บัญชามังกรเดือด บทที่ 739 เกมเริ่มแล้ว
จากการรายงานของเด็กรับใช้คนนั้น ฉินเปียวกลับไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับหยางต้าวเท่าไรนัก ราวกับ หยางต้าวผู้นี้ เป็นเพียงมดตัวหนึ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ไม่ได้สำคัญอะไร
เขาจ้องมองเด็กรับใช้คนนั้น ยิ้มและพูดว่า “แกพึ่งมาอยู่ใหม่หรือ?”
เด็กรับใช้ตกใจไปครู่หนึ่ง และรีบตอบว่า “เรียนคุณชาย กระผมมาได้ครึ่งเดือนแล้วครับ เหล่าหวังที่เฝ้าประตูวันนี้หยุด ดังนั้นกระผมเลยมาปฏิบัติงานแทนชั่วคราวครับ”
ฉินเปียวพยักหน้า “ครึ่งเดือน ก็ถือว่านานอยู่นะ ควรที่จะรู้กฎระเบียบของวังตะวันออกได้แล้ว”
“น้องจื่อฮวาชอบชุดชาวฮั่น ถ้าฉันจำไม่ผิด วันนี้เขาจะมาที่นี่ ฉันแจ้งไปเรียบร้อยแล้วว่า ให้ทุกคนในวังตะวันออกสวมใส่ชุดชาวฮั่น”
“อย่าบอกว่าแกไม่ได้รับการแจ้ง?”
เด็กรับใช้คนนั้นตกใจไปชั่วขณะ เขามองดูฉินเปียวและสาวใช้ทั้งสองที่ล้วนแต่สวมใส่ชุดชาวฮั่น และเมื่อมองกลับไปตามทางที่ตนเดินมานั้น คนทั้งหมดในวังตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็ก ล้วนแต่สวมใส่ชุดชาวฮั่นกันทั้งนั้น
เขากลับมามองชุดลำลองที่ตนสวมใส่อยู่ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“คุณชายได้โปรดยกโทษให้ด้วย!”
“กระผม….กระผมสะเพร่าจนลืมเองครับ!”
“กระผมจะไปเปลี่ยนชุดฮั่นตอนนี้เลยครับ!”
ขณะที่พูด เขาก็เอาศีรษะโขกกับพื้นดังโป๊กโป๊กไปด้วย
ฉินเปียวยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “ไม่จำเป็นแล้ว”
“เด็กๆ ____”
ด้านหลังพุ่มไม้ที่อยู่ไกลออกไป มีผู้ชายหลายคนวิ่งออกมาทันที พวกเขามีมีดด้ามยาวเหน็บอยู่บริเวณเอว สวมใส่ชุดฮั่นสีดำ สีหน้าไร้ความรู้สึก ดูไปก็เหมือนกับองครักษ์สมัยโบราณในพระราชวังเลย
“คุณชายได้โปรดสั่งการ!”
บอดี้การ์ดเหล่านั้นโค้งตัวลงต่ำมากเพื่อรอรับคำสั่ง ไม่มีใครกล้ามองหน้าของฉินเปียว
แม้ว่าฉินเปียวจะยิ้มตาหยี่ จนเหมือนคุณชายเศรษฐีที่มีจิตใจดีงามก็ตาม แต่คนที่เคยเข้าใกล้หรือได้สัมผัสกับเขา ต่างรู้ถึงความน่ากลัวของเขาเป็นอย่างดี
เพราะว่าเด็กรับใช้คนนี้มาอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำสั่งให้สวมใส่ชุดชาวฮั่นที่ฉินเปียวประกาศออกไป
ฉินเปียวโบกมือ เหมือนเป็นการสั่งให้กำจัดขยะกองนี้ออกไปซะ
“ในเมื่อเขาชอบชุดนี้มาก งั้นก็ลากเขาออกไปและถอดมันออกมาซะ”
“ขอบคุณคุณชายมากครับ!” เด็กรับใช้นึกว่าจะถูกลงโทษขั้นรุนแรง คิดไม่ถึงว่า จะแค่ให้บอดี้การ์ดถอดเสื้อที่เขาใส่อยู่ออก เขาดีใจมากและรีบกล่าวคำขอบคุณ
“ไม่ต้องให้พี่บอดี้การ์ดจัดการหรอก กระผมจัดการเองได้!”
พูดพลางเขาก็รีบจัดการถอดเสื้อผ้าออกทันที
ฉินเปียวมองเขาราวกับเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง
บอดี้การ์ดสองคนกรูเข้ามา และจับเด็กรับใช้คนนั้นเอาไว้
“ไอ้หนูน้อย ฟังให้ดีนะ คุณชายให้ถลกหนังของแกออก ไม่ใช่ให้แกถอดเสื้อผ้าออก!”
“ลากตัวไปที่บ้านสัตว์!”
เมื่อได้ยินคำว่า “บ้านสัตว์” เด็กรับใช้ก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องโดนถลกหนังเข้าแล้วจริงๆ เขากลัวมากจนฉี่ราด กรีดร้องอย่างสุดเสียงจนสติหลุดวิญญาณเตลิด
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในสายตาของฉินเปียว ชีวิตของเขา ไม่มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย
ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังเขา ล้วนแล้วแต่มีจุดจบเช่นนี้
ชีวิตของคนคนหนึ่ง เพียงแค่เพราะว่าใส่เสื้อผิด จนถึงขั้นต้องโดนถลกหนังออก สาวใช้ชุดสีเขียวและชุดสีแดง ต่างก็กลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง
“ไปเถอะ ไปศาลาเฟิ่งหมิงกัน”
“จริงสิ น้องจื่อฮวาชอบจันทน์หอม ไป ไปเอาท่อนจันทน์หอมเกรดชั้นเลิศที่ฉันพึ่งได้มาที”
เขาเดินไปอีกทางหนึ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ดูเหมือนว่าลักษณะท่าทีของเขาจะกลับมาเป็นคุณชายที่สง่างามอีกครั้ง
ในศาลาอันสวยงามหลังหนึ่ง มีหญิงสาวที่สะอาดหมดจรดและสง่างามคนหนึ่งนั่งอยู่ แกมวยผมรวบตึง และสวมใส่ชุดฮั่นที่สวยงาม
มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคุณหนูของตระกูลที่สูงศักดิ์ ตั้งแต่เล็กไม่เคยได้ทำงานลำบากมาก่อน มันทำให้รู้สึกว่า เขาคงไม่ได้กินอาหารเหมือนมนุษย์เดินดินทั่วไป
บนโต๊ะน้ำชาเบื้องหน้าของเขา มีเครื่องดนตรีเหยาฉินวางอยู่
ด้านข้างมีสาวใช้สวมกระโปรงสีเหลืองยืนอยู่ ดูแล้วแกน่าจะอายุราวๆ สักสิบสี่สิบห้าปี แววตาคู่นั้นดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นฉินเปียว แกก็เบ้ปาก และพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณชายฉินเปียว อยู่ๆ แกก็เรียกคุณหนูของพวกเรามา ตอนนี้คุณหนูของพวกเรามาถึง และรออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว แต่แกกลับเอ้อระเหยลอยชายมาช้าแบบนี้”
“ไม่ได้ ควรถูกลงโทษ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ชุดเหลืองแล้ว สาวใช้ชุดเขียวและสาวใช้ชุดแดง ต่างก็เหงื่อตกพลั่กๆ
กล้าพูดกับฉินเปียวแบบนี้ เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง? อยากจะบอกให้รู้ว่า เมื่อครู่พึ่งจะมีเด็กรับใช้คนหนึ่ง เพียงแค่ใส่เสื้อผ้าผิด ถึงขนาดถูกลากออกไปลงโทษประหารชีวิตด้วยการถลกหนังออกเลยด้วยซ้ำ!
คาดไม่ถึงว่า ฉินเปียวจะไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย
เขายิ้มและพูดด้วยท่าทีสุภาพอ่อนโยนและใจกว้าง “เสี่ยวหวงอิงพูดถูก ฉันมาช้า ทำให้น้องจื่อฮวาต้องรอนาน สมควรได้รับโทษ”
“น้องจื่อฮวา จะลงโทษฉันยังไงก็บอกนะ ถ้าฉันทำหน้าบูดบึ้งแม้แต่น้อย ถือว่าฉันไม่ใช่ลูกผู้ชายก็แล้วกัน”
จื่อฮวาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “พี่ชาย อย่าล้อเล่นอีกเลย”
“ฉันจะกล้าลงโทษพี่ได้ยังไง จะว่าไป ฉันเองก็รู้ว่าตอนนี้แกเป็นถึงคุณชายแห่งวังตะวันออก ต้องมีเรื่องยุ่งวุ่นวายมากมายอยู่แล้ว”
พูดจบก็เม้มปากยิ้ม
ฉินเปียวหัวเราะเสียงดัง “น้องจื่อฮวา แกเหน็บแนมคนเป็นเหมือนกันหรือ”
“ไม่ได้ล่ะ ขอลงโทษให้แกดีดพิณให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้!”
จื่อฮวารีบตอบกลับไปว่า “แกนั่งเงียบๆ ก่อน แล้วฉันจะดีดพิณให้แกฟัง”
“แต่บทเพลงสงบจิตนี้ ฉันแกะออกมาจากโน้ตเพลงโบราณ บนโลกนี้ไม่เคยมีใครเคยเล่นเพลงนี้มาก่อน ฉันแกะโน้ตด้วยตัวเอง ถ้ามีตรงไหนผิดพลาด แกอย่าว่าฉันก็แล้วกันนะ….”
พูดพลาง เขาก็ใช้มืออันเรียวงาม ดีดบนสายพิณนั้น
เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ ค่อยๆ ไหลลงอย่างช้าๆ เมื่อใช้ใจฟังแล้ว เสียงนั้นราวกับเป็นสายน้ำที่ใสสะอาด ชำระล้างความหยาบกระด้างในใจ
สาวใช้สองสามคนนั้น ล้วนอดไม่ได้ที่จะฟังด้วยความหลงใหล ใบหน้าอันงดงาม เต็มไปด้วยความปรารถนา แม้แต่นกกระเรียนสองสามตัว ยังพากันเงียบและฟังเพลงด้วยกันเลย
สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นก็คือ แววตาของฉินเปียว กลับมีทีท่าของความหงุดหงิดปรากฏขึ้น
เขาหันหลังและเดินไปมาอย่างกระสับกระส่าย ราวกับสัตว์ร้ายในร่างกำลังถูกรบกวน และเหมือนมันจะพุ่งออกมาอยู่หลายครั้ง
แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เขาก็กัดฟันอดทนอดกลั้นมันเอาไว้ได้
เขาควบคุมตัวเองอย่างไม่เต็มใจนัก เขานั่งไขว่ห้างอยู่ตรงข้ามและหลับตาลง สักพัก สีหน้าของเขาก็คล้อยตามเสียงพิณ และค่อยๆ กลับไปสงบตามเดิม…
รูปร่างอันล่ำสันของเขา ก้มศีรษะลง ราวกับปีศาจที่ได้ยินเสียงต้องมนต์สะกดเอาไว้
และก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
จนเมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว!
เบื้องหน้ามีเพียงเครื่องดีตรีเหยาฉิน แต่ไม่มีคนที่เล่นมันอยู่แล้ว แววตาของเขา สักพักก็เกิดความสับสนขึ้น
“คุณชาย”
ชายชราในชุดสีเทามายืนอยู่นอกศาลาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขาโค้งตัวลงและพูดเบาๆ ว่า “คุณจื่อฮวาและคนอื่นๆ พวกเขากลับกันไปแล้ว เขาเกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของท่าน…”
“คุณชาย ระยะนี้ท่านยิ่งนอนน้อยลงเรื่อยๆ เลยเผลอหลับไปพร้อมๆ กับเสียงพิณของคุณจื่อฮวา ดูแล้ว คงต้องให้คุณจื่อฮวา มาหาพวกเราที่นี่บ่อยๆ แล้วหล่ะ”
“ดีที่สุดก็คือให้เธอมาอยู่ที่นี่นานๆ เสียเลย”
ฉินเปียวค่อยๆ ยืนขึ้น ด้วยท่าทีเย็นชา และมองลงไปที่ชายชราจากด้านบน ราวกับเจ้าปีศาจ
เขาพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่า ฉันใกล้จะทำมันสำเร็จแล้วหล่ะ”
“ขอแสดงความยินดีกับคุณชายด้วย!” ชายชราชุดเทามีท่าทีตกใจ และคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้น
“ว่ามาสิ คนแซ่หยางนั้นเป็นยังไงบ้าง? เขาตายแล้วหรือยัง?”
ชายชราชุดสีเทาผู้นั้นมีชื่อว่า ฮุยเฮ้อ เขาเป็นคนสนิทข้างกายของฉินเปียว บทบาทหน้าที่ของเขาคล้ายกับพ่อบ้าน คอยดูแลเรื่องทั้งหมดของตระกูลฉิน แม้ว่าเขาจะไม่โอ้อวดถึงความสามารถของเขา แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
ฮุยเฮ้อพูดเบาๆ ว่า “ยังมีลมหายใจอยู่”
“แล้วแต่คุณชายเลย หากคิดว่าเขาไม่มีประโยชน์ งั้นฉันจะส่งเขากลับไปอยู่บนสวรรค์ แต่ถ้าคุณชายคิดว่าเขายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ฉันก็จะชุบชีวิตเขาขึ้นมาเอง”
ฉินเปียวหัวเราะ และมองไปทางฮั่นจง สายตาของเขาปรากฏท่าทีแปลกๆ ขึ้น
เขาพูดอย่างช้าๆ ว่า “บอกฉันที ว่าฉินเทียนพี่ชายคนดีของฉัน ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”
ฮุยเฮ้อโค้งตัวลงและตอบว่า “เขากำลังจัดการกับมังกรซ่อนรูปตะวันตกอยู่”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เป็นไปได้อย่างมากที่ฉินเทียนจะใช้กำลังของมังกรซ่อนรูปตะวันตก มาต่อสู้กับตระกูลของเรา”
“เขาเป็นถึงแส้มังกร ตรงจุดนี้ พวกเราไม่ควรมองข้าม”
ฉินเปียวยิ้มเยาะ “ฉินเทียนอยู่ในฮั่นจงมาได้สักพักหนึ่งแล้ว รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงยังไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไรเลย?”
“ก็เพื่อให้เวลาเขาสักหน่อย ปล่อยให้เขาได้สะสมกำลังบ้าง”
“ไม่งั้น เกมมันก็ไม่สนุกสิ”
“สมแล้วที่เป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลฉิน เขาไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังเลยสักครั้ง ตอนนี้เริ่มเปิดฉากเกมอย่างเป็นทางการได้แล้วล่ะ”
“ไป ไปดูหยางต้าวกันดีกว่า!”