ตอนที่ 1585 การประลองทักษะควบคุมไฟ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1585 การประลองทักษะควบคุมไฟ Ink Stone_Fantasy

หลู่เมิงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ!

ใบหน้าชราของเขากล่าวได้ว่ามีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่เขายอมก้มหัวให้!

ทว่าวันนี้กลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า วันนี้เขากลับต้องก้มหัวให้เด็กน้อย!

แต่หากเขาไม่ยอมลดศีรษะในตอนนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการท้าทายเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด

โทษสถานหนักปานนี้ เขาไม่สามารถแบกรับได้ไหว

หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขากลับไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้เลย!

หลู่เมิงกัดฟันกรอดเค้นเสียงพยายามกล่าวว่า

“ผ-ผู้อาวุโสเย่ เมื่อครู่กลับเป็นหลู่เมิงคนนี้ใจร้อน ผู้…ผู้อาวุโสเย่โปรดอย่าได้ถือสา!”

ยามที่เขาเอ่ยนามผู้อาวุโสเย่ เพียงสามพยางค์นี้ทำเอาเขาขนลุกซู่วซ่าสะท้านขึ้นยันหนังศีรษะ

เมื่อคนอื่นๆพบเห็นภาพฉากนี้ต่างก็อดแสดงสีหน้าประหลาดใจมิได้

หลู่เมิงอายุมากจนแทบลงโลงแล้ว แต่ไยต้องก้มหัวขอโทษเด็กคนหนึ่ง นี่มันรู้สึกขัดหยางอย่างสุดพรรณนายิ่งยวด

“หึ! เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสใหญ่ คราวนี้ข้าจะละเว้นชีวิตเจ้า! หากเจ้ายังคิดกระทำผิดอีก ในครั้งหน้าเจ้าจักถูกลงโทษอย่างหนักตามกฎของหอโอสถ!”

เย่หยวนเค้นเสียงเย็นกล่าวตักเตือนราวกับกำลังสั่งสอนรุ่นน้อง

ไอ้เด็กคนนี้ก็ยังจะตามน้ำเขาไปอีก!

หลู่เมิงกล่าวเสียงเย็นชืดชาดังว่า

“ผู้อาวุโสเย่ วันนี้ข้าต้องการขอคำชี้แนะจากท่าน ทั้งหมดก็เพื่อทำให้งานประลองหอโอสถมีชีวิตชีวา ท่านว่าอย่างไร?”

เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นตอบไปว่า

“เจ้าเป็นแค่ผู้ดูแล มีคุณสมบัติใดหาญกล้ามาขอคำชี้แนะจากข้า?”

ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เอ่ยดดัง คลื่นเสียงโหร้องก็ดังกังวานจากทั่วเบื้องล่าง

เห็นได้ชัดว่าเย่หยวนกำลังเลี่ยงวลี คิดหนีไม่เผชิญหน้าแม้แต่น้อย

การใช้อค่ศักดิ์สถานะผู้อาวุโสเพื่อบีบคั้นฝูงชนให้ศรัทธา นับเป็นเรื่องยาก

ดังนั้นเมื่อหลู่เมิงพบเห็นภาพฉากเช่นนี้ เขาก็อดมีความสุขมิได้อยู่ภายในใจ

หลู่เมิงยิ้มแสยะเย็นชายิ่ง เขากล่าวว่า

“เหอะ เหอะ ผู้อาวุโสเย่เป็นเพียงจอมเทพโอสถสาวกดาว ไม่ว่าข้าจะอ่อนด้อยเพียงใด ก็เป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นกลาง หรือเป็นไปได้ไหมว่า ข้าไร้ซึ่งคุณสมบัติที่จะให้ท่านชี้แนะปานนั้น? หรือท่านกลัวว่าจะมีความลับบางอย่างเปิดเผย จึงไม่กล้าชี้แนะข้าถึงปานนี้?”

เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้อง เย่หยวนกลับหาได้สนใจไม่ แต่อย่างใด เขาก็ยังกล่าวท่าทางแสนเหยียดหยามตอกไปว่า

“หากข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ ข้ายังมีคุณสมบัติใดเป็นผู้อาวุโสได้? ลืมไปเลย เอาล่ะ! ในเมื่อทุกคนอยากเห็นความแกร่งกล้าของข้าผู้นี้นัก เช่นนั้นข้าจักทำให้ทุกคนได้เห็นจนพอใจ!”

หลู่เมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนที่แสนหัวรั้นนี้ กลับเป็นฝ่ายเปิดศึกเองในท้ายที่สุด

เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะยอมตกลงจริงๆ

“หุหุ เช่นนั้น ผู้อาวุโสเย่โปรดชี้แนะข้าด้วย!”

หลู่เมิงประสานมือและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เขามั่นใจอย่างที่สุดว่า เย่หยวนไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย และหากเขาไม่สามารถโค่นจอมเทพโอสถสามดาวได้จริงๆ เขาก็ขอตายเสียดีกว่า

อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนก็เอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อใดว่าจะประลองกับเจ้า?”

หลู่เมิงตัวแข็งค้างไปในทันใด แต่ขณะนั้นเองเย่หยวนก็ประสานมือหันมากล่าวกับหรงซูว่า

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ นับตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ ข้าก็ได้ยินมาว่าศาสตร์แห่งโอสถของท่านน่าเกรงขามที่สุดแล้ว ไม่มีใครในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่สามารถเอาชนะท่านได้ เราผู้อาวุโสสงสัยเสียว่า วันนี้ท่านโปรดชี้แนะข้าได้หรือไม่? ท่านผู้อาวุโสใหญ่คิดเห็นอย่างไร?”

ทุกคนต่างตกตลึงยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น! เด็กนี่ต้องการท้าทายผู้อาวุโสใหญ่?

มันบ้าไปแล้วใช่ไหม?!

ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ นอกเหนือจากผู้อาวุโสรองแล้ว ปรากฏว่ายังมีใครบางคนกล้าท้าทายผู้อาวุโสใหญ่!

ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองนับเป็นสองการดำรงอยู่ประดุจพระเจ้าแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์!

พวกเขาเป็นนักหลอมโอสถระดับแนวหน้า!

ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างไม่สามารถเทียบชั้นได้กับพวกเขาทั้งสองเลย

ทว่า จอมเทพโอสถสามดาวตัวน้อยคนนี้กลับหาญกล้าเอ่ยปากท้าทายผู้อาวุโสใหญ่โดยตรง!

มีเพียงรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนมุมปากของผู้อาวุโสรอง ซวนอี้

สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครเก่งกล้าไปกว่าเย่หยวนอีกแล้วในด้านโอสถ

กระทั่งตัวเขาเองยังหาใช่คู่มือขอเด็กคนนี้!

มีความเป็นไปได้ว่าทุกคนต่างคิดว่าเย่หยวนประเมินตนสูงส่งเกินไป แต่หารู้ไหมว่า หากลงกลเย่หยวนเมื่อใด หรงซูเป็นฝ่ายลำบากแน่นอน!

การเคลื่อนไหวของเย่หยวนในครานี้ช่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ!

ในเวลานั้นเองสีหน้าของหรงซูพลันมืดทมิฬลงทันที

หากหรงซูใช้ประโยชน์จากสถานะผู้อาวุโสใหญ่ กล่าวปฏิเสธเย่หยวนย่อมทำได้ แต่เย่หยวนก็จะใช้โอกาสนี้ในการรุกรานเขาในครั้งต่อๆไป

หากหรงซูฉลาดพอ เขาไม่ควรผลักดันเย่หยวนจนติดมุมเกินไป

แต่อย่างไรโอกาสก็มาแล้ว วันนี้เย่หยวนจักต้องตตายอย่างน่าสยดสยอง!

หรงซูระเบิดหัวเราะดังลั่นและกล่าวว่า

“โอ้? ผู้อาวุโสเย่ต้องการท้าทายเราชายชราจริงๆรึ? หุหุ หนุ่มสาวไร้ซึ่งความกลัวโดยแท้! หากวันนี้เราชายชราปฏิเสธไปงานประลองคงกร่อยเป็นแน่ เอาล่ะ เราชายชราเห็นด้วย!”

ซวนอี้เหลือบมองไปยังหรงซูเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงดังเดิม

มันเลือกที่จะประหารชีวิตตัวเองเสียแล้ว ช่วยไม่ได้!

“ผู้อาวุโสใหญ่เห็นด้วยจริงๆ!”

“การได้เห็นผู้อาวุโสลงมือเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง!”

“ฮ่าๆ เด็กนั้นคงคิดว่าผู้อาวุโสใหญ่คงกล่าวปัดเป็นพิธี แต่ที่ไหนได้ ผู้อาวุโสใหญ่กลับเห็นด้วย! ฮ่าๆๆๆ!”

หลายฝักฝ่ายต่างระเบิดหัวเราะเยาะล้อเลียนเย่หยวนไม่หยุดหย่อน เจ้าเด็กคนนี้ประเมินตนเองสูงส่งเกินไป และทั้งหมดต่างตั้งหน้าตั้งตารอดูผู้อาวุโสใหญ่ตบเด็กสั่งสอน!

การประลองหลอมกลั่นโอสถระหว่างหรงซูและเยาหยวน ต้องเป็นโอสถศักดิ์สืทธิ์ระดับสามโดยธรรมชาติ

และเรื่องความรู้ความเข้าใจของผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ก็นับว่าถ่องแท้นานแล้ว ไม่ว่าอย่างไร เขาก็สามารถจัดการเย่หยวนลงได้อย่างง่ายดาย

เย่หยวนยิ้มกล่าวเล็กน้อยว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ เนื้อความหลักของวันนี้คือการประลองหอโอสถ เราไม่ควรโดดเด่นเกินหน้าเกินตาคนอื่น ไฉนถึงไม่จัดการประลองของเราอยู่ท้ายสุดล่ะ?”

หรงซูพยักหน้ากล่าวว่า

“ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเลย! การประลองหอโอสถเริ่มต้นขึ้นได้!”

มีผู้ดูแลคนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางลานจัตุรัส เอ่ยปากป่าวประกาศน้ำเสียงดังฟังชัด

“รอบแรกของการประลอง ประลองด้านทักษะการควบคุมไฟ! ไฟจงมา!”

ทันทีที่สุ้มเสียงจางหายไป ยอดบนสุดของหอโอสถก็พ่นปะทุเปลวเพลิงออกมา

ชั่วพริบตาขณะ ประดุจห่าพิรุณเปลวเพลิงโปรยปรายลงมาทั่วทุกแห่งหน

ในเวลานั้นเอง เหล่าศิษย์ทีท่าเป็นจอมเทพโอสถสามดาวต่างรวมตัวกันเป็นวงกลม เปลวไฟเหล่านั้นตกลงอยู่ข้างกายของพวกเขา

ห่าพิรุณเปลวไฟเหล่านี้คือไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม แต่ไม่มีคุณสมบัติพิเศษโดดเด่นใดๆ ราวกับถูกตั้งค่าให้เท่าเทียมกัน

รอบแรกของการประลองคือการแข่งขันทักษะการควบคุมไฟ เหล่าศิษย์จอมเทพโอสถสามดาวต้องควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ เพื่อกำจัดไฟศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นๆ

รอบนี้เป็นการกำจัดเหล่าศิษย์ออกไปจำนวนมาก และจะเหลือเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นเพื่อเข้าสู่ในรอบที่สอง

การแข่งนี้นับว่ายุติธรรมยิ่งแก่ทุกคน ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เหมือนกันไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือใช้ไฟเหล่านี้เพื่อควบคุมไปปราบปรามคนที่เหลือ

เหล่าศิษย์ที่อยู่ในลานเวทีตามตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เหล่าผู้คนเองก็เช่นกัน

“การแข่งทักษะควบคุมไฟ ค่อนข้างเห็นผลชัดแจ้งดีอยู่แล้ว!”

“ถูกต้อง ทักษะการควบคุมไฟของซ่งฉีหยางเหนือชั้นกว่าทุกคนจนไม่ติดฝุ่น ภายใต้จอมเทพโอสถสามดาวทั้งหมดไม่มีใครสามารถทัดเทียมเขาได้เลย”

“ครั้งนี้ซ่งฉีหยางไม่ปล่อยไว้แน่ เหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสรองเองก็ลงแข่งขันเช่นกัน พวกเขาดวงถึงฆาตแล้ว!”

เนื่องจากเป็นการแข่งทักษะการควบคุมไฟ พวกเขาต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อกำจัดไฟของคนอื่นอย่างไร้ปรานี

ซ่งฉีหยางโกรธเคืองเย่หยวนเต็มหน้าท้อง เป้าหมายของเขาไม่พ้นใดอื่นนอกเสียจากศิษย์ของผู้อาวุโสรองแน่นอน

“เริ่มได้!”

คล้อยหลังเสียงป่าวประกาศดังลั่น การแข่งขันในรอบแรกก็เปิดฉากอย่างเป็นทางการ

รอยยิ้มแสยะเย็นพลันฉีกกว้างบนมุมปากของซ่งฉีหยาง เพียงกระดิกปลายนิ้ว ไฟศักดิ์สิทธิ์นั้นก็พุ่งทะยานออกไปอย่างเชื่อฟัง

วูบ! วูบ! วูบ!

เห็นเพียงเปลวไฟจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งโฉบไปมาจนพัลวัน ทั่วทั้งเวทีตกสู่ความโกลาหลขึ้นในทันใด

“พร๊วดด!”

เปลวไฟของซ่งฉีหยางเปรียบเสมือนคมดาบ ไล่ล่าดับไฟศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสรองโดยตรง

สงครามการเข่นฆ่าเริ่มขึ้นแล้ว!

…………………………………