บทที่ 1164 แดนอเวจี โดย Ink Stone_Fantasy
ชั่วขณะนั้น ทุกคนที่กำลังตกอยู่ในความเงียบงันกำลังคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ มู่ฝานจวินก็ถามว่า “เทพพยากรณ์ทำตัวลึกลับเหมือนมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบสักครั้ง เจ้าไม่ได้ขอคำชี้แนะอะไรจากเขาสักหน่อยเหรอ?”
จีฮวนถอนหายใจ “ขอสิ ต้องขอคำชี้แนะอยู่แล้ว พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว จะไม่ขอให้เขาชี้แนะได้อย่างไร ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก ข้าเองก็นับว่าพูดเกลี้ยกล่อมเกาะแกะไม่ยอมหยุด ในที่สุดก็ได้ฟังคำพูดจากปากเขาไม่กี่คำ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น สี่ปราชญ์ก็ถามเป็นเสียงเดียวกันอีก “เขาว่ายังไง?”
“เขาถามข้าว่าอยากได้เงินทองหรืออยากได้อนาคต ข้าย่อมบอกว่าอยากได้ทั้งสองอย่าง หลังจากเทพพยากรณ์ทำนายดวงชะตาแล้ว เขาก็บอกว่าหลายปีมานี้พวกเราเลือกเป้าหมายในการร่ำรวยผิดไป เขาจึงชี้แนะไปที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวหนานจื่อคนนี้ บอกว่าผู้บัญชาการใหญ่คนนี้คือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในโชคชะตาของพวกเราที่พิภพใหญ่ แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างมาให้ฉบับหนึ่ง ตอนหลังบอกอีกว่าอย่าเปิดเผยความลับนี้ให้เหมียวอี้รู้ จากนั้นข้าก็รั้งเขาไว้ไม่ได้อีก ข้าถามเขาว่าเขาจะไปที่ไหน เขาบอกแค่ว่าไปตามโชคชะตา แล้วก็ไปแล้ว” จีฮวนกล่าว
สี่ปราชญ์ทำท่าครุ่นคิด ฉางเหลยถอนหายใจแล้วบอกว่า “นึกไม่ถึงว่าชาวพุทธอย่างพวกเราจะมีบุคคลที่หยั่งรู้เหตุการณ์ขนาดนี้ หลังจากมาที่พิภพใหญ่ข้าก็เคยไปสืบข่าวเหมือนกัน เคยได้ยินว่าที่พิภพใหญ่มีพลังอภินิหารในการหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆ ว่ากันว่าการหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าล้วนเป็นคำพูดหลอกลวง แต่เทพพยากรณ์ท่านนี้ช่างทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ”
“ปีศาจเฒ่า เทพพยากรณ์เขียนอะไรมาให้เจ้า เอาออกมาดูหน่อย” มู่ฝานจวินกล่าว
คนที่เหลือพยักหน้า มีเจตนาแบบนี้เหมือนกัน จีฮวนเองก็ไม่ได้ปิดบัง หยิบแผ่นหยกโยนออกมาให้
มู่ฝานจวินรับมาไว้ในมือแล้วรีบร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจอ่าน หลังจากอ่านแล้วก็เริ่มคิ้วขมวด พลางพึมพำอย่างงุนงงว่า “ใช้วิธีเสี่ยงอันตรายจะเกิดหายนะ หากไร้ทางไป นี่คือที่พึ่ง งูไร้หัวก็เลื้อยไม่ได้ รออย่างเงียบงันอยู่ในกรง ยามหกคนพบกันอีกครั้ง สถานการณ์จะพลิกผัน…แผนที่ดาวข้างล่างนี้หมายความว่าอะไร?”
เมื่อเห็นนางถือแผ่นหยกพึมพำไม่ยอมวาง คนอื่นๆ ก็เริ่มรอไม่ไหวแล้ว ซือถูเซี่ยวกางนิ้วทั้งห้า ดูดแผ่นหยกมาไว้ในมือตัวเองโดยตรง ไม่สนใจสายตาเดือดดาลของมู่ฝานจวิน หลังจากร่ายอิทธิฤทธิ์อ่านแล้ว ก็พึมพำเช่นกันว่า “ใช้วิธีเสี่ยงอันตรายจะเกิดหายนะ หากไร้ทางไป นี่คือที่พึ่ง งูไร้หัวก็เลื้อยไม่ได้ รออย่างเงียบงันในกรงขัง ยามหกคนพบกันอีกครั้ง สถานการณ์จะพลิกผัน…”
ตรงนี้ยังกำลังครุ่นคิด ฉางเหลยก็แย่งไปอ่านในมืออีกแล้ว ทำสีหน้าเหมือนคิดเป็นร้อยรอบแต่ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน
สุดท้ายแผ่นหยกก็ตกอยู่ในมืออวิ๋นอ้าวเทียน หลังจาดครุ่นคิดพิจารณาอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะสบถด่าว่า “คำทำนายอีกแล้ว แม่งแปลว่าอะไรกันแน่วะ? พระธุดงค์นั่นพูดจาคลุมเครือแบบนี้ ทำให้คนเดาไม่ออก อ่านแล้วเดือด!” เขาเงยหน้ามองจีฮวน “แปลว่าอะไรกันแน่?”
จีฮวนยิ้มเจื่อน “ตอนแรกข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแปลว่าอะไร ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นด้วย ที่สำคัญคือคิดมากไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เดาไม่ออก เลยมาสืบดูสถานการณ์ที่นี่ตามที่เขาชี้แนะก่อน สืบได้ว่าผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวหนานจื่อนี้ชื่อว่าหลี่ตงเหมี่ยว ส่วนเรื่องราวต่อมาก็ชัดเจนกระจ่างแจ้ง หลังจากหาเบาะแสบางอย่างอย่างละเอียด ก็พอจะเข้าใจความหมายของคำทำนายนี้แล้ว”
ฉางเหลยถอนหายใจแล้วบอกว่า “เจ้าก็รีบบอกมาสิ ถ้าเก็บกลั้นไว้อีก อาตมาจะโมโหแล้วนะ”
จีฮวนกล่าวว่า “จากการตรวจสอบ ดาวหนานจื่อของน่านฟ้าระกาติงอยู่ในขอบเขตอำนาจของจอมพลสายมะเมียหวงฮ่าว หนึ่งในสิบสองจอมพลของตำหนักสวรรค์ ผู้บัญชาการใหญ่หลี่ตงเหมี่ยวคนนี้คือหลานชายแท้ๆ ของหลี่จวินที่เป็นพ่อบ้านของหวงฮ่าว ส่วนจั่วอิงกง ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวหลันหัวน่านฟ้ามะแมติง กับเฉิงซิ่ว ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ของดาวหลิงอวิ๋นน่านฟ้าติงวอก ทั้งสองล้วนเป็นคนจากจวนจอมพลของสายมะเมีย ทุกสิบปีสามคนนี้จะไปรวมตัวกันที่ตลาดสวรรค์ดาวหนานจื่อหนึ่งครั้ง สาเหตุก็เป็นเพราะว่าเซิ่งอวี้หวน ฮูหยินของหวงฮ่าวชอบกินปลาสายรุ้งดินที่มีแหล่งผลิตอยู่ที่น่านฟ้าระกาติง ส่วนปลาสายรุ้งดินนั่นก็อยู่ในอาณาเขตของนักพรตปีศาจที่ชื่อว่าเฮยกว่าฟู่ ปกติปลาสายรุ้งดินจะจับได้ยากมาก เพราะไม่รู้ว่ามันไปหลบอยู่ที่ไหน ทุกสิบปีมันถึงจะออกมาสักครั้ง คนทั่วไปจับมันไม่ได้เลย ถ้าฝืนจับปลาชนิดนี้มา มันก็จะระเบิดตัวเอง แล้วก็มีเพียงเฮยกว่าฟู่เท่านั้นที่รู้ว่าต้องใช้วิธีการไหนถึงจะตกปลามาแบบสมบูรณ์ได้ พอเป็นแบบนี้ หลี่ตงเหมี่ยว จั่วอิงกงและกัวเฉิงซิ่วจึงอยากแสดงความกตัญญูต่อฮูหยินของจอมพล ทุกสิบปีที่เฮยกว่าฟู่จะตกปลาหนึ่งครั้ง ทั้งสามก็จะรวมตัวกันไปขอด้วยตัวเอง และนำมาส่งที่จวนจอมพลด้วยตัวเองเพื่อแสดงความเคารพต่อฮูหยินของจอมพล จากที่สืบมา เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นเวลาจับปลาสายรุ้งดินแล้ว เท่ากับว่าเป็นเวลาที่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนนั้นจะไปหาเฮยกว่าฟู่”
พอพูดจบ เขาก็ยื่นนิ้วสามนิ้วให้ทั้งสี่ “เหมียวอี้คนเดียวเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ยังรวยจนน้ำมันแทบหยด แล้วผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนล่ะ ทุกคนเคยคิดมั้ยว่าหมายความว่าอะไร?”
ความคิดของทุกคนถูกเรื่องนี้ดึงดูดทันที ได้ยินแล้วตาเป็นประกายไม่หาย แต่ละคนทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดไปไกลโพ้น
“ปีศาจเฒ่า เจ้าหมายความว่าจะปล้นผู้บัญชาการใหญ่สามคนนี้เหรอ?” ฉางเหลยถาม
จีฮวนกล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “ถ้าพวกเขาสามคนอยู่ที่ตลาดสวรรค์ พวกเราก็ไม่สะดวกจะลงมือ ตลาดสวรรค์มีนักพรตบงกชรุ้งรักษาการณ์อยู่ ระหว่างทางที่สามคนนั้นไปหาเฮยกว่าฟู่ นั่นก็คือเวลาลงมือ!”
“วรยุทธ์ของทั้งามเป็นอย่างไร ได้สืบมาชัดเจนหรือเปล่า?” มู่ฝานจวินถาม
จีฮวนพยักหน้า “ถ้าไม่รู้แม้แต่เรื่องแบบนี้ ข้าจะเรียกรวมทุกคนมาได้อย่างไรล่ะ ในบรรดาสามคน หลี่ตงเหมี่ยววรยุทธ์สูงสุด วรยุทธ์ถึงระดับบงกชทองขั้นเก้าแล้ว จั่วอิงกงวรยุทธ์รองลงมา มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปด กัวเฉิงซิ่วบงกชทองขั้นเจ็ด ทั้งสามวรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ดแปดเก้าเรียงกันพอดี”
คนที่เหลือได้ยินแล้วค่อนข้างลังเล ถึงอย่างไรวรยุทธ์ของแต่ละคนก็สูงกว่าพวกเขา ซือถูเซี่ยวถามว่า “วรยุทธ์สูงกว่าหน่อยก็ไม่เป็นอุปสรรค หลายปีมานี้ข้าพบว่านักพรตที่พิภพใหญ่ฝีมืองั้นๆ แต่สามคนนี้มีภูมิหลัง กลัวว่าบนตัวจะมีของวิเศษอะไรที่ร้ายกาจ กลัวว่าจะแตะต้องไม่ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น”
“ถ้าแตะต้องง่าย ข้าก็คงฮุบไว้คนเดียวแล้ว จำเป็นต้องมาหาพวกเจ้าด้วยเหรอ?” จีฮวนถาม
ที่ว่ามาก็มีเหตุผล มู่ฝานจวินบอกว่า “แตะต้องสามคนนี้น่ะไม่เท่าไรหรอก ที่สำคัญคือผลที่ตามมา ไปแตะต้องผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์พร้อมกันสามคน เกรงว่าเรื่องคงจะไปถึงราชันสวรรค์โดยตรง แค่คิดก็รู้แล้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ไม่ทันรอให้พวกเราหนีหรอก ช่องทางของน่านฟ้าแถวนี้ต้องถูกปิดทันทีแน่นอน จากนั้นก็จะเจอยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ของตำหนักสวรรค์ตรวจค้น นี่ยังไม่รวมกับเรื่องอื่นนะ ถ้าสู้กับตำหนักสวรรค์ก็ยังดีหน่อย ทหารยศต่ำพวกนั้นเกียจคร้านจนเคยชิน ไม่ค่อยมีใครตั้งใจทำงานสักเท่าไร แต่ถ้าเราลงมือกับสามคนนี้ในรวดเดียว สามคนนี้เป็นคนของจวนจอมพลสายมะเมียนะ หวงฮ่าวจะทนความรู้สึกได้อย่างไร โดนตบหน้าขนาดนี้ หวงฮ่าวจะต้องทุ่มกำลังอำนาจทั้งหมดออกมาแน่นอน พวกเราจะหลบหนีได้หรือเปล่า แค่ลองคิดดูก็รู้แล้ว”
“ดังนั้น นี่ก็คือสิ่งที่พิสูจน์คำทำนายของเทพพยากรณ์ไง ใช้วิธีเสี่ยงอันตรายจะเกิดหายนะ!” จีฮวนกล่าว
อวิ๋นอ้าวเทียนอ่านต่อว่า “หากไร้ทางไป นี่คือที่พึ่ง งูไร้หัวก็เลื้อยไม่ได้ รออย่างเงียบงันในกรงขัง…อย่าบอกนะว่าพระธุดงค์นั่นจะให้พวกเราเข้าไปนอนรออยู่ในคุกเอง? นี่ไม่ใช่วางกับดักพวกเราใช่มั้ย? ฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ไปสามคน ถ้าเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว ยังหวังอีกเหรอว่าหวงฮ่าวจะปล่อยพวกเราไป?”
ซือถูเซี่ยวก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ไม่เหมาะสม! หวงฮ่าวต้องไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ ถ้าสามารถทำให้พวกเราตายอย่างอนาถได้ ก็ต้องทำให้พวกเราตายอนาถแน่นอน จะต้องใช้พวกเราเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู ถึงแม้เทพพยากรณ์จะหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อไรเขาจะพลาด? ต่อให้จะไม่ผิดพลาด แต่ถ้าได้ตกอยู่ในมือหวงฮ่าว ต่อให้ไม่ตายก็ต้องโดนถลกหนังหลายชั้น ความทรมานนี้คงจะอนาถกว่าความตาย ต่อให้เทพพยากรณ์จะทำนายแม่น แต่ข้าก็ไม่ไปทำตามที่เขาพูดหรอก”
“ข้างหลังยังมีอีกประโยคหนึ่ง ยามหกคนพบกันอีกครั้ง สถานการณ์จะพลิกผัน…” มู่ฝานจวินมองพวกเขา แล้วบอกว่า “หกคน หมายถึงพวกเราหกปราชญ์รึเปล่า หรือว่าเทพพยากรณ์กำลังบอกว่าเหมียวอี้จะมาช่วยพวกเรา?”
ฉางเหลยประนมมือ “อามิตาพุทธ! ด้วยฐานะของพวกเราน่ะเหรอ ฝึกเคล็ดวิชาของโจรกบฎกันหมด เหมียวอี้มาช่วยชีวิตพวกเราก็เท่ากับวางกับดักตัวเอง ถ้าเขารู้ว่าพวกเราอยู่ในคุกใหญ่ของตำหนักสวรรค์ เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่เขาก็จะเป็นต่อไม่ได้แล้ส รีบหนีกลับไปพิภพเล็ก การทำนายนี้ของเทพพยากรณ์ ทำไมอาตมารู้สึกว่าเชื่อถือไม่ได้นิดหน่อย?”
“เฮอๆ!” จีฮวนหลุดหัวเราะออกมา เมื่อเห็นพวกเขาจ้องตัวเอง เขาก็โบกมือบอกว่า “ไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิด ตอนแรกข้าก็มีความคิดคล้ายๆ พวกเจ้านี่แหละ แล้วก็กังวลหนักมากเช่นกัน แต่ก็รู้สึกว่าเทพพยากรณ์คงจะไม่พูดเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีเป้าหมาย ดังนั้นข้าจึงตรวจดูความเป็นไปได้ของแผนนี้ด้วยตัวเอง พอได้ตรวจแล้วข้าก็เข้าใจทันที ถึงได้เข้าใจว่า ‘กรงขัง’ ในคำทำนายก็หมายถึงคุกใหญ่ของตำหนักสวรรค์ ไม่ทราบว่าทุกคนเคยได้ยินแดนอเวจีมาก่อนรึเปล่า?”
พวกเขาพยักหน้า อวิ๋นอ้าวเทียนบอกว่า “ถ้าหมายถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘นรก’ นั่น ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ได้ยินว่าที่นั่นลึกลับคาดเดายาก อันตรายมาก ทรัพยากรฝึกตนขาดแคลน คนที่หลบอยู่ในนรกมีแต่พวกที่ชั่วร้ายถึงขีดสุด ส่วนใหญ่เป็นโจรกบฎ และการลงโทษของของตำหนักสวรรค์ก็คือ จะโยนนักโทษเข้าไปในนรก แล้วให้ชดใช้ความผิดโดยการกำจัดโจรกบฏ ขอเพียงฆ่าโจรกบฎได้มากพอ ก็จะสามารถชดใช้ความผิดและหลุดออกจากนรกไปได้ ได้ยินว่าคนที่ถูกโยนเข้าไปมีเยอะ แต่คนที่รอดออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้”
จีฮวนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ผิดหรอก สิ่งที่เรียกว่ากรงขังในคำทำนายของเทพพยากรณ์คงจะหมายถึงสถานที่นั้น กรงขังก็คือนรก นรกก็เรียกได้ว่าเป็นกรงขังของตำหนักสวรรค์”
“ทำไมถึงแน่ใจว่าสิ่งที่เรียกว่ากรงขังนั่นจะหมายถึงนรก?” ซือถูเซี่ยวถาม
จีฮวนตอบว่า “ความคิดของพวกเจ้าก็เหมือนกับข้านั่นแหละ ตอนแรกข้าไม่รู้จักบริเวณนี้ เลยไม่ได้คิดเชื่อมโยงมาทางด้านนี้เหมือนกัน ตอนหลังในระหว่างที่ข้ากำลังตรวจสอบ ก็พบว่าจุดที่เฮยกว่าฟู่อาศัยอยู่ห่างจากแดนอเวจีอันโด่งดังไม่ไกล ตอนนี้ข้าถึงได้กระจ่าง ถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘กรงขัง’ หมายถึงนรก! ให้พวกเรารอเงียบๆ อยู่ในกรงขังนั้นไม่ได้หมายถึงคุกใหญ่ของตำหนักสวรรค์ แต่หมายถึงนรก พอพวกเราเข้าไปในนรกแล้ว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เงื้อมมือของตำหนักสวรรค์จะเอื้อมไปถึงพวกเรา”
มู่ฝานจวินแสยะยิ้ม “หรือว่าสิ่งที่ข้าเคยฟังมาจะผิดพลาด? ตามที่ข้าได้ยินมา ตำหนักสวรรค์ก็อยากจะกำจัดโจรกบฎในนรกเหมือนกัน แต่จนใจที่สภาพแวดล้อมในนรกผิดปกติเกินไป อำนาจของตำหนักสวรรค์ไม่มีทางไล่สังหารเข้ามาจนหมดได้ และก็เพราะเหตุนี้ โจรกบฎที่สู้กับตำหนักสวรรค์ถึงได้หนีสุดชีวิตไปซ่อนตัวหลีกภัยในสถานที่นั้น และเพื่อที่จะปราบโจรกบฎพวกนั้นไม่ให้แว้งกัด ตำหนักสวรรค์จึงส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปเฝ้าทางเข้าออกนรก ถ้าไม่ได้รับอนุญาต คนข้างในก็ออกมาไม่ได้ คนข้างนอกก็เข้าไปไม่ได้เช่นกัน ต้องการให้โจรกบฎพวกนั้นตายไปเองอยู่ข้างใน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทรัพยากรฝึกตนคอยเติม ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฆ่ากันเอง สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องโดนขังตายแน่นอน ทางเข้าออกถูกควบคุมไว้แน่นหนาขนาดนั้น พวกเราจะเข้าไปรอเงียบๆ ในกรงขังได้อย่างไร? พวกเราไม่มีทางหลบเข้าไปได้เลย!”
…………………………