ตอนที่ 9 เปิดเผย โดย Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ว่าฐานที่มั่นสำคัญของสำนักทิพย์โบราณในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารามีทั้งสิ้นเก้าสิบแห่ง อ้างอิงจากที่อาณาเขตของวังทวีสูญกินบริเวณหนึ่งในสามส่วนของโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา คาดว่าในอาณาเขตของวังทวีสูญมีฐานที่มั่นสำคัญอยู่ประมาณสามสิบแห่ง ฐานที่มั่นเหล่านี้มีสถานะทัดเทียมกันมิได้แบ่งเป็นขั้นสูงขั้นต่ำแต่อย่างใด และต่างก็เชื่อมโยงกับโลกทิพย์โบราณโดยตรง
สมาชิกของฐานที่มั่นคนหนึ่งก็แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฐานที่มั่นอื่นเลย
ดังนั้นถึงแม้ว่าจะสามารถทำลายฐานที่มั่นแห่งหนึ่งได้ แต่ก็ไม่สามารถทำลายพวกมันจนหมดสิ้นได้ แต่ทั่วทั้งอาณาเขตของวังทวีสูญมีฐานที่มั่นอยู่สามสิบแห่ง หากตนทำลายล้างได้สักแห่งนั้นก็จะมีความดีความชอบอย่างใหญ่หลวง!
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเหลยเฉินที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง “ต้องขอบคุณเขามากที่ดวงวิญญาณของเขาและภรรยาสามารถรับสัมผัสซึ่งกันและกันได้”
“ผู้อาวุโสตงป๋อ ขอโปรดจงช่วยภรรยาข้าอย่างแน่นอนด้วย ข้าสามารถรับสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณของภรรยาข้ายังคงถูกผนึกอยู่เช่นเดิม นางถูกผนึกอยู่ ย่อมไม่มีทางจำนนอย่างแน่นอน” เหลยเฉินพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
ทูตทิพย์อาภรณ์ดำผู้นั้นหลบหนีอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าคงจะไม่มีเวลามาควบคุมบรรดาผู้คนที่ถูกคุมขังอยู่แล้ว
“ต่อไปอาจสามารถลงมือได้ เจ้าก็ไปอยู่ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ของข้าก่อนเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางโบกมือคราหนึ่งแล้วก็เก็บร่างเหลยเฉินไป เหลยเฉินเองก็ยอมถูกเก็บเข้าไปอย่างเชื่อฟัง มิได้ทัดทานแต่อย่างใด ในเวลานี้เขาทำได้เพียงแค่รอคอย รอคอยให้ผู้อาวุโสตงป๋อท่านนี้สามารถช่วยเหลือภรรยาของเขาได้ สิ่งที่เขาสามารถทำได้…ก็มีเพียงแค่สิ่งเหล่านี้แล้ว! ถึงอย่างไรพลังยุทธ์ก็อ่อนแอเกินไป เขาย่อมมิอาจเข้าร่วมในการต่อสู้ระดับนั้นได้อยู่แล้ว!
เก็บตัวเหลยเฉินไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เบนสายตาไปทางคูเมืองสีดำที่อยู่เบื้องล่างแห่งนี้
******
ภายในคูเมืองสีดำ
ภายในโถงตำหนักอันทึบทึมแห่งหนึ่ง หนึ่งบุรุษหนึ่งอิสตรีกำลังนั่งประจันหน้ากันอยู่ พวกเขามิได้เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่อย่างใด ตลอดร่างของฝ่ายชายปกคลุมด้วยเกราะน้ำแข็งชั้นหนึ่ง อีกทั้งบนใบหน้ายังปกคลุมด้วยแผ่นเกล็ดสีขาว ส่วนฝ่ายหญิงนั้นเป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้มีหกแขน กลิ่นอายของพวกเขาสองคนย่อมแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งโถงตำหนักโดยอัตโนมัติ
“ทูตทิพย์ชืออวิ๋นใกล้จะมาถึงแล้ว” มนุษย์น้ำแข็งถือจอกสุรา สุราภายในจอกสุรามีสีเหลืองอร่ามราวกับอำพัน อีกทั้งกลิ่นสุราก็หอมกำจายออกมา
“คราวนี้ทูตทิพย์ชืออวิ๋นช่างน่าอนาถเสียจริง” สองตาของหญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้มีหกแขนมีประกายไฟฟ้าแปลบปลาบ “คอยสั่งสอนลูกน้องอยู่ข้างนอกอย่างยากลำบากมาโดยตลอด พี่ชายของเขายังมอบสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งไว้ให้คอยช่วยเหลือ วันเวลาอันยาวนานนี้ก็สั่งสมความดีความชอบมาไม่น้อย อยู่ห่างจากการยกระดับเป็นทูตทิพย์ระดับสูงไม่มากแล้ว แต่ตอนนี้คราวนี้ลูกน้องของเขาสูญหายไปสิ้น! สัตว์ประหลาดนั่นสู้จนตายก็แล้วไปเถิด ถึงอย่างไรก็มิได้เป็นของเขาอยู่แล้ว แต่บรรดาศิษย์ทิพย์คนอื่นๆ จำนวนมากต่างก็ถูกบ่มเพาะให้เหมาะสมต่อการสืบทอดลัทธิ ตอนนี้หมดสิ้นเสียแล้ว ความดีความชอบของเขาจึงลดลงอย่างมหาศาลเลยทีเดียว คิดอยากจะเป็นทูตทิพย์ระดับสูง ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องผ่านไปอีกเนิ่นนานสักเท่าใด นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีพี่ชายของเขาคอยช่วยเหลืออีกด้วย”
“อย่ามายินดีบนความทุกข์ของผู้อื่นเช่นนี้เลย ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องชายของผู้วิเศษหวั่งหมิงนะ” มนุษย์น้ำแข็งพูด
“หึๆ” หญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้มีหกแขนหัวเราะ
กฎเกณฑ์ของสำนักทิพย์โบราณเคร่งครัดยิ่ง
คิดอยากจะเป็นทูตทิพย์ระดับสูง โดยปกติแล้วพลังยุทธ์ก็ต้องไปถึงระดับขั้นรวมเป็นเอกภาพขั้นสุดยอด! แน่นอนว่าภายในสำนักยังมีหนทางยกระดับเอาไว้ให้อีกสายหนึ่ง…ซึ่งนั่นก็คือการสะสมความดีความชอบให้มากเพียงพอ!
อันที่จริงแล้วพลังยุทธ์ของบุรุษในอาภรณ์ดำเองค่อนข้างอ่อนแอ แต่ภายใต้ความช่วยเหลือของพี่ชายเขา ก็มีผู้ช่วยที่ร้ายกาจซึ่งสะสมความดีความชอบเอาไว้มากมายจนได้เป็นทูตทิพย์ระดับสูง
นอกจากนี้หลังจากที่เขาได้เป็นทูตทิพย์ระดับสูงแล้วก็มีพี่ชายของเขาคอยช่วยเหลืออีกด้วย ก็ย่อมมีอำนาจเหนือกว่าทูตทิพย์ระดับสูงทั่วไป ประโยชน์ที่ได้รับก็มากกว่าอยู่มากมายนัก
ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วในใจของมนุษย์น้ำแข็งและหญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้มีหกแขนจะริษยา ทว่าก็ได้แต่มองดูเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้น พวกเขาต่างก็ไม่กล้าลอบทำร้ายในความมืด ได้แต่มองดูบุรุษในอาภรณ์ดำสะสมความดีความชอบไม่หยุดหย่อนตาปริบๆ ตอนนี้พ่ายแพ้ครั้งหนึ่งทำให้ในใจของพวกเขาทั้งสองไร้ซึ่งกังวลเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าพวกเขาก็ได้แต่ลอบลำพองใจเท่านั้น
แต่ก็มิกล้าแสดงออกซึ่งหน้า
ผู้วิเศษหวั่งหมิง…ผู้วิเศษอันใดกัน ที่สำนักทิพย์โบราณ โดยทั่วไปแล้วต้องเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจึงจะมีสิทธิ์เรียกว่าเป็นผู้วิเศษได้! แน่นอนว่าขั้นรวมเป็นเอกภาพที่สามารถข้ามขั้นไปสู้กับขั้นอลวนได้เหล่านั้นก็มีสิทธิ์เรียกได้ว่าเป็นผู้วิเศษ ใช้เจดีย์ดาวในการตัดสิน อย่างน้อยก็มีพลังยุทธ์ที่จะผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้! เช่นที่วังทวีสูญก็ไม่มีขั้นรวมเป็นเอกภาพแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านชั้นที่หกของเจดีย์ดาวได้ ขนาดวังทวีสูญที่นับได้ว่าเชี่ยวชาญในการต่อสู้ข้ามขั้นแล้วก็ยังทำมิได้เลย
เห็นได้ว่าการที่ขั้นรวมเป็นเอกภาพคิดจะเทียบเคียงขั้นอลวนนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นขั้นอลวนที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเหนือกว่าที่จะจินตนาการได้
“ฟิ้ว”
เงาร่างสายหนึ่งทะยานจากที่ไกลๆ เข้ามาในโถงตำหนัก ก็คือบุรุษในอาภรณ์ดำผู้นั้น สีหน้าของเขาในยามนี้ไม่น่าดูเลยแม้แต่น้อย
มนุษย์น้ำแข็งและหญิงสาวหกแขนลุกขึ้นต้อนรับ
“น้องชืออวิ๋น” มนุษย์น้ำแข็งเดินผ่านไป บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีขาวมีความเจ็บปวดใจ “เหตุใดจึงเคราะห์ร้ายเช่นนี้ น้องชืออวิ๋น เจ้าอยู๋ห่างจากการเป็นทูตทิพย์ระดับสูงไม่มากแล้ว แต่กลับมาประสบเคราะห์ร้ายอันใหญ่หลวงนี้เข้าเสียได้”
หญิงสาวหกแขนก็เอ่ยต่อว่า “น้องชืออวิ๋น ไม่ต้องรีบร้อน ความสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ความดีความชอบถูกลดทอนลงไปไม่น้อย แต่พวกเราค่อยเป็นค่อยไป พี่สาวเช่นข้าจะต้องช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดกำลังแน่นอน”
พวกเขาทั้งสองลอบหัวเราะเยาะอย่างไร้กังวลอยู่เบื้องหลัง แต่ในยามนี้ต่างก็เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อบุรุษในอาภรณ์ดำผู้นี้
“ผู้อาวุโสตงป๋อที่สมควรตาย” บุรุษในอาภรณ์ดำนั่งพรวดลงในทันใดแล้วหยิบกาสุราด้านข้างขึ้นดื่มลงไปก่อนจะดื่มอย่างเจ็บปวดอึกหนึ่งแล้ววางกาสุราลงอย่างฉับพลัน กาสุรากระแทกโต๊ะเสียงดังปึงเสียงหนึ่ง เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “ก็เพราะผู้อาวุโสตงป๋อผู้นี้ที่มาทำลายเรื่องดีของข้า ข้าเพิ่งจะออกเดินทางได้เดือนเดียวเขาก็มาถึงเสียแล้ว!”
มนุษย์น้ำแข็งที่นั่งอยู่ด้านข้างพูดว่า “ข้าตรวจสอบดูแล้ว ในสำนักก็ส่งข้อมูลลงมาว่าผู้อาวุโสตงป๋อผู้นี้มีนามว่าตงป๋อเสวี่ยอิง! ว่ากันว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศคนหนึ่งที่มาจากจักรวาลสักแห่งหนึ่งในอากาศอันสับสนอลหม่าน ได้เป็นศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญในจักรวาล ว่ากันว่าเขามาจากจักรวาลแห่งเดียวกันกับจอมมารและจอมกระบี่”
“จอมมารและจอมกระบี่หรือ” บุรุษในอาภรณ์ดำพึมพำ
จอมมารคือประมุขวังทวีสูญ
อีกทั้งจอมกระบี่…ยังเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดด้วย
“นอกจากนี้เขายังมาที่วังทวีสูญไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านปีก็ได้เป็นเทพอากาศแล้ว ทั้งยังผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาว ได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วด้วย” มนุษย์น้ำแข็งเอ่ยอย่างจนใจ “ผู้อาวุโสตำหนักในขั้นกำเนิด วังทวีสูญย่อมต้องเห็นเขาเป็นสิ่งล้ำค่าแน่นอนอยู่แล้ว! ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของวังทวีสูญ พวกเราสู้เขามิได้หรอก การที่บรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่ สิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดสองท่านนี้จะทิ้งร่างแปรเอาไว้ในเวลาวิกฤติก็เป็นเรื่องธรรมดายิ่งนัก”
บุรุษในอาภรณ์ดำหายใจสะดุด
เขาเองก็รู้ดีว่าหากพูดถึงพลังยุทธ์ซึ่งๆ หน้า เขาย่อมสู้ไม่ไหว และหากพูดถึงพลังสนับสนุนเบื้องหลัง เขาก็สู้ไม่ไหวเช่นเดียวกัน!
แม้ว่าสำนักทิพย์โบราณจะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของวังทวีสูญ พวกเขาก็ได้แต่พัฒนากันอย่างลับๆ ย่อมมิอาจต้านทานซึ่งๆ หน้าได้อยู่แล้ว
เดือดดาล หายใจสะดุด
แต่ทั้งหมดนี้ก็ได้แต่อดทนเอาไว้!
“รอก่อน รอก่อน ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวันสิ” บุรุษในอาภรณ์ดำเอ่ยพึมพำ เขาก็ได้แต่คำรามก้องอยู่ในใจเท่านั้น มิได้พูดออกมาโดยตรง เพราะถึงพูดออกมาก็กลัวว่าจะถูกเพื่อนร่วมสำนักหัวเราะเยาะ แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้ดีว่าไม่มีโอกาสแก้แค้นแต่อย่างใดเลย
“น้องชืออวิ๋น เจ้าพักผ่อนสักหน่อยก่อนเถิด เรื่องการสืบทอดคำสอนนั้นไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ” มนุษย์น้ำแข็งพูด
บุรุษในอาภรณ์ดำพยักหน้า
แล้วเขาก็ต้องติดต่อพี่ชายด้วย เพราะสัตว์ประหลาดตายในการต่อสู้ แล้วเขาก็ไม่มีลูกน้องที่ร้ายกาจเพียงพอ ลำพังอาศัยแค่ศิษย์ทิพย์จำนวนหนึ่ง…ก็ยากที่จะสืบทอดคำสอนอย่างรวดเร็วแล้ว จำเป็นจะต้องมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากเพียงพอ ประสิทธิภาพในการสืบทอดคำสอนจึงจะยกระดับขึ้นเป็นอย่างมากได้
“มาสิ มาดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าที” ชืออวิ๋น บุรุษในอาภรณ์ดำเอ่ยขึ้น
“ก็ได้”
“มาๆ พี่สาวเช่นข้ามีสุราชั้นดีมากมายยิ่งนัก” ชัดเจนว่าพวกเขาสองคนเป็นระดับชั้นสูงที่สุดในฐานที่มั่นแห่งนี้ เป็นทูตทิพย์ระดับสูงสองคน แต่เผชิญหน้ากับทูตทิพย์ระดับล่างคนหนึ่งก็ยังต้องเกรงใจเป็นอย่างมาก มิกล้าล่วงเกินเลยแม้แต่น้อย
เพิ่งดื่มไปได้เพียงชั่วครู่เล็กๆ เท่านั้น
หญิงสาวหกแขนสีหน้าเปลี่ยนแปรเล็กน้อย นางถ่ายเสียงพูดว่า “ระวังด้วย ค่ายกลเตือนภัยค้นพบว่ามีเทพอากาศคนหนึ่งกับผู้ปกครองเทพแท้อีกคนปรากฏตัวขึ้นที่นอกเมือง กำลังลอบสังเกตการณ์อยู่ โอ้ ผู้ปกครองเทพแท้ผู้นั้นถูกเขาเก็บตัวเอาไว้ภายในคูหาสวรรค์ รูปลักษณ์ของเขา…คงจะเป็นผู้อาวุโสตงป๋อที่พวกเราเคยตรวจพบ”
“ผู้อาวุโสตงป๋อหรือ ผู้อาวุโสตำหนักในขั้นกำเนิดผู้นั้นน่ะหรือ” มนุษย์น้ำแข็งสีหน้าแปรเปลี่ยน ทว่านัยน์ตาของบุรุษในอาภรณ์ดำกลับมีแววสังหารปะทุออกมาในทันใด
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะระมัดระวัง แต่เขารู้จักสำนักทิพย์โบราณน้อยเกินไป ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งในมหาโลกทิพย์ทั้งห้า! จอมเทพศักดิ์สิทธิ์คือบุคคลผู้เป็นปฏิปักษ์กับสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดแทบทุกคน! พร้อมกันกับที่เขามาถึงที่นี่ก็ถูกค่ายกลเตือนภัยของคูเมืองสีดำค้นพบเข้าเสียแล้ว
………………………………………….