ตอนที่ 466 หางโผล่

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 466

หางโผล่

“…….”จิ้งจอกเหมันต์กับมังกรอัสนีเดินตามไป๋จูล่งและหลี่เย่ไปห่างๆเพราะกลัวว่าจะเข้าระยะตรวจจับของจูล่ง แต่อยู่ห่างเกินไปก็มองไม่เห็นสุดท้ายจิ้งจอกเหมันต์และมังกรอัสนีทองคำก็ต้องอาศัยหลบอยู่ในกลุ่มผู้คนแล้วเดินติดตามจูล่งในระยะที่ไม่ค่อยปลอดภัยนัก

“ทำไมเจ้าถึงสงสัยแม่นางคนนั้นล่ะ ข้าไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลย”มังกรอัสนีทองคำถามพลางเดินตามจิ้งจอกเหมันต์ด้วยท่าทีสงสัย สำหรับมันแล้วก็เห็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งเดินร่วมกับจูล่งเท่านั้นไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย

“เจ้านี่อยู่มาตั้งนานไม่ได้รู้จักมารยาหญิงเลยสินะ”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ อย่างว่าล่ะราชาผู้โดดเดี่ยวจะไปเข้าใจอะไร

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เข้าใจ แต่ข้าเห็นว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นต่างหาก”มังกรอัสนีทองคำตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ

“คอยดูก็แล้วกัน เดี๋ยวนางก็โผล่หางออกมาเอง”จิ้งจอกเหมันต์ตอบพลางกอดอกด้วยท่าทีมั่นใจ

.

.

น่าเสียดาย แม้จิ้งจอกเหมันต์จะมั่นใจเสียหนักหนาว่าหลี่เย่ต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ตลอดเส้นทางที่เดินไปร้านขายอุปกรณ์แพทย์ หลี่เย่กับจูล่งเพียงเดินด้วยกันและพูดคุยกันเล็กน้อยเท่านั้น ดูท่าทั้งอาจารย์ของหลี่เย่อย่างเหล่าเซียงทั้งจิ้งจอกเหมันต์ก็คาดไม่ถึงว่าตัวหลี่เย่นั้นไม่ได้มีทักษะของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เด็กนางก็ถูกอาจารย์สอนสั่งเรื่องการแพทย์จนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น แม้แต่ตอนเข้าโรงเรียนของอาณาจักรอู๋นางก็แทบจะไม่ได้คุยอะไรกับผู้ชายเลย อาจจะเพราะนางมีความสามารถสูงเกินไปทำให้เหล่านักเรียนแพทย์ที่ตั้งใจจะเป็นแพทย์ในอนาคตรู้สึกเกรงก็เป็นได้

“น้องจูล่ง ทางนี้”หลี่เย่พูดพลางชี้ไปทางร้านขายอุปกรณ์แพทย์ที่ตั้งอยู่กลางเมือง ร้านนี้เป็นร้านที่ใกล้บ้านของหลี่เย่ที่สุดและยังเป็นร้านที่โรงเรียนการแพทย์ใช้บริการด้วย เพราะฉะนั้นอุปกรณ์ในร้านนี้จึงมีคุณภาพดีมากทีเดียว

“พี่สาวหลี่เย่ คราวก่อนท่านเอาน้ำจากสระชีพจรวารีไป ท่านเอาไปทำอะไรหรือขอรับ”ไป๋จูล่งถามขณะเดินเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ ตัวจูล่งไม่ค่อยรู้จักหลี่เย่นักเลยไม่ทราบจะคุยอะไร เรื่องโลกภายนอกนางท่าทางจะรู้มากกว่าตัวมันเสียอีก สิ่งที่มันจำได้เกี่ยวกับหลี่เย่คือนางเป็นหมอที่เก่งมากเท่านั้น

“ข้าไม่ได้ใช้เองหรอก”หลี่เย่ตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ บอกตาตรงว่านางก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาจารย์พยายามจะทำยาอะไร

“อาจารย์ของข้ากำลังพยายามทำยาบางอย่างอยู่… เท่าที่ข้าได้ยินเหมือนท่านจะกำลังหาทางช่วยสหายเก่าของท่านเท่านั้น”หลี่เย่ตอบออกไปตามตรง เท่าที่นางรู้มาก็มีเพียงเท่านี้ ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ายาที่ท่านอาจารย์ต้องการจะทำขึ้นมานั้นคือยาอะไร ไม่ทราบแม้แต่สหายของอาจารย์คือใครหรือบาดเจ็บเป็นอะไรเสียด้วยซ้ำ

“เช่นนั้นข้าก็ยินดีขอรับที่น้ำจากสระชีพจรวารีช่วยอาจารย์ของพี่หลี่เย่ได้ ข้าว่าท่านน้าต้องดีใจแน่ๆ”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจอย่างมาก ทำเอาหลี่เย่ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ นางจะหลอกลวงเด็กคนนี้จริงๆงั้นหรือ นางทำไม่ลงจริงๆ

“น้องจูล่ง ข้าขอไปเลือกอุปกรณ์สักครู่นะ”หลี่เย่ว่าพลางเดินไปที่มุมหนึ่งของร้าน เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆทำให้ยาและอุปกรณ์ต่างๆถูกเก็บรักษาให้สะอาดได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก แถมยังมีอุปกรณ์เฉพาะทางอยู่อีกหลากหลายอย่าง อย่างมีดผ่าตัดเองแม้จะมีคนสามารถทำการผ่าตัดได้ไม่มาก แต่ในร้านแห่งนี้เองก็มีบริการรับตีขึ้นมาหรือแม้แต่ซ่อมแซมชิ้นที่มีอยู่ก็ยังได้

“ให้ข้าช่วยเลือกนะขอรับ”จูล่งว่าพลางเดินตามหลี่เย่ไปด้วย แน่นอนมันเองก็มีวิชาแพทย์ติดตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันมีดวงตาสีทองคอยตรวจสอบของต่างๆ ทำให้มันสามารถเลือกหยิบอุปกรณ์ที่ดีที่สุดออกมาได้แม้จะกองอยู่รวมกันนับร้อยๆชิ้นก็ตาม

“ดะ ได้สิ”หลี่เย่ตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู พอเจอจูล่งทำเช่นนี้นางก็โยนคำสั่งของอาจารย์ออกไปจากหัว ช่วยไม่ได้นี่นาเด็กคนนี้ท่าทางไร้เดียงสานางหลอกไม่ลงจริงๆ เอาไว้กลับไปค่อยก้มหัวขอโทษอาจารย์เอาก็แล้วกัน

“พี่หลี่เย่ ชิ้นนี้เอาไว้ทำอะไรหรือขอรับ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”ไป๋จูล่งถามพลางเอาอุปกรณ์ท่าทางแปลกๆออกมาถือเอาไว้ในมือ แม้การผ่าตัดจะแพร่มาจากตัวไป๋จูเหวิน แต่หลายปีต่อมาก็เริ่มมีการพัฒนามากขึ้น อย่างแรกคือหมอคนอื่นๆไม่สามารถมองทะลุได้อย่างไป๋จูเหวินหรือหลี่เย่ ทำให้ต้องมีอุปกรณ์เสริมเพื่อช่วยในการทำงานหลายชิ้นที่ไม่มีในตำราของไป๋จูเหวินรวมทั้งน้ามังกรเองก็ไม่ได้สอนอีกด้วย

“ชินนี้…..”หลี่เย่หยิบอุปกรณ์ที่จูล่งบอกขึ้นมา ก่อนจะเริ่มอธิบายช้าๆ แม้จะคุยเรื่องอื่นกันไม่ถนัด แต่หลี่เย่เรียนวิชาแพทย์มาทั้งชีวิต พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแพทย์แล้วหลี่เย่กลับพูดได้คล่องแคล่วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่นานหัวข้อสนธนาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องการแพทย์และการรักษา ส่งผลให้ทั้งหลี่เย่ทั้งจูล่งพูดคุยกันได้เหมือนชายหญิงปกติเสียที

.

.

“ก็…ไม่เห็นมีอะไรแปลกนี่”มังกรอัสนีทองคำพูด ตอนนี้แม้จะไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ท่าทีของไป๋จูล่งและหลี่เย่ก็ออกจะธรรมดาสามัญไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหน

“ยังหรอก…เดี๋ยวนางต้องทำอะไรแน่”จิ้งจอกเหมันต์ส่ายหน้าช้าๆพลางจดจ้องท่าทีของหลี่เย่อย่างตั้งใจ แต่ถึงปากจะพูดอย่างนั้น หลี่เย่กลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาอย่างที่มังกรอัสนีทองคำพูดจริงๆ นางเหมือนไม่ได้มีท่าทีจะทำอะไรจูล่งเลย แล้วนางจะแต่งตัวมาทำไมกัน… หรือว่าจูล่งแค่บังเอิญเจอนางตอนแต่งตัวแบบนั้นแล้วเท่านั้น?

“ทำไมเจ้าเหมือนจะอยากให้นางทำอะไรจูล่งเลยล่ะ”มังกรอัสนีทองคำถามด้วยท่าทีงงๆ ไม่ใช่ว่านางกำลังลุ้นให้หลี่เย่ทำอะไรจูล่งอยู่งั้นหรือ

“คะ ใครจะไปคิดแบบนั้นกัน”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางแยกเขี้ยวใส่มังกรอัสนีทองคำทันที

.

.

ปึง! ระหว่างที่จูล่งกับหลี่เย่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องวิชาแพทย์อยู่นั้น อยู่ๆก็มีชายชราคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในร้านด้วยท่าทีร้อนรนอย่างมาก

“ใครก็ได้ ช่วยด้วย”ชายชราคนนั้นพูดพลางมองไปรอบๆร้าน ลูกค้าภายในร้านแห่งนี้ต่างเป็นหมอไม่ก็ผู้เกี่ยวข้องกับวิชาชีพแพทย์ทั้งนั้น ไม่ต้องถามเลยว่าชายคนนั้นจะขออะไร

“ได้โปรด ลูกชายของข้าอยู่ๆก็ล้มชักกับพื้น ใครก็ได้ช่วยไปดูอาการลูกชายข้าให้ที”ชายชราพูดด้วยท่าทีลุกลนอย่างมาก หน้าซีดเผือดของมันทำให้เห็นได้ชัดเลยว่ามันตกใจมากจริงๆ

“ท่านลุง ที่นี่เป็นร้านอุปกรณ์นะ ถ้าจะหาหมอไปรักษาก็ไปที่โรงพยาบาลเถอะ”เจ้าของร้านพูดพลางส่ายหน้าช้าๆ แม้ที่นี่จะมีหมออยู่ก็จริง แต่ทุกคนก็เลิกงานกันไม่ก็มาทำธุระทั้งนั้น

“ขอร้องเถอะ ที่นี่ใกล้กับบ้านข้าที่สุดแล้ว ข้ากลัวว่าเดินทางไปโรงพยาบาลจะไม่ทันการ”ชายชราขอร้องพลางมองไปรอบๆเหมือนจะหาความหวัง แต่หมอส่วนใหญ่ก็ยังมีท่าทีลังเลอยู่นั่นเพราะชายชราแต่งตัวซอมซ่อเสียเหลือเกิน หากไปรักษาอาจจะไม่ได้ค่ารักษาก็ได้

“ท่านลุง พาข้าไปหาลูกชายท่านเถอะ”หลี่เย่ได้ฟังเรื่องราวก็เดินเข้าไปหาชายชราด้วยสัญชาติยานทันที อาจจะเพราะข้อเสียที่นางเรียนวิชาแพทย์มาทั้งชีวิตก็ได้ นางทนเห็นคนบาดเจ็บไม่ได้จริงๆ

“จริงหรือแม่หนู ไม่สิท่านหมอ เชิญทางนี้เลยขอรับ”ชายชรายิ้มอย่างโล่งใจก่อนจะเดินนำหลี่เย่ออกไปทันที

“น้องจูล่ง วันนี้ขอบใจเจ้ามากที่มาซื้อของเป็นเพื่อนข้า”หลี่เย่ยิ้มพลางหันมามองจูล่งด้วยท่าทีอ่อนหวาน นางตัดสินใจจะไม่หลอกลวงจูล่งแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องหาเรื่องอยู่ใกล้ชิดจูล่งอีก นางจึงถือโอกาสนี้บอกลามันในทีเดียวเลย

“ท่านกำลังจะไปรักษาคนไม่ใช่หรือขอรับ ข้าช่วยท่านได้นะ”จูล่งพูดพลางเดินตามหลี่เย่ไปอย่างรวดเร็ว วันนี้มันว่างทั้งวัน แถมอาจารย์ของหลี่เย่ยังฝากให้มันอยู่เป็นเพื่อนหลี่เย่อีกต่างหาก มันจะปล่อยให้นางไปคนเดียวได้อย่างไร

“แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน”หลี่เย่ส่ายหน้าน้อยๆ จะว่าไปตอนอยู่บนรถไฟจูล่งก็ช่วยเหลือเด็กคนนั้นทันทีเลยนี่นา บางทีมันอาจจะเป็นคนที่ทนมองคนบาดเจ็บไม่ได้เช่นเดียวกับนางก็ได้

ปึง!! ชายชราที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีแรงแทบจะผลักประตูบ้านจนพัง ท่าทางมันจะเป็นห่วงบุตรชายจริงๆถึงได้รีบร้อยขนาดนั้น

“ทางนี้ขอรับท่านหมอ”ชายชราว่าพลางพาหลี่เย่ตรงเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งทันทีที่เข้าไปในตัวบ้านหลี่เย่ก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนชักอยู่บนพื้นตามที่ชายชราบอกจริงๆ

“นี่มัน..”หลี่เย่ชะงักเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า

“ลมชัก?”จูล่งเบิกตากว้างพลางมองสภาพชายหนุ่มตรงหน้า เห็นชายชรามีท่าทีหวาดกลัวเสียขนาดนั้นนึกว่าจะเป็นอะไรเสียอีก ที่แท้ก็เป็นลมชักนี่เอง

“ท่านลุง ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ”หลี่เย่ว่าพลางนั่งลงข้างๆชายคนนั้น ก่อนจะปลดเสื้อให้หลวมลง คลายผ้าผูกเอวก่อนจะประคองศีรษะของชายคนนั้นเอาไว้ อาการของชายคนนี้ยังไม่รุนแรงอะไร ปล่อยเอาไว้สักพักก็น่าจะหยุดชักไปเอง

“หยุดแล้ว…”ชายชราพูดพลางเบิกตากว้าง มันหรือกังวลจนไม่ทราบจะทำอะไรดี หลังจากอาการของบุตรชายทุเลาลง หลี่เย่ก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับโรคลมชักให้ชายชราเข้าใจช้าๆ ทำให้ชายชรามีท่าทีโล่งอกเป็นอย่างมาก

“ท่านพ่อ ข้าเป็นอะไรไป”บุตรชายของชายชราที่หายจากอาการชักแล้วถามพลางมองไปรอบๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วหญิงสาวที่ประคองศีรษะของมันอยู่คือใคร แล้วกลิ่นนี่มันอะไรกัน….

“ลูกข้า อยู่ๆเจ้าก็ล้มลงไปชักกับพื้น แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ท่านหมออธิบายให้…..”พูดไม่ทันจบ อยู่ๆบุตรชายของชายชราก็ลุกขึ้นมานั่งพลางหันไปมองหลี่เย่ด้วยสีหน้าแปลกๆ ดวงตาของมันแฝงไปด้วยความหลงใหลอย่างประหลาด ทำให้หลี่เย่ชะงักไปทันที นางลืมไปเลยว่าอาจารย์ฉีดยาเสน่ห์ให้นางก่อนจะออกมา แต่เพราะจูล่งไม่มีท่าทีจะรู้สึกเลยนางก็เลยลืมไป

ฟุบ….อยู่ๆบุตรชายของชายชราก็โน้มตัวเข้าไปหมายจะจูบหลี่เย่ที่กำลังตกใจอยู่โดยไม่ทันตั้งตัว ดูเหมือนยาเสน่ห์จะได้ผลกับมันอย่างมากทีเดียว

“……….”หลี่เย่ที่โดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวชะงักค้างไปหลายวินาที เพียงแต่สิ่งที่แตะอยู่ทิ่ร่มฝีปากของนางกลับไม่ใช่ริมฝีปากของบุตรชายของชายชรา แต่เป็นมือของจูล่งที่แทรกเข้ามาก่อนที่ชายคนนั้นจะจู่โจมต่างหาก

“ทำแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ”จูล่งว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ มารดาของมันสอนว่าการจูบจะทำกับคนที่รักเท่านั้น อยู่ๆไปขโมยจูบจากหญิงสาวออกจะเป็นเรื่องใจร้ายไปเสียหน่อยกระมัง

“เจ้าลูกบ้า ทำอะไรลงไป”ชายชราที่เห็นลูกชายจู่โจมหลี่เย่ก็พลันโมโหอย่างมาก นอกจากหลี่เย่จะเป็นหญิงสาวแล้วนางยังเป็นผู้มีพระคุณอีกต่างหาก นางอุตส่าห์มาช่วยเจ้าลูกบ้ากลับทำอะไรลงไป

“ท่านลุง ใจเย็นเจ้าค่ะ”หลี่เย่ว่าพลางโบกมือไปมา ที่มันเป็นเช่นนี้เพราะยาเสน่ห์ของอาจารย์ต่างหาก

“บางทีอาจจะเป็นเพราะอาการของลมชักก็ได้ อย่างไรท่านก็ดูแลลูกชายของท่านตามที่ข้าบอกนะเจ้าคะ”หลี่เย่ว่าพลางลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้ถือสาอะไรบุตรชายของชายชราแม้แต่น้อย ช่วยไม่ได้นี่นาก็มันเป็นผลมาจากยาเสน่ห์นี่

“ท่านหมอ…แล้วค่ารักษา..”ชายชราถามพลางมองหลี่เย่ที่ทำท่าเหมือนจะออกจากบ้านไปเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”หลี่เย่ตอบ นางไม่ได้ใช้ยาหรือลงมือรักษาเลย จะไปมีค่าใช้จ่ายได้อย่างไร

“แต่…”ชายชรามีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แม้บ้านของมันจะดูเก่าและไม่ค่อยมีเงินนัก แต่ตนเรียกหมอมารักษาแล้วจะไม่ให้จ่ายเงินเลยก็…

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่คิดเงินหรอก”หลี่เย่ว่าพลางเดินออกไปจากบ้านของชายชราทันที เพียงแต่วินาทีแรกที่ออกมา ดวงตาของหลี่เย่ก็สบเข้ากับร่างของจิ้งจอกเหมันต์และมังกรอัสนีทองคำที่ยืนรออยู่ข้างนอกพอดี

“กลิ่นนี่…”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางเดินเข้ามาใกล้ๆหลี่เย่ ตอนแรกจิ้งจอกเหมันต์ก็เกือบจะยอมแพ้แล้วเพราะหลี่เย่ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย แต่พอเห็นลูกชายของชายชราทำแบบนั้นจิ้งจอกเหมันต์ก็จับสังเกตได้พอดี

“ทำไมเจ้าถึงใช้ยาเสน่ห์ตอนอยู่กับล่งเอ๋อกัน”จิ้งจอกเหมันต์ถามด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ตอนแรกก็นึกว่านางจะใช้มารยาหญิงธรรมดา แต่ถึงขั้นใช้ยาเสน่ห์แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว

วันนี้เดินทางทั้งวันเลยครับ พึ่งกลับถึงที่พักตอนเย็นเลยลงดึกหน่อย -0-