไปกลายเป็นขำขัน

หยางเฟิงท้าทายเขาอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา

ผู้คุมกฎสิบจะรับมืออย่างไร?

ในขณะที่ทุกคนคิดว่า ผู้คุมกฎสิบจะโจมตีหยางเฟิง

ผมคุมกฎสิบก็หัวเราะออกมา

ใบหน้าของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากนั้น ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเมื่อเขาหัวเราะ