ตอนที่ 1587 อันดับแสนน่าอับอาย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1587 อันดับแสนน่าอับอาย Ink Stone_Fantasy

เสียงร้องคำรามดังขึ้นเล็กน้อย ทันทีทันใด ร่างของวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยก็แปรเปลี่ยนคล้ายกระเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

การปรากฏตัวของมันเปรียบเสมือนดวงสุริยันลุกโชนแสนแพรวพราวอย่างหาที่เปรียบไม่

เหล่าศิษย์รุ่นน้องของซ่งฉีหยางต่างเขาสกัดปิดกั้นหนิงซื่ออวี๋เจือความตื่นตระหนกเหลือเชื่อ พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ที่หนิงซื่ออวี๋ไล่ล่าจัดการศิษย์พี่พวกเขาซะจนหมดท่า นั้นยังหาใช้พลังทั้งหมดของนาง!

นี่คือวิหคเพลิงอมตะที่แท้จริง มันช่างทรงพลังอย่างมาก

วิหคเพลิงอมตะเป็นวิญญาณต้นกำเนิดแห่งไฟ แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตา แต่มันก็เป็นรูปลักษณ์ที่สามารถปลดปล่อยพลังของไฟศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้มากที่สุด!

ในทางตรงข้าม มังกรไฟของซ่งฉีหยางกลับด้อยกว่าในเรื่องนี้

มิใช่ว่าไฟศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามใจอิสระ สิ่งนี้ต้องขึ้นอยู่กับระดับความแรงในการควบคุม

ผู้อ่อนด้อยไร้ซึ่งทักษะ จะสามารถแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นสัตว์ระดับต่ำเท่านั้น

ผู้ใดที่สามารถแปรเปลี่ยนพลังไฟศักดิ์สิทธิ์ให้กลายมาเป็นมังกรได้เหมือนกับซ่งฉีหยาง นั้นถือว่าทรงพลังอย่างมาก

แต่ในบรรดาทักษะการควบคุมไฟ การจะผนึกก่อรูปขั้นเป็นวิหคเพลิงอมตะนับว่ายากกว่าร่างมังกรไม่รู้กี่เท่า

วิหคเพลิงตัวน้อยก่อนหน้าของหนิงซื่ออวี๋ นางทำไปเพื่อมิให้ตนเองกลายมาเป็นจุดเด่นก็เท่านั้น

รูปร่างที่เล็กจ๋อยแบบนั้น แสดงให้เห็นถึงทักษะการควบคุมเพลิงที่มิได้สูงมาก

แต่ในตอนนี้รูปร่างของวิหคเพลิงอมตะแตกต่างไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง!

การสร้างรูปแบบดังกล่าวขึ้นมาด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์ จำต้องอาศัยทักษะการควบคุมที่สูงมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย

เมื่อซ่งฉีหยางเห็นภาพฉากนี้ ลูกตาของเขาแทบถลนออกมา

“หญิงสาวนางนี้แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด? หรือว่า…”

จากนั้นขาต่างอดเหลียวไปมองเย่หยวนมิได้ แต่พบว่ายามนี้สีหน้าเย่หยวนช่างไร้อารมณ์ความรู้สึกนัก จนมิอาจแยกแยะอารมณ์สุขหรือเศร้าโศกได้เลย

“เป็นไปไม่ได้! หากมันเป็นคนสอนสั่ง แต่ไฉนถึงไม่แสดงสีหน้าออกมาเลย? หรือเป็นผู้อาวุโสรองกัน! เขาซ่อนคมไว้ลึกปานนี้เชียว!”

วิหคเพลิงอมตะของหนิงซื่ออวี๋เปรียบเสมือนเครื่องจักรสังหารที่เคลื่อนผ่านที่ใดวินาศสิ้นที่นั่น!

ฝั่งผู้อาวุโสใหญ่หน้าเสียหนักแสนสลดใจในทันใด กลุ่มลูกศิษย์ของตนถูกกำจัดแทบไม่เหลือ!

“แข็งแกร่งยิ่ง! หนิงซื่ออวี๋แข็งแกร่งปานนี้เชียว? ทักษะการควบคุมไฟของนางลุถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”

“วิหคเพลิงอมตะนั้นราวกับมีชีวิตจริงๆ ที่ทั้งหน้าทึ่งและยิ่งใหญ่มากนัก นางทำขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“หากเปรียบทักษะการควบคุมไฟของนาง มังกรไฟของซ่งฉีหยางกลับกลายเป็นขยะทันตา!”

บนอัฒจันทร์สูง เหล่าผู้อาวุโสหลายคนต่างเบิกตาโตจับจ้องภาพฉากนี้ด้วยความตื่นตกใจยิ่ง

แม้แต่ซวนอี้เองยังประหลาดใจไม่ต่าง เบื้องลึกภายในตาฉายแววสับสนยิ่งเช่นกัน

เขาเหลือบมองไปที่เย่หยวนโดยมิตั้งใจ แต่กลับมองไม่เห็นสิ่งใดผ่านใบหน้าของเขาเลย

ซวนอี้ทราบดีว่า หลายวันมานี้หนิงซื่ออวี๋เอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนพักของเย่หยวนโดยตลอด และมิได้ออกมาเลย

ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ นอกเหนือจากเย่หยวนก็ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความสามารถปานนี้

เขายังไม่สามารถ หรงซูเองก็เช่นกัน!

สีหน้าการแสดงออกของหรงซูยามนี้บิดเบี้ยวแสนน่าเกลียดที่สุดในชีวิต เขาไม่คิดเลยว่า การประลองไฟศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ จะกลายมาเป็นภาพฉากการสังหารหมู่เพียงฝ่ายเดียว

หนิงซื่ออวี๋นางนี้เหี้ยมโหดเกินไป เป้าหมายทั้งหมดของนางล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าศิษย์เชื้อสายของหรงซูทั้งนั้น และนางโค่นพวกเขาทั้งหมดแทบไม่เหลือ!

ในเวทีตอนนี้เหล่าศิษย์กำลังร่ำไห้ไปทั่วทุกมุม บางคนหลีกหนีลุกลี้ลุกลนเสมือนหนูอพยพ ไม่มีใครเลยที่กล้าเผชิญหน้ากับหนิงซื่ออวี๋

ในไม่ช้าไผศักดิ์สิทธิ์ภายในเวทีก็ลดจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ซ่งฉีหยางถูกศิษย์พี่สามของหนิงซื่ออวี๋ปิดฉากลงได้หลังจากผ่านไปครึ่งวัน

การต่อสู้ในช่วงเวลาสุดท้าย กล่าวได้ว่าเป็นศึกสายเลือดระหว่างศิษย์ของผู้อาวุโสรอง

หลังจากนั้นหนิงซื่ออวี๋ก็เอาชนะศิษย์พี่สามของนางลงได้ และคว้าอันดับหนึ่งไป!

เมื่อผู้ดูแลที่เป็นกรรมการประกาศผลการจัดอันดับในการประลองไฟศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ผู้คนต่างตื่นตะลึงยิ่ง แม้แต่เจ้าตัวยังแทบไม่เชื่อสายตา

“ณ ขณะนี้ ขอประกาศผลการประลองทักษะการควบคุมเพลิงในรอบแรก อันดับหนึ่งได้แก่ หนิงซื่ออวี๋ อันดับสอง เจียงเต๋า อันดับสาม…อันดับที่เก้าสิบเจ็ด ซ่งฉีหยาง อันดับที่เก้าสิบแปด…”

ช่างเป็นอันดับที่แสนน่าอับอายยิ่งนัก!

ซ่งฉีหยางซึ่งเป็นที่รู้จักในนามอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเหล่าศิษย์ที่เป็นจอมเทพโอสถสามดาวทั้งหมด ทว่าตอนนี้เกือบไม่ผ่านเข้าสู่รอบที่สอง!

หากซ่งฉีหยางรู้ว่า เย่หยวนย้ำหนิงซื่ออวี๋ไว้แต่แรกว่า ห้ามปล่อยให้อีกฝ่ายถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกเด็ดขาด หากเขารู้จะรู้สึกอย่างไร?

เหล่าศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสใหญ่แต่ละคนมืดมนอย่างหาที่เปรียบไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้อาวุโสใหญ่ เขาในยามนี้ไม่สามารถรักษาความสงบใจได้อีกต่อไป และทรุดตัวลงทั้งแบบนั้นคาที่นั่ง

ซ่งฉีหยางกัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวสุดขีด ใบหน้าของเขาแดงก่ำในทันใด

 วันนี้กล่าวได้ว่า เขาเสียหน้าชนิดที่ถูกบดละเอียด!

เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ตัวเขาเองจะตกอยู่ใกล้อันดับร้อยขนาดนี้ ตัวเขาผ่านรอบแรกมาได้อย่างฉิวเฉียด

เมื่อเหลือบมองไปยังเหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสรองด้วยสายตาแสนเคียดแค้น ซ่งฉีหยางก็ขบฟันแน่นเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยวาจาแสนเกลียดชังว่า

“พวกเจ้าจำไว้ให้ดี! ในรอบที่สอง ข้าจะชดใช้ทั้งต้นและดอก!”

บรรยายกาศบนอัฒจรรย์ที่นั่งยามนี้ค่อนข้างอึดอัด

ฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่อยู่เหนือกว่าทุกคน ดังนั้นแล้วโดยส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าล้ำเส้นเขาเท่าไหร่หนัก

ดังนั้นแม้ว่าฝ่ายผู้อาวุโสรองจะได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแสดงความยินดีเช่นกัน

ดังนั้นทุกคนจึงก้มหน้าก้มตาลงไม่พูดอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้อาวุโสยังคงรู้สึกขอบคุณผู้อาวุโสรองและหนิงซื่ออวี๋อยู่ภายในใจ

การที่ฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่เอาชนะผู้คนอื่นๆชนิดกวาดล้างแทบทั้งหมด ทำให้สิทธิ์การผ่านเข้ารอบของเหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่นๆได้น้อยลงเช่นกัน การที่หนิงซื่ออวี๋มาช่วยกำจัดออกไปได้เช่นนี้ ทำให้เหล่าศิษย์ของพวกเขามีที่ยืนมากยิ่งขึ้น

แต่ตอนนี้หนิงซื่ออวี๋ก็สร้างความวุ่นวายให้ไม่น้อยเลย หลายคนที่เป็นตัวเกร็งของฝ่ายผู้อาวุโสใหญ่ถูกกำจัดทิ้งแทบไม่เหลือ

สำหรับเรื่องพวกนี้เหล่าศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างมีความสุขอย่างยิ่ง

“ฮ่าๆๆๆ! เจ้าศิษย์น้องตัวแสบ เจ้าช่างน่าทึ่งโดยแท้!”

“หลังจากนี้ข้าต้องมองเจ้าใหม่แล้วจริงๆ พัฒนาการในช่วงสิบวันนี้ของศิษย์น้องช่างน่าสะพรึงเกินไป!”

ลวี่อี้ยังยกนิ้วให้และเอ่ยชมขึ้นว่า

“เจ้าตัวแสบ เจ้านี่มันสุดยอดจริงๆ! ด้วยทักษะการควบคุมไฟของเจ้า แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ยังไม่กล้ารับประกันเลยว่าจะเอาชนะเจ้าได้! ท่านปรมาจารย์เย่ช่างน่าทึ่งโดยแท้! เขาใช้เวลาเพียงสิบวันก็ทำให้เจ้าพัฒนาถึงเพียงนี้!”

หนิงศื่อมุ่ยหน้าเอ่ยกล่าวอย่างไม่พอใจว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่คิดเอ่ยชื่นชมพรสวรรค์ของน้องคนนี้เลยรึไง! พรสวรรค์ข้าเองก็หาใช่ธรรมดา! มิใช่เอาแต่ชมท่านปรมาจารย์เย่อย่างเดียว!”

ลวี่อี้หัวเราะกับตัวเอง พลางเอ่ยกล่าวว่า

“อย่ากล่าวแบบนั้นไป! ท่านปรมาจารย์เย่เป็นคนอาวุโสที่ควรเคารพ จะข้ามหน้าข้ามตาชมเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้า!”

หนิงซื่ออวี๋กระทืบเท้าไปมาด้วยความโกรธ ทำเอาทุกคนรอบข้างพลางระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น

คล้อยหลังระเบิดหัวเราะจนอิ่มเอิ่มใจกันแล้ว ติงซุนก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“เจ้าตัวแสบ บอกพวกเรามาเลย ท่านปรมาจารย์เย่ฝึกพิเศษอีท่าไหนให้เจ้าในช่วงสิบวันมานี้ ถึงทำให้ทักษะการควบคุมไฟของเจ้าพัฒนาขึ้นผิดหูผิดตา?”

รูม่านตาดำของหนิงซื่ออวี๋หดแคบตีบลงทันใด เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นโดยมิตั้งใจ

เห็นได้ชัดว่าสิบวันแห่งประสบการณ์อันแสนขมขื่น หาใช่ประสบการณ์ที่น่าพอใจนักสำหรับนาง

มัน…แม้กระทั่งคำว่าน่ากลัวยังน้อยเกินไปกับสิ่งที่นางพบเจอ!

“ศิษย์พี่สอง ท่านไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามข้าอีกแล้ว! หากท่านสนใจไฉนถึงไม่ไปขอรอท่านปรมาจารย์เย่ให้สอนท่านเองล่ะ?”

หนิงซื่ออวี๋กล่าวตอบ

กลุ่มศิษย์พี่แลกเปลี่ยนสบตากันเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ตระหนักดีว่า สิบวันมานี้ศิษย์น้องของพวกเขาเองก็หาใช่ใช้ชีวิตราบรื่นนัก

ในทางตรงกันข้าม พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ศิษย์น้องของพวกเขาต้องเผชิญพบประสบการณ์ที่แสนโหดร้ายปานใด

แต่ในเมื่อศิษย์ของพวกเขาทนได้ พวกเขาเองก็น่าจะทนได้เป็นธรรมดา

เมื่อนึกถึงทักษะการควบคุมไฟของศิษย์น้อย แววตาของเหล่าศิษย์พี่ก็เริ่มช่างแววมุ่งมั่นขึ้นทันที

สำหรับนักหลอมโอสถ ทักษะการควบไฟเป็นเรื่องที่สำคัญเกินไป

ทักษะการควบคุมไฟที่แข็งแกร่งจะส่งให้เม็ดโอสถที่หลอมกลั่นได้แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย!

“ตอนนี่เหล่าผู้พิทักษ์จงก้าวขึ้นสู่เวที เตรียมการประลองรอบแรก ทักษะการควบคุมไฟ!”

ผู้ดูแลซึ่งทำหน้าที่กรรมการเอ่ยกล่าวขึ้นมา

การประลองทักษะการควบคุมไฟนี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ เหล่าผู้พิทักษ์หรือก็คือเหล่าจอมเทพโอสถสี่ดาวยังต้องต่อสู้ชิงชัยเพื่อรับสิทธิ์ในการเข้าสู่หอโอสถ

ในท้ายที่สุดนี้ ลวี่อี้ก็เป็นลองเล็กน้อยและถูกศิษย์พี่ใหญ่ของฝ่ายหรงซูโค่นลงไปได้

เว้นเสียแต่ทักษะการควบคุมไฟของลวี่อี้ต่างทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆของหรงซูส่ายหัว และต้องเหงื่อแตกพลักด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน

เมื่อเห็นเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถกับตาในรอบนั้น ก็ทำให้ลวี่อีพัฒนาขึ้นรอบด้านเช่นกัน

ปัจจุบันความแข็งแกร่งของเขาเหนือชั้นกว่าตนเองในอดีตขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว

หลังจากจากประลองทักษะการควบคุมไฟเสร็จสิ้นลง รอบที่สองก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า

…………………………………