Chapter 142: ไล่ล่า
เมื่อได้ยินมาแล้ว พวกเขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ต๋งฟางตั้งของสาขาอสูรหยิกนิ้วตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “นายน้อย พวกเราจะไปสังหารยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวของขั้นก่อกําเนิดวิญญาณงั้นเหรอ? แต่พวกเขายังไม่อยู่ในขั้นรากฐานเลยด้วยนะ”
“เจ้าเป็นผู้หญิงนะ อย่ามัวแต่ดุร้ายอยู่ตลอดเวลา พยามยามอย่าโจมตีจนกว่าเจ้าจะต้องทํามัน” เฉินเฉินตอบกลับโดยไม่ได้คิดอะไรออกมา
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เสียใจในทันที เมื่อเขาได้ยินเสียงอันนุ่มนวล เขาก็คิดกับตัวเองว่ามันน่าจะเป็นของผู้หญิง แต่เขาลืมเกี่ยวกับต๋งฟางตั้งเลย
เมื่อคิดได้ดังนี้แล้ว วินาทีต่อมาผู้คนที่อยู่ด้านหลังเขาก็เงียบลงและหลังจากนั้นต๋งฟางตั้งก็เริ่มร้องไห้ออกมา
“นายน้อย เจ้าเป็นคนแรกที่เรียกข้าว่าผู้หญิง ตราบเท่าที่เจ้ายินยอมแล้ว ข้าก็จะสามารถจะ…”
เมื่อได้ยินดังนี้แล้วเฉินเฉินก็อดที่จะฟังต่อไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเร่งความเร็วขึ้นและกระจัดกระจายไปไกลหลายร้อยเมตร
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่
เฉินเฉินพาฝูงชนลงมาและตอนนี้เองผู้คนจากสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ที่ด้านหน้าเขา
“ฉิงเทียน เจ้าไปตรวจสอบสถานการณ์ของสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ อย่าไปทําให้พวกเขาตื่นตัว”
“ครับ!” หยวนฉิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะเดินจากไป
หลังจากผ่านไปสิบนาทีแล้ว ร่างกายของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากช่องว่าง
“ศิษย์พี่ เจ้าของสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ ฉางกวนเจียนก็ได้ทําลายสํานักขนาดเล็กไปเมื่อวันก่อนและเอาของกลับมาเต็มไปหมด”
ในเวลาเดียวกัน เฉินเฉินก็ตระหนักได้
ผู้สนับสนุนอันใหญ่โต สํานักอู๋ซิ่นได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงและฉางกวนเจียนก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ในรัฐจินอีกต่อไป เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเก็บของจากไป
คนเช่นนี้มันหน้าด้านเหลือเกิน
“ศิษย์พี่ ปล้นบ้านของเขากันละ?”
รอยยิ้มของหยวนฉิงเทียนค่อยๆที่จะดูชั่วร้ายมากขึ้นและเฉินเฉินมองไปที่เขาอย่างดูถูก
ด้วยเหตุผลบางอย่างแล้ว นักฆ่าก็จะยิ่งลับๆล่อๆมากขึ้นซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดี
“มีคนเหลืออยู่ในสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์มากเท่าไหร่?”
“มันเหลือคนไม่มากเท่าไหร่ มันแค่สองหรือสามคน พวกเราสามารถที่เข้าไปจัดการพวกมันได้ในหนึ่งนาที”
เฉินเฉินยิ้มและครุ่นคิดสักพักใหญ่ ก่อนที่จะพูดออกมา “ไปยังฉิงมู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วละก็ฉางกวนเจียนก็น่าจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกับเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เอาไปด้วย กรวยแหวกสายลมก็จะต้องอยู่กับเขาอย่างแน่นอน เป้าหมายหลักของพวกเราคือกรวยแหวกสายลม”
หยวนฉิงเทียนก้มหัวลงอย่างอับอาย หลังจากที่ได้ยินมัน
“ศิษย์พี่นี่มีประสบการณ์และเป็นคนที่ชาญฉลาดมาก เขาไม่เคยตามืดบอดไปกับผลประโยชน์หรือหวั่นไหวกับมันเลย”
จุดนี้มันก็เพียงพอที่จะทําให้เขาเรียนรู้ไปอีกสักพักใหญ่
ตั้งแต่พวกตัดสินใจได้แล้ว พวกเขาก็เมินสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ไปและมุ่งตรงไปยังสํานักฉิงมู่
สํานักฉิงมู่อยู่ห่างจากสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าสองพันห้าร้อยเมตรถึงสามพันเมตรจากสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ โชคยังดีที่ยอดฝีมือระดับแก่นทองคําในกลุ่มไม่ได้อ่อนแอเท่าไหร่และต่างมีสมบัติติดตัวไปด้วย ด้วยเหตุนี้นี่เองพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ห่างจากด้านหลังไปไกลเท่าไหร่ ในขณะที่อุ้มนายน้อยไปด้วย
การเดินทางใช้เวลากว่าสี่ชั่วโมง
เมื่อพวกเขามาถึงสํานักฉิงมู่ พวกเขาก็ถูกทักทายโดยสภาพแผ่นที่ล่มสลายและซากศพที่นอนเกลื่อนบนพื้น
มันดูน่าสงสารอย่างมาก
“ศิษย์พี่ กลิ่นเลือดมันกระจายไปทั่วทุกแห่ง คนเหล่านี้ต่างพึ่งจะตายไปไม่นาน มือสังหารน่าจะอยู่บริเวณนี้” เฉินหลิน นายน้อยของสาขาขัดเกลาศพพูดขึ้นจากการดมกลิ่นของเขา
เฉินเฉินพยักหน้า ถึงแม้ว่านายน้อยของสาขาต่างมีระดับการฝึกตนที่ต่ำ แต่พวกเขาก็ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญในแขนงของตัวเองกันทั้งนั้น
เพียงแค่เขากําลังจะเข้าไปตรวจดูสถานการณ์นั้นเอง มันก็มีห้าคนบินลงมาจากภูเขา
ทั้งสองฝ่ายต่างมองกันและกันอย่างระมัดระวัง
เฉินเฉินมองไปยังชายวัยกลางคนที่มีหนวดและดูมีสีหน้าจริงจัง ซึ่งดูน่าจะเป็นผู้นําและถามขึ้น “เจ้าคือฉางกวนเจียน เจ้าของสํานักดาบศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
ฉางกวนเจียนมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าเขาและตื่นตระหนก แต่หลังจากสัมผัสได้ถึงระดับการฝึกตนที่อยู่ด้านหน้าแล้ว เขาก็ตื่นตระหนกน้อยลง
“คนจากสํานักอสูรมาทําอะไรในสํานักฉิงมู่กัน? พวกเจ้ากําลังต้องการสร้างปัญหาให้กับสํานักอู๋ซิ่นหรือยังไง? พวกเจ้าต้องการที่จะกําจัดทั้งสามสิบหกสํานักของรัฐจินเลยหรือ?”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้าอยู่กัน? ไม่ใช่เจ้าหรือยังไงที่สังหารคนจากสํานักฉิงมู่ไป?” หยวนฉิงเทียนด่ากลับ
“ข้าเนี่ยนะฆ่าพวกเข้า? เจ้าล้อข้าเล่นแล้วละ? สํานักฉิงมู่ถูกทําลายโดยสํานักอสูรต่างหาก” ฉางกวนเจียนหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเมินเฉยต่อความจริงที่เขายังมีเลือดเลอะบนตัวของเขาไป
กลุ่มคนจากสํานักอสูรต่างตกตะลึงและพูดไม่ออก มันมีคนที่หน้าด้านถึงเพียงนี้ด้วย
เฉินเฉินเมินปฏิกิริยาของกลุ่มคนจากสํานักอสูรไปและพูดขึ้น “ฉางกวนเจียน ข้าไม่ต้องการเสียเวลากับเจ้า ส่งกรวยแหวกสายลมให้กับข้ามาและข้าจะปล่อยเจ้าไป”
“ฮ่า! น่าสนใจเสียจริง”
รอยยิ้มของฉางกวนเจียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและชั่วร้าย กรวยแหวกสายลมเป็นอาวุธที่ทําให้เขาสามารถปล้นชิงของจากสํานักที่อ่อนแอกว่าได้อย่างง่ายดายมากขึ้น สมาชิกของสํานักอสูรยังกล้าที่จะขอของที่สําคัญแบบนั้นกับเขาเนี่ยนะ
“นี่มันล้อเล่นหรือยังไงกัน?”
“ถ้ามียอดฝีมือระดับก่อกําเนิดวิญญาณอยู่ด้วยแล้วมันก็ไม่ใช่อะไรหรอก แต่มีเพียงแค่พวกแก่นทองคําไม่กี่คนและพวกอยู่ในขั้นรากฐานขั้นสูงสุดเนี่ยนะ”
“ความแข็งแกร่งแค่นี้ยังกล้ามาสั่งข้า ผู้ซึ่งอยู่ครึ่งขั้นก่อกําเนิดวิญญาณ?”
“เจ้าสํานัก กุลุ่มคนเหล่านี้ต่างเป็นนายน้อยของสาขาหลักจากสํานักอสูร ข้าเคยเห็นพวกเขามาหลายคน ความร่ำรวยของพวกเขาไม่ได้ธรรมดาเลยสักนิด เมื่อเทียบกับขั้นสร้างรากฐานธรรมดาทั่วไป”
ผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคําที่อยู่ด้านหลังฉางกวนเจียนหัวเราะออกมา
อีกคนพูดต่อและเห็นด้วย “เยี่ยม ฆ่าพวกเขาทิ้งซะ พวกเราจะไปจากรัฐจินอยู่ดีและไปยังที่ห่างไกลกัน ข้าคิดว่าสํานักอสูรจะหาพวกเราไม่พบหรอก”
ทันทีที่เขาพูดเสร็จ บรรยากาศอันตึงเครียดและแรงกดดันที่มองไม่เห็นก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ จนทําให้ใบหน้าที่อยู่โดยรอบพัดปลิวไปตามลม
“จัดการพวกมัน!” ฉางกวนเจียนดูชั่วร้าย ก่อนที่จะโจมตีเข้าใส่ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคําด้วยฝ่ามือของเขา
มันเป็นการโจมตีเต็มกําลังจนทําให้นายน้อยที่อ่อนแอ หลายคนกระเด็นถอยออกไปหลายสิบก้าว
ปัง! พร้อมกับเสียงราวกับฟ้าผ่า!
ร่างสีทองป้องกันการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคํา
เมื่อแรงโจมตีหยุดลง เฉินเฉินกระอักเลือดออกมาและร่างกายที่เต็มไปด้วยพละกําลังเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขาเอง
พลังโจมตีจากผู้ฝึกตนระดับครึ่งก้าวก่อกําเนิดวิญญาณไม่ใช่อะไรที่เขาต้านทานได้ ถ้าเขาฝันที่จะรับมัน ร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นายน้อย…ท่าน!”
ผู้ฝึกตนขั้นแก่นทองคําตกตะลึง เขาเตรียมที่จะได้รับบาดเจ็บแล้วแต่ใครจะไปคิดว่านายน้อยของสาขาหลักจะมารับการโจมตีแทนเขากัน!
“พวกเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะดีแล้ว! พวกเจ้าไปจัดการกับคนอื่นซะ ปล่อยให้พวกคนรุ่นเยาว์จัดการกับฉางกวนเจียนเอง”
“แต่ว่า..”
“หือ?”
“ครับ!”
ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคําสี่คนยอมรับคําสั่งของเฉินเฉิน หลังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่สี่คนที่อยู่ด้านหลังฉางกวนเจียน
เมื่อมองไปยังเฉินเฉินที่ไม่ได้ล้มลงจากการโจมตีของเขาแล้ว ฉางกวนเจียนดูประหลาดใจ แต่มันก็เพียงแค่นั้น
หลังจากได้ยินคําพูดของเฉินเฉินแล้ว เขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาคิดว่าผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคําหลายคนจะรุมจัดการกับเขา ในขณะที่เหล่าคนรุ่นเยาว์ต่างจัดการกับลูกน้องทั้งสี่คน
ยังไงก็ตาม ชายสวมหน้ากากสั่งการให้คนรุ่นเยาว์มาจัดการกับเขาแทน
“เจ้าคิดว่ายอดฝีมือระดับครึ่งก้าวจะไม่แข็งแกร่งหรือยังไง?”
“คนหนุ่มก็ยังหนุ่มอยู่ดี พวกเขาไม่รู้อะไรเลยสักนิด
หลังจากที่เขาหยุดหัวเราะแล้ว แรงกดดันจากร่างกายที่ถูกกดดันจากผู้ฝึกตนของสํานักอสูรเหมือนกับสึนามิ เขาชี้ไปที่เฉินเฉินและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “วันนี้ข้าจะทําให้เจ้ารู้ว่าเจ้าสํานักไม่ใช่คนที่ยุ่งเกี่ยวได้!”