EG บทที่ 616 ความประทับใจของซุปเปอร์แมนหลี่

 

“นายอยากให้พ่อพี่มาร่วมงานในพิธีเปิดหรอ?” หลี่เจ๋อไคมองหน้าราวกับว่าเขากำลังเจอมนุษย์ต่างดาว หลี่เจ๋อไคไม่เคยเห็นพ่อตัวเองไปร่วมงานพิธีเปิดใดๆ เลยสักครั้งในชีวิตของเขา!

 

“ทำไมหรอครับ? พ่อของพี่ก็เป็นเจ้าของหุ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวนี้ด้วย เขาก็ควรมาร่วมพิธีเปิดงานด้วยไม่ใช่หรอครับ?” เฝิงหยู่ยิ้มและถาม

 

“มันเป็นเรื่องยากที่จะเชิญเขา พ่อของพี่ไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้ซักเท่าไหร่ เขาหลีกเลี่ยงการทำตัวให้เป็นจุดเด่นมาเป็นเวลาหลายปี และปล่อยให้พี่ชายของพี่และผู้ช่วยของเขาเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้”

 

“พี่ยังไม่ได้ลองถามพ่อเลย แล้วพี่จะรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่อยากมาร่วมงาน? อย่าลืมสิว่าเขาจะต้องไปประเทศอะไร”

 

หลี่เจ๋อไคขมวดคิ้ว เขาจะไปประเทศอะไรหรอ? ใช่สิ เขาจะต้องไปปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน!

 

“เอาไว้พี่จะถามให้เมื่อกลับถึงบ้านนะ แต่อย่าหวังไว้สูงมากล่ะ “

 

หลี่เจ๋อไคก็อยากให้พ่อของเขามาร่วมพิธีเปิด เพราะจะเป็นการสนับสนุนจากพ่อของเขา แต่ขนาดงานเปิดบริษัท แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ป พ่อของเขาก็ยังไม่ไปเลย แล้วเขาจะยอมมาร่วมงานเปิดตัวซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัว หรอ?

 

เย็นวันนั้น หลี่เจ๋อไคกลับบ้านไปทานอาหารค่ำ ในช่วงอาหารเย็น เขาพยายามหาทางพูด แต่ก็หยุดคิดอีกครั้ง

 

ซุปเปอร์แมนหลี่ค่อยๆ กินข้าว และเขาก็ดูออกว่าเหมือนหลี่เจ๋อไคอยากจะพูดอะไรกับเขา เขาทานอาหารเย็นเสร็จและบอกหลี่เจ๋อไค “ถ้าแกมีอะไรจะพูด ก็มาหาพ่อที่ห้องหนังสือล่ะกัน”

 

“พ่อครับ ซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวน่าจะเปิดสิ้นเดือนกรกฎาคมหรือไม่ก็ต้นเดือนสิงหาคม เฝิงหยู่อยากเชิญผู้ถือหุ้นทั้งหมดเข้าร่วมพิธีเปิด เขาขอให้ผมมาเชิญพ่อไปร่วมงานด้วยน่ะครับ”

 

“แกไม่ได้บอกเขาไปหรอว่าพ่อไม่ชอบไปงานแบบนี้?” ซุปเปอร์แมนหลี่มองหน้าลูกชายคนเล็กของเขา

 

“ผมบอกเขาแล้วครับ แต่เขาบอกว่าพ่ออาจจะสนใจก็ได้เพราะงานนี้จัดที่ปักกิ่ง”

 

ดวงตาของซุปเปอร์แมนหลี่เปล่งประกายทันที ปักกิ่ง? เฝิงหยู่คนนี้เป็นเพื่อนที่น่าสนใจจริงๆ

 

“เชิญเฝิงหยู่มาทานมื้อเย็นในวันพรุ่งนี้ ให้เขามาชวนพ่อเอง พ่อยังไม่เคยเจอเขาเลย” ซุปเปอร์แมนหลี่พูดขึ้นมาทันที

 

หลี่เจ๋อไคเบิกตาโต พ่อของเขาเชิญเฝิงหยู่ไปที่บ้านเพื่อทานอาหารเย็นงั้นหรอ? เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พ่อของเขายอมให้คนอื่นมามาที่บ้านของพวกเขา

 

“โอเคครับ เดี๋ยวผมจะบอกให้เขามาหาพ่อพรุ่งนี้”

……

 

“พ่อของคุณเชิญผมไปทานอาหารเย็นหรอ? ตกลงเลย ผมจะไปครับ”

 

เฝิงหยู่ไม่แปลกใจกับคำเชิญของซุปเปอร์แมนหลี่ เมื่อก่อนเขาเคยได้รับเชิญจากฟู่หยงฉี และซุปเปอร์แมนหลี่ก็น่าจะรู้เรื่องนี้ เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้ยินมาว่าซุปเปอร์แมนหลี่จะคอยดูข่าวและอ่านหนังสือพิมพ์จากทั่วทุกมุมโลก เขาน่าจะอ่านหนังสือพิมพ์จีน ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา บางทีซุปเปอร์แมนหลี่ทำการประเมินความร่ำรวยที่แท้จริงของเขาแล้วก็ได้

 

ใครจะไม่สงสัยในตัวชายหนุ่มที่น่าอัศจรรย์คนนี้บ้างล่ะ? ซุปเปอร์แมนหลี่ก็เป็นมนุษย์เช่นกัน และเขาก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเฝิงหยู่

 

เฝิงหยู่มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ตรงเวลาเป๊ะตอน 18.30 น. เขาจำบทความในหนังสือพิมพ์ที่บอกว่าซุปเปอร์แมนหลี่ตื่นตอน 6 โมงเช้าและหยุดทำงานเวลา 18.00 น. นี่เป็นนิสัยของเขามานานหลายปี เนื่องจากเขาทำงานเสร็จในเวลา 18.00 น. ดังนั้นการมาถึงเวลา 18.30 น. ก็น่าจะตรงเวลาพอดี

 

เฝิงหยู่นำไวน์หนึ่งขวดมาด้วยเป็นปกติ ซุปเปอร์แมนหลี่ชอบเล่นกอล์ฟและเก่งในเรื่องนี้ แต่เฝิงหยู่ก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกอล์ฟและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะซื้อไม้กอล์ฟได้ที่ไหน ไวน์ยังคงเป็นตัวเลือกที่สะดวกกว่าอยู่ดี

 

หลี่เจ๋อไคออกมาเปิดประตูให้เฝิงหยู่เป็นการส่วนตัว และพี่ชายของเขา หลี่เจ๋อจู ก็มาร่วมต้อนรับเขาด้วยเช่นกัน ซุปเปอร์แมนหลี่ไม่ได้เดินออกมาและนั่งอยู่ที่โซฟา

 

ซุปเปอร์แมนหลี่ยืนขึ้นเมื่อเฝิงหยู่เข้าไปในห้องนั่งเล่น “หลานเฝิง มาคุยกันก่อน อาหารค่ำน่าจะพร้อมเสิร์ฟในอีกไม่ช้า”

 

หลานชายอีกแล้วหรอ? ทำไมชาวฮ่องกงถึงชอบเรียกคนอื่นว่าหลานชาย? แต่เฝิงหยู่นึกถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลี่เจ๋อไค วิธีเรียกแบบนี้ก็ไม่ผิด เฝิงหยู่และหลี่เจ๋อไคสนิทกันค่อนข้างเหมือนพี่น้องมาก

 

“สวัสดีครับลุงหลี่ครับ ผมรู้จักพี่ไคมาสักพักนึงแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้มาหาคุณลุงเลย ผมหวังว่าคุณลุงจะไม่โกรธผมนะครับ”

 

“ฮ่าๆๆๆ ลุงเองต่างหากที่เชิญคุณมาสาย หลานเฝิงมีความสามารถมากและลุงน่าจะเชิญหลานมาตั้งนานแล้ว” ซุปเปอร์แมนหลี่ค่อนข้างเป็นมิตร ซึ่งต่างจากข่าวลือที่พูดถึงเกี่ยวกับตัวเขาเลย แน่นอนว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับสถานะของเฝิงหยู่ด้วยก็ได้ ซุปเปอร์แมนหลี่มองว่าเฝิงหยู่มีสถานะค่อนข้างสูง เขาอาจจะมองว่าเฝิงหยู่อยู่ในตำแหน่งเท่าเทียมกับเขาเลยก็ได้

 

ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุขและพ่อครัวก็ออกมาแจ้งให้พวกเขาทราบว่าอาหารมื้อเย็นพร้อมแล้ว

 

ในระหว่างรับประทานอาหารเย็น ซุปเปอร์แมนหลี่ก็คุยกับเฝิงหยู่ และเฝิงหยู่สังเกตว่ามีอาหารจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนมากบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นเมนูที่ทำมาเพื่อต้อนรับเขาโดยเฉพาะ

 

หลังอาหารเย็น ซุปเปอร์แมนหลี่ชวนเฝิงหยู่ไปดื่มชาที่ห้องหนังสือของเขา เฝิงหยู่รู้ว่าซุปเปอร์แมนหลี่อยากพูดคุยเรื่องธุรกิจกับเขา

 

ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจร่ำรวยของฮ่องกงหรือจีน ทุกคนชอบพูดคุยธุรกิจในสถานที่เงียบสงบทั้งนั้น ชาวฮ่องกงชอบคุยในห้องหนังสือมากกว่า หนังสือหลายเล่มในห้องหนังสืออาจมีไว้สำหรับตกแต่งเท่านั้น และนักธุรกิจร่ำรวยส่วนใหญ่ไม่เคยหยิบมาอ่านสักเล่มเลย นอกจากนี้ นักธุรกิจร่ำรวยส่วนใหญ่ในฮ่องกงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่และมีผู้ช่วยจำนวนมาก

 

เมื่อชาติที่แล้วของเฝิงหยู่ เขาได้ยินมาว่าซุปเปอร์แมนหลี่เป็นคนที่ระมัดระวังมาก เขาไม่เชื่อใจคนอื่นง่ายๆแม้ว่าจะเป็นผู้ช่วยของเขาเองก็ตาม นี่เป็นเพราะถ้าสิ่งที่เขาพูดหลุดรั่วออกไป เขาอาจสูญเสียโอกาสได้

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ซุปเปอร์แมนหลี่จะพูดคุยกับแขกของเขาเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปเล็กน้อยในห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร แต่สำหรับประเด็นสำคัญ เขาจะคุยในห้องหนังสือของเขา เมื่อปิดประตูห้องหนังสือแล้ว คนข้างนอกจะไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรเลย

 

เฝิงหยู่มองไปรอบๆ ห้องหนังสือ เขาสังเกตเห็นว่ามีนวนิยายวางอยู่บนโต๊ะ เขาเคยได้ยินว่าซุปเปอร์แมนหลี่ชอบอ่านหนังสือทุกคืน เขาอาจจะอ่านหนังสือทั้งหมดที่อยู่บนชั้นวางก็ได้

 

“นายอยากดื่มอะไร?” หลี่เจ๋อไคถาม

 

“ชาเขียวก็ได้ครับ”

 

ผู้ช่วยนำชาเขียวหนึ่งแก้วเข้ามาเสิร์ฟในห้อง แล้วก็ออกไปพร้อมกับปิดประตู

 

“หลานเฝิง ลุงได้ยินจากเจ๋อไคว่าหลานอยากเชิญลุงไปร่วมงานพิธีเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวหรอ?”

 

“ใช่แล้วครับ ผมตั้งใจจะสร้างโฆษณาสำหรับงานพิธีเปิดและให้สถานีโทรทัศน์ CCTV รายงานเรื่องนี้ในข่าวด้วย วิธีนี้จะทำให้คนรู้จักซุปเปอร์มาร์เก็ตไท่หัวเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันสั้น”

 

“สถานีโทรทัศน์ CCTV จะรายงานข่าวงานพิธีเปิดเพราะว่ามีลุงอยู่ด้วยน่ะสิ ลุงเป็นแค่ผู้ถือหุ้นรายย่อยเท่านั้น และก็ไม่น่าจะมีหน้าที่ต้องเข้าร่วมงานพิธีเปิดใช่มั้ย?” ซุปเปอร์แมนหลี่พูดติดตลก เขารู้ว่าพิธีเปิดจะกลายเป็นข่าวเมื่อเขาไปร่วมงาน

 

“ลุงหลี่น่าจะมีแผนไปจีนในอีกไม่ช้านี้ใช่มั้ยครับ? คุณลุงอยากไปคุยกับผู้นำระดับสูงของจีนเกี่ยวกับเรื่องการคืนประเทศของฮ่องกงไม่ใช่หรอครับ? หรือบางทีคุณลุงอาจจะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีนและเอามาช่วยการลงทุนของบริษัทในประเทศจีนเพื่อทำเงินมากขึ้นก็ได้นะครับ?” เฝิงหยู่ถามเขากลับมา

 

ปัจจุบันนี้ การลงทุนของซุปเปอร์แมนหลี่ส่วนใหญ่อยู่ในฮ่องกง รองลงมาก็คือจีน การลงทุนในประเทศแคนาดาอยู่ในอันดับที่สามเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศจีน ธุรกิจของเขาก็จะได้รับผลกระทบด้วย

 

“ทำไมลุงถึงต้องเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้ด้วยล่ะ?”

 

“เพราะว่าคุณลุงได้กำหนดมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาของจีนและเชื่อว่าจีนจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในอีก 20 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ การลงทุนหลักของคุณลุงก็น่าจะอยู่ในประเทศจีนใช่มั้ยครับ?”

 

หลี่เจ๋อไครู้ว่าพ่อของเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาของจีน แต่เฝิงหยู่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ สิ่งที่เฝิงหยู่พูดถูกต้องแม่นยำเหมือนกับสิ่งที่พ่อของเขาคิดเป๊ะ ทั้งสองรู้สึกว่าเศรษฐกิจของจีนจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า!

 

ซุปเปอร์แมนหลี่มองเฝิงหยู่และอ้าปากค้าง “หลานสามารถทำนายเรื่องนี้ได้ แค่จุดนี้จุดเดียว ลูกชายของลุงทั้งสองคนก็เทียบกับหลานไม่ติดเลย”