ตอนที่ 538 - การออกเดินทางไปครอบครัวเสี่ยว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 538 – การออกเดินทางไปครอบครัวเสี่ยว

สังเกตเห็นใบหน้าละเอียดอ่อนและจริงใจของซิ่วหยู หมิงตงก็หัวเราะออกมาอย่างซุกซน “ดังนั้น เจ้าคือซิ่วหยู งดงามนัก มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดชายจากตระกูลเสี่ยวจึงได้มาที่แห่งนี้หลายครั้ง เพื่อนำนางไปแต่งให้กับนายน้อยของพวกมัน”

แม้จะเติบโตอยู่ภายในภูเขาเล็ก ๆ ซิ่วหยูเป็นบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านที่ทุกคนต่างอิจฉา แม้ว่านางจะไม่ได้งดงามล่มเมือง แต่หากนางก้าวไปยังโลกภายนอก แน่นอนว่านางก็ยังคงพิจารณาว่าเป็นประเภทของสาวงามที่หาได้ยาก

ซิ่วหยูมีใบหน้าเอียงอายเล็กน้อย ขณะที่ฟังหมิงตงชมเชยนาง

“พี่หมิงตง อย่าได้แกล้งน้องซิ่วหยู มิฉะนั้น แม้ว่าข้าจะไม่อาจเอาชนะท่านได้ ข้าก็ยังคงไม่ยกโทษให้ท่าน”เถี่ยต้าพูดเสียงขรึม เขาก็มีท่าทีปกป้องซิ่วหยู

หมิงตงจ้องมองไปที่เถี่ยต้า ด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน “เถี่ยต้า ข้าเพียงแค่จะชมนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเจ้าจริงจังมากเกินไป อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบซิ่วหยู”

ใบหน้าของเถี่ยต้าแดงขึ้นด้วยความลำบากใจ เขาพูดว่า “แม่นางซิ่วหยูนั้นงดงามมากเกินไป มากกว่าที่คนหยาบช้าอย่างข้าจะคู่ควรกับนาง”

หมิงตงยังคงจ้องมองไปที่เถี่ยต้าด้วยสายตาประหลาดใจ ด้วยการยิ้มที่เกินจริง “ข้าเพียงล้อเล่นกับเจ้าในคราแรก แต่ข้าไม่คิดว่าจะโดนเกล็ดย้อนของเจ้า น้องเถี่ยต้า ความรักเป็นสิ่งที่ควรจะกล่าวดัง ๆ เจ้าไม่ทราบหรอก หากว่าเจ้าคอยแต่ยับยั้งความรู้สึกของเจ้าเอง แล้วเจ้าจะมองหาความรักจากสตรีนางใดเล่า”

คำพูดของหมิงตงทำให้เถี่ยต้มีใบหูที่แดงขึ้น หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากราวครึ่งวัน เถี่ยต้าก็กล่าวออกมา พี่หมิงตง อย่าทำให้มันเป็นเรื่องสนุกเลย ข้าไม่สามารถพูดอะไรได้

หมิงตงหัวเราะออกมา เขาจ้องมองไปยังซิ่วหยู เขานั้นมองออกว่าซิ่วหยูเป็นสตรีขี้อาย ดังนั้นยามเมื่อหมิงตงและเถี่ยต้าสนทนากันในหัวข้อของนาง นางก็ราวกับว่ามีดวงไฟอยู่ในอกของนาง

ที่ด้านหน้าเจี้ยนเฉินและหมิงตงมองอย่างรู้กัน ในสายตาของพวกเขา มันเป็นธรรมชาติเพื่อดูว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดีระหว่างซิ่วหยูและเถี่ยต้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถเชื่อได้ว่า สตรีที่เติบโตขึ้นอย่างงดงามนั้นจะตกหลุมรักกับเจ้ายักษ์อย่างเถี่ยต้า

ฮ่าฮ่า เจ้ายักษ์นี้ เป็นคนมีอำนาจมากที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดหมู่บ้านของเรา ทุกวัน เขาจะสามารถล่าสัตว์และนำสัตว์ป่ากลับมาที่หมู่บ้าน มันย่อมไม่เป็นอันใดที่ซิ่วหยูจะแต่งไปกับเถี่ยต้า แต่นางยังคงเป็นสมบัติล้ำค่าของครอบครัว และตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของข้า ข้าไม่มีอะไรที่มีค่าเท่านาง ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีท่าทีธรรมดา หัวเราะออกมาอย่างจริงใจ นางเป็นมารดาของซิ่วหยู

ซิ่วหยูเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในหมู่บ้านของเรา ชาวบ้านคนอื่น ๆ มากมายได้แสดงความปรารถนาที่จะแต่งงานกับนาง แต่ไม่มีใครแข็งแกร่งมากกว่าเถี่ยต้า ในความคิดของข้า จากภายในหมู่บ้านทั้งหมด มีเพียงเถี่ยต้าเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอ ชายชรากล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา เถี่ยต้าจะไปภูเขาทุกวันและล่าสัตว์ป่าก่อนที่จะแบ่งกับทุกคนในหมู่บ้าน นี่เองที่ทำให้เขาได้รับความรักและความเคารพจากทุกคนในหมู่บ้านให้อยู่ในระดับที่ลึกมาก

ฟังคำสรรเสริญของชาวบ้าน เถี่ยต้าอาจเพียงส่ายหัวของเขาอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม ลุง ป้า ข้าไม่ได้ดีดั่งเช่นคำชื่นชมของท่าน

ผู้หญิงวัยกลางคนกับดวงตาที่เป็นประกาย ไม่อาจที่จะสนทนาร่าเริงเกี่ยวกับเถี่ยต้าและซิ่วหยูอีกต่อไป นางเริ่มพูดอย่างร้อนรน ไอ้หยา หยุดมันก่อน ด้วยการเจรจาเหล่านี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ วิธีเราจะจัดการกับครอบครัวเสี่ยวตอนนี้ได้อย่างไร ครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนที่พวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อยแน่นอน แน่นอนว่ามันไม่ปล่อยให้เราไปในครานี้แน่ ข้าเดิมพันว่าครั้งต่อไปที่พวกเขามา มันจะไม่ใช่ผู้ที่อ่อนแออีกต่อไป

เราไม่ควรที่จะคุยกันในเรื่องนี้ในที่นี่ เราควรวางแผนการจัดการกับครอบครัวเสี่ยว แม้ว่าเถี่ยต้านั้นจะสามารถต่อสู้ได้ แต่เขาจะไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้น แต่แน่ใจว่า กลุ่มถัดไปจากครอบครัวของพวกเขาจะเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่เก่งกาจมากยิ่งขึ้น คนหนึ่งที่แบกจอบบนไหล่ของเขาพูดเสียงขรึมกับความกังวลที่แสดงทั่วใบหน้าของเขา

ในหมู่บ้านนี้ เถี่ยต้านั้นแข็งแกร่ง ในขณะที่มีบางคนที่บ่มเพาะพลัง แต่พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่ดีกว่าเซียนระดับสูงเลย ชาวบ้านธรรมดาส่วนเหลือนั้นอ่อนแอ พวกเขาจะถูกลูกหลงโดยครอบครัวเสี่ยว ถ้าทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน

เห็นกังวลบนใบหน้าของทุกคน เถี่ยต้าไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่กล่าวออกเพื่อความสบายใจของคนทั้งหมด, ท่านลุง ท่านป้า ทุกท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องหมู่บ้านแน่ ไม่ว่าจะมีสักกี่คน ข้าจะโจมตีไล่พวกเขาทั้งหมดกลับไป

เจี้ยนเฉินหัวเราะ เขากล่าว เถี่ยต้า ปัญหานี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ชาวบ้านทุกท่าน ท่านสามารถมั่นใจได้ทั้งหมด เนื่องจากปัญหานี้เกิดขึ้นโดยข้า มันย่อมเป็นธรรมดาที่ข้าช่วยท่านแก้ไขปัญหานี้

คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้ใบหน้าของชาวบ้านสดใสขึ้น ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนรีบถามออกมาทันใด นายท่าน สิ่งที่ท่านพูดเป็นจริง ท่านจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้เช่นนั้นหรือ ? ดูจากเจี้ยนเฉินและหมิงตง ชาวบ้านได้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ พวกเขาจะต้องมีขุมพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินจะแก้ปัญหานี้กับครอบครัวเสี่ยว ชาวบ้านรู้สึกว่าพวกเขาราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย

แม้ครอบครัวเสี่ยวจะไม่สลักสำคัญในอาณาจักรเกอซุน แต่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่อาจที่สามารถป้องกันได้

เจี้ยนเฉินยิ้มและแล้วพยักหน้าอย่างอย่างเป็นมิตร แม้คนเหล่านี้จะเป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดในแง่ของลำดับชั้นทางสังคม แต่เจี้ยนเฉินก็เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ไม่มีท่าทียโสเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนจงมั่นใจ ข้าจะแก้ไขปัญหานี้กับครอบครัวเสี่ยว และรับประกันว่า พวกเขาจะไม่ทำการรุกรานหมู่บ้านอีก เจี้ยนเฉินพูดอย่างมั่นใจ

คำพูดของเจี้ยนเฉินทำให้เกิดการระเบิดของเสียงตะโกนด้วยความสุข ใบหน้าของทุกคนเปิดเผยรอยยิ้มของความสุข แม้ว่าครอบครัวเสี่ยวเพียงแสวงหาซิ่วหยูและไม่ใช่ทั้งหมดของหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านที่ต่างสนิทสนมกันมากเนื่องจากมีจำนวนจำกัด เมื่อใดก็ตามที่หนึ่งครอบครัวมีปัญหา ทั้งหมู่บ้านยังมีปัญหา เมื่อซิ่วหยูเผชิญปัญหานี้ ทุกคนรู้สึกค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับมัน

ไม่มีเวลาแล้ว เราจะมุ่งตรงครอบครัวเสี่ยวและแก้ไขปัญหานี้ทันที ยิ่งเราทำเร็วแค่ไหน ทุกคนก็จะสามารถพักผ่อนอย่างสงบมากเท่านั้น หมิงตง เถี่ยต้า พวกเราไปกันเถิด เจี้ยนเฉินกล่าวออกมา

เถี่ยต้าตอบอย่างมีความสุขว่า ถูกต้อง ในกรณีใด ๆ ก็ตาม ท่านทั้งสองเก่งกว่าข้านัก ข้าสงสัยว่าครอบครัวเสี่ยวจะมีปัญญาทำร้ายพวกเราได้อย่างไร

แน่นอน หมิงตงไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ยิ้มอย่างดูหมิ่นดูแคลน เจ้าคิดว่าน้องชายข้าเป็นใครกัน กับครอบครัวเสี่ยวที่จะมาเผชิญหน้ากับเขา ครอบครัวเสี่ยวมันไม่อาจที่จะท้าทายเราและพยายามขอความเมตตาของเรา

หลังจากวางแผน เจี้ยนเฉินและทั้งสองออกจากหมู่บ้านและมุ่งไปยังครอบครัวเสี่ยว

ครอบครัวเสี่ยวคือตระกูลที่มีการสร้างมาเพียงไม่กี่สิบปี ตั้งอยู่ภายในตัวเมืองชั้นสามที่เรียกว่า เมืองหวงเกอ” พวกเขาเป็นหนึ่งในสามตระกูลที่มีอำนาจและอยู่ห่างจากหมู่บ้าน

ทันทีที่ทั้งสามออกจากภูเขา เจี้ยนเฉิน เถี่ยต้า และหมิงตง บินไปในอากาศไปยังเมืองหวงเกอ

ว้าว เจี้ยนเฉิน เจ้าสามารถบินได้ เซียนสวรรค์ทั้งหมดบินผ่านท้องฟ้าเช่นนี้ เสียงของเถี่ยต้าอาจจะได้ยินเป็นเสียงอู้อี้ที่เต็มไปด้วยความสุขจากการบินเป็นครั้งแรก

เดินทางผ่านท้องฟ้า ด้วยความเร็วอย่างมาก พวกเขาเดินทางอย่างรวดเร็วไปหลายร้อยกิโลเมตรจากหมู่บ้านในทิศทางของเมือง ใช้ธาตุลมปกคลุมหมิงตงและเถี่ยต้า เจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดตรงไปยังเมืองหวงเกอ จากนั้นหาที่ตั้งของครอบครัวเสี่ยวบนแผนที่ พวกเขาทะยานลงไปในบริเวณที่เขาควรอยู่

เจี้ยนเฉินและอีกสองคนทะยานลงไปยังที่ว่างบนลานสนามหญ้าของครอบครัวเสี่ยว และสมาชิกของครอบครัวที่เดินทางมาถึงที่สังเกตเห็นได้ทันที แม้แต่ผู้สังเกตการณ์จากภายนอกของตระกูลได้เห็นพวกเขามาจากท้องฟ้า ทำให้ข่าวการปรากฏตัวของเซียนสวรรค์ได้แพร่กระจายเหมือนไฟไหม้ป่า

ผู้ชายวัยกลางคนต่างก็ตกตะลึง เมื่อเห็น เจี้ยนเฉิน หมิงตง ร่อนลงไปบนลาน พวกเขาจ้องมองสามคนพร้อมกับโค้งคำนับทันที คนหนึ่งในกลุ่มของตนคารวะพร้อมร้องตะโกน ข้าคนนี้คือหัวหน้าของเหล่ายามสำหรับครอบครัวเสี่ยว พวกเรายินดีต้อนรับท่าน

เจี้ยนเฉินกวาดสายตาเย็นชามองผ่านทหารด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง เรียกหัวหน้าตระกูลของครอบครัวเสี่ยวมาทักทายเรา

ใช่ ข้าผู้นี้จะแจ้งเขาทันที ขอนายท่านไปรอที่ห้องโถง ในขณะที่ข้าจะแจ้งแก่เขา ยามก้มศีรษะของเขาพร้อมพยายามที่ประจบ นี้เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสใกล้ชิดตัวบุคคลผู้เป็นเซียนสวรรค์ เขาต่างก็เต็มไปด้วยความกลัวว่าจะทำการใดที่ล่วงเกิน

ไม่จำเป็น คนที่กำลังมองหาอยู่ที่นี่” เจี้ยนเฉินตอบอย่างใจเย็น ขณะที่มองตรงไปข้างหน้า

อาจจะเห็นกลุ่มคนที่รีบร้อนออกมา มันมียี่สิบกว่าคนในกลุ่มนั้น ที่ด้านหน้า เป็นชายวัยกลางคนอายุ 40 ปี

เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นเจี้ยนเฉินและอีก 2 คน พวกเขามองด้วยความสงสัย ทุกคนมีการเดินทางอย่างเร่งรีบ เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเซียนสวรรค์ได้มาเยือนครอบครัวเสี่ยว อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่มีคำถาม เมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขา เจี้ยนเฉินและอีกสองคนนั้นเยาว์วัยมากเกินไป มันไม่เป็นลักษณะที่เซียนสวรรค์ควรจะมี

แม้จะมีความสงสัยในจิตใจของพวกเขา พวกเขาไม่กล้าตรวจสอบ โดยการจ้องมองเซียนสวรรค์ พวกเขาโค้งคำนับและชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ในกลุ่มกล่าวว่า ท่านเซียนสวรรค์ ข้าผู้นี้ คือหัวหน้าของครอบครัวเสี่ยว เสี่ยวหยุน นายท่าน ข้า ยินดีต้อนรับท่านสู่ครอบครัวเสี่ยวและขอขอบคุณท่านที่ให้เกียรติมาเยือนเรา