พลังที่แท้จริงของแหวนเจ็ดลูมินาลี่

ในขณะที่ซือเฟิงเริ่มทำการร่ายเวทย์ วงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมรัศมีหกสิบหลาก็ปรากฎขึ้นเหนือแม๊คอาฟรี่ และคนของเขาหลายร้อยคน

“สกิลเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่ ? ไม่เลว ..” เมื่อแม๊คอาฟรี่เห็นวงเวทย์ขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นเหนือเขา เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านักดาบแบบซือเฟิงจะมีเวทย์หายากแบบนี้ และเขาก็ได้ตะโกนบอกคนของเขาทันทีว่า “ทุกคนรีบใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที แล้วออกไปจากที่นี่ !!!”

สกิลเวทย์ AOE ทำลายล้างขนาดใหญ่นั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลกสำหรับมหาอำนาจต่างๆของ God domain อีกต่อไป เพราะสกิลเวทย์แบบนี้นั้นมักจะถูกใช้บ่อยๆในช่วงสงครามกิล อันเนื่องมาจากมันจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในการต่อสู้ขนาดใหญ่

ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆจึงได้คิดมาตราการรับมือที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว และพวกเขาก็มักจะใช้ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีเพื่อหลบหนีออกจากสกิลเวทย์ AOE แบบนี้ให้ไวที่สุด

แม้ว่าสกิลเวทย์ AOE แบบนี้จะมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัว แต่มันก็มีระยะเวลาในการร่ายนานมาก ซึ่งเมื่อมีคนสังเกตเห็นสกิลเวทย์แบบนี้ พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีการโจมตีได้อย่างง่ายดายด้วยม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที

แน่นอนสกิลเวทย์ AOE แบบนี้ก็ยังคงมีผลกระทบอย่างมาก สงครามกิลนั้นมักจะเต็มไปด้วยความวุ่นวายและเกี่ยวข้องกับผู้เล่นจำนวนมหาศาล ซึ่งผู้เล่นบางคนก็จะล้มเหลวในการพยายามจะหลบหนีจากสกิลแบบนี้ อันเนื่องมาจากการรบกวนของศัตรู หรือไม่ก็ไม่มีม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที และสกิลเวทย์ AOE แบบนี้ก็จะยังคงโจมตีโดนผู้เล่นหลายคนให้หายไปได้ทันที โดยไม่คำนึงถึงผลของเรื่องทั้งหมดนี้

อย่างไรก็ตามแม๊คอาฟรี่และคนของเขาทั้งหมดไม่กี่ร้อยคนนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์ และทุกคนนั้นล้วนมีม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที ขั้นสองอยู่กับตัว ไม่ต้องพูดถึงขั้นหนึ่งเลย เพราะพวกเขาก็เตรียมมันไว้พร้อมทั้งหมดเช่นกันเพื่อไว้ใช้มันในเวลาที่ถูกโจมตีด้วยสกิลเวทย์ AOE ขนาดใหญ่ หรือไม่ก็พวกปืนใหญ่

เมื่อได้ยินคำสั่งเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์ก็ดึงม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีออกมาจากกระเป๋า ในขณะเดียวกันแม๊คอาฟรี่ก็ได้นำอะเม้าท์บินได้ของเขาบินออกจากระยะของไฟร์โดนเมน

อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังจะหนีนั้น วงเวทย์ขนาดใหญ่นี้ที่อยู่เหนือพวเขาก็เสร็จสมบูรณ์ และมันก็เริ่มดูดซับมานาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ ซึ่งวงเวทย์นี้ก็ได้ดูดซับมานาทั้งหมดภายในรัศมีห้าร้อยหลาเข้ามาเลย

ตอนนี้ไม่เพียงแต่พื้นที่โดยรอบวงเวทย์นี้จะปราศจากมานา แต่การดูดซับมานาเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้นมันยังสร้างผิดเพี้ยนเชิงพื้นที่ขึ้นโดยรอบบริเวณด้วย ชั่วขณะหนึ่งตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดลง และผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในระยะของไฟร์โดเมนนั้นก็รู้สึกไม่สบายตัวราวกับว่าพวกเขาพึ่งจมลงไปในหนองน้ำลึกที่ไร้ก้นบึ้ง

“มันเกิดอะไรขึ้น ? มันท้องฟ้าถึงมืดลง ?!”

“ตอนนี้มันยากมากที่จะหายใจและเคลื่อนไหว !!”

“ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีไม่สามารถจะเปิดใช้งานได้ ?!”

“ไม่ ไม่ถูกต้อง !!! มันไม่ใช่แค่ม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที !! ฉันไม่สามารถจะใช้สกิลบลิ้งขั้นสองของฉันได้เช่นกัน !! นี่มันเป็นสกิลเวทย์ AOE แบบไหนกัน ?!”

สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ที่ยังอยู่ในระยะของไฟร์โดเมนตอนนี้นั้นรู้สึกตื่นตระหนก และสูญเสียความสงบไปอย่างมาก

ก่อนที่พวกเขาจะทันได้หายตื่นตระหนกนั้น มานาจำนวนมากก็เริ่มโผล่ออกมาจากวงเวทย์ขนาดใหญ่เหนือสนามรบ

ในช่วงเวลาต่อมาเสาไฟที่สูงตะหง่านและลอยขึ้นจากพื้นดินก็ปรากฎขึ้น และมันก็ทำให้สมาชิกเผ่าศักสิทธิ์ทุกคนที่อยู่ในระยะนั้นถูกเผาทันที แม้แต่อุปกรณ์และอาวุธที่พวกเขาดรอปไว้หลังตายบางส่วนก็ยังถูกเผาไหม้ไปด้วยจนกลายเป็นสีดำสนิท และไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเศษโลหะ และอุณภูมิที่สูงของเสาไฟเหล่านี้นั้นก็ทำให้หินเบื้องล่างพวกเขาละลายกลายเป็นหินหนืดสีขาวเลย และผู้เล่นหลายคนก็ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของเปลวไฟนี้ แม้จะอยู่ห่างออกไปหลายร้อยหลา

ตอนนี้มันราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่ง ผู้เล่นหลายหมื่นคนเบื้องล่างในเหมืองต่างจ้องมองมายังเสาไฟที่กำลังลุกเป็นไฟนี้ด้วยความเงียบงัน

เขาทำอะไรกัน ? ความตกตะลึงและความอยากรู้อยากเห็น ตอนนี้มันมีอยู่เต็มไปหมดในดวงตาของหยานเซี่ยวเฉียน ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิงซึ่งอยู่บนหลังของอินทรีสายฟ้า

จากสิ่งที่เธอเห็น เธอก็สามารถจะบอกได้เลยว่าซือเฟิงได้ใช้สกิลเวทย์ AOE เพียงครั้งเดียว แต่นอกเหนือจากแม๊คอาฟรี่และผู้เล่นขั้นสามบนอะเม้าท์บินได้ของเขาแล้ว ผู้เล่นคนอื่นของเผ่าศักสิทธิ์นั้นก็ถูกเผาไปทั้งหมดเลย แม้ว่าพวกเขาจะดึงม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงยืนอยู่นิ่งๆรอผลของสกิลของซือเฟิงทำงาน

ฉากที่เกิดขึ้นนี้มันจึงดูเหมือนว่าเผ่าศักสิทธิ์กับสภาสิบแปดปีกจะร่วมมือกันแสดงบางอย่างให้หอการค้าอาซูได้เห็น

อย่างไรก็ตามตอนนี้เผ่าศักสิทธิ์นั้นก็เป็นกิลชั้นยอดระดับต้นๆที่สามารถแข่งขันกับซุเปอร์กิลได้ และปัจจุบันพวกเขาก็อยู่ในทวีปด้านตะวันตก ไม่ใช่ตะวันออก ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่มหาอำนาจแบบเผ่าศักสิทธิ์จะต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก ซึ่งเป็นกิลกึ่งมหาอำนาจ

หยานเซี่ยวเฉียนและสมาชิกของหอการค้าอาซูไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่ตกตะลึงกับเรื่องนี้ แม้แต่ซือเฟิงเองก็รู้สึกตกใจกับผลลัพธ์ที่เขาทำได้เช่นกัน

การร่ายไฟร์โดเมนด้วยร่างมานานั้น มันทำให้สกิลเวทย์นี้ทรงพลังขึ้นมากขนาดนี้เลยงั้นหรอ ? ซือเฟิงนั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังแหวนเจ็ดลูมินาลี่บนนิ้วของเขา หลังจากที่ได้เห็นสมาชิกหลายร้อยคนของเผ่าศักสิทธิ์กลายเป็นเถ้า

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าสกิลและเวทย์ที่ผู้เล่นใช้นั้นจะมีพลังมากขึ้น เมื่อผู้เล่นมาถึงขั้นสาม และได้รับร่างมานาเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าสกิลเวทย์จากแหวนเจ็ดลูมินาลี่ที่เขาเปิดใช้งานมันจะทรงพลังมากขนาดนี้

เขาตั้งใจจะใช้ไฟร์โดเมนเพื่อทำให้สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ทั้งหมดกระจายตัวกันออกไป เพราะท้ายที่สุดสกิลเวทย์หลอมรวมของพวกเขานั้นมันเป็นเรื่องที่ยากจะรับมือมากๆ และเขาไม่สามารถให้พวกเขาสามารถทำการร่ายและใช้มันได้อย่างอิสระได้

เขานั้นไม่ได้คาดหวังที่จะสังหารหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองทั้งหมดด้วยไฟร์โดเมนเพียงอย่างเดียวเลย

และเวทย์นี้ก่อนจะแสดงผลของมัน มันยังได้ดูดซับมานาทั้งหมดในรัศมีห้าร้อยหลาเข้ามาอีก !!!

เขาได้เห็นเวทย์ที่น่ากลัวแบบนี้แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นในชีวิตที่ผ่านมาของเขา

การทำให้พื้นที่โดยรอบในระยะเวทย์ไร้ซึ่งมานาไปเลยนั้นนับเป็นความสามารถที่น่ากลัวมากๆ เพราะใน God domain มานานั้นเป็นรากฐานของทุกสิ่งภายในเกม และมันก็เป็นทั้งแหล่งที่มาของชีวิต และแหล่งที่มาของพลัง การให้ผู้เล่นเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งมานานั้นมันทรมานยิ่งกว่าการส่งคนไปอยู่พื้นที่สูญญากาศซะอีก

ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะไม่สามารถใช้สกิลและเวทย์ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งมานาได้ แต่แม้แต่การเอาชีวิตรอดก็จะยังคงเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นที่ยังไม่ได้รับร่างมานา การต้องเข้ามาอยู่ในพื้นที่แบบนี้นั้นมันจะเป็นอันตรายถึงชีวิตเลย

ในขณะที่ซือเฟิงจ้องมองไปยังแหวนเจ็ดลูมินาลี่ของเขา แม๊คอาฟรี่ก็จ้องมองมายังนักดาบด้วยความหวาดกลัว

นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาได้พบกับเวทย์ที่สามารถกำจัดคนของเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสองหลายร้อยคนได้ในทันที โดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาหนี

“รองผู้บัญชาการ เวทย์ที่ผู้เล่นคนนั้นพึ่งจะใช้นั้นมันทรงพลังมากเกินไป มันได้ดูดซับมานาทั้งหมดที่อยู่ในระยะของมันไป ผู้เล่นขั้นสามอย่างพวกเราอาจจะยังสบายในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่สำหรับผู้เล่นขั้นสองนั้นพวกเขาจะไม่ต่างจากแกะที่รอถูกเชือดเลย” Elementalist หญิงผมแดงที่อยู่ด้านหลังของแม๊คอาฟรี่กล่าว ขณะที่เธอมองไปยังทีมของซือเฟิงด้วยสีหน้าจริงจัง

ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆของเผ่าศักสิทธิ์นั้นก็เริ่มมองไปยังทีมของซือเฟิงอย่างระมัดระวังและจริงจังมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าที่จะประมาททีมของคนแปลกหน้าทีมนี้อีกต่อไปแล้ว

ด้วยเวทย์ AOE แบบนี้ของซือเฟิง พวกเขาจะไม่สามารถพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญขั้นสองในการโจมตีทีมของซือเฟิงได้ และพวกเขาสามารถพึ่งพาได้แค่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแบบตัวพวกเขาเองเท่านั้น

น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามนั้นยังคงหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และการรวบรวมพวกเขาให้ได้มากพอที่จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสิบคนจากทีมของซือเฟิงนั้นมันก็จะเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง หากซือเฟิงและทีมของเขาโฟกัสไปที่การหลบหนี

ทันใดนั้นซือเฟิงก็เงยหน้าขึ้นมองแม๊คอาฟรี่ และถามว่า “คุณต้องการจะต่อเลยไหม ?”

เป้าหมายของเขาในครั้งนี้นั้นคือการมาเยี่ยมชมทวีปด้านตะวันตก ไม่ใช่มาเพื่อเริ่มสงครามกับเผ่าศักสิทธิ์ เขาแค่บังเอิญมาเจอผู้เล่นเหล่านี้โดยบังเอิญ หากทีมของเผ่าศักสิทธิ์ไม่ได้เลือกจะต่อสู้ เขาก็คงจะเดินทางออกจากพื้นที่ตรงนี้ไปนานแล้ว